ตอนที่ 3
“เรื่องร้าย ๆ ...อย่างนั้นหรือคะ?”
“คีธถูกจับได้ว่าเขาใช้สารกระตุ้นหลังขึ้นชกชิงแชมป์โลก ทุกคนช็อค และวงการมวยอเมริกาก็ช็อคกับเหตุการณ์ในวันนั้น พ่อพยายามทำความเข้าใจคีธและคิดว่าเขาคงต้องการเป็นแชมป์โลกที่ทุกคนจะยอมรับ”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะคุณพ่อ”
“หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น โคเลสนิก รอชนีเชนโกก็หายหน้าไปจากวงการมวยสมัครเล่นของอเมริกา เขาขอลาออกจากสังกัดของเราและบอกกับพ่อเพียงสั้น ๆ ว่าจะเดินทางกลับไปรัสเซีย พ่อคิดว่าเขาคงหลบไปรักษาแผลใจที่มันเกิดจากการกระทำของเขาเอง พ่อไม่ขัดขวางเขาหรอกนะ คีธหายไปนานและเมื่อปีที่แล้วเขาก็กลับเข้าสู่วงการมวยสมัครเล่นในฐานะโปรโมเตอร์เจ้าของอาคิลลาที่ดึงตัวนักมวยดังในสังกัดบริษัทของเราไปเกือบหมด”
“ทำไมคีธทำแบบนั้นล่ะคะคุณพ่อ?”
ทิพชยาเอียงหน้าสวยหวานซึ่งบัดนี้มีแต่ความกังขาต่อสิ่งที่ได้ยิน
“เขาคงโกรธพ่อกระมัง” ยาซาโน่ยักไหล่เบา ๆ เขายังกล่าวต่อด้วยท่าทีตึงเครียด
“เขาคิดว่าพ่อไม่ได้ปกป้องเขาตอนนั้นในฐานะโปรโมเตอร์ที่ผลักดันเขามาตลอดก่อนการชิงแชมป์โลก เขาคิดว่าพ่อหักหลังเขาและไม่ต้องการให้เขาได้รับชัยชนะในการแข่งขัน...แทมมี่...ลูกก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง ทุ่มเทมากแค่ไหนกับงานโปรโมเตอร์”
ชายวัยกลางคนประสานมือไว้บนโต๊ะ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองทิพชยาราวกับจะเรียกร้องความเป็นธรรม
“หนูเข้าใจคุณพ่อเสมอค่ะ แต่...ทำไมคุณพ่อต้องเรียกหนูกลับมาจากลอนดอนกระทันหันด้วยล่ะคะ?”
“เพราะพ่อคิดว่าลูกจะช่วยพ่อได้”
“หนูหรือคะ?” ทิพชยาชี้นิ้วเข้าหาตัวและหรี่นัยน์ตาคู่หวานขณะบิดาของเธอพยักหน้า
“แทมมี่...ลูกคือความหวังเดียวที่พ่อยังเหลืออยู่ ลูกจะช่วยกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมาได้”
“หนูจะทำอะไรได้ล่ะคะคุณพ่อ หนูไปลอนดอนเพื่อเรียนด้านการออกแบบ ไม่ได้ร่ำเรียนทางด้านการทำธุรกิจหรือคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงหมัดมวยอย่างที่คุณพ่อทำอยู่ตอนนี้นะคะ”
“ลูกช่วยพ่อได้...แทมมี่...พ่ออยากให้ลูกไปเจรจาให้คีธคืนนักมวยที่ไปอยู่ในสังกัดของเขา กลับมาอยู่กับเรา”
ทิพชยาขมวดคิ้วและส่ายหน้า “เจรจาหรือคะคุณพ่อ?...แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ในเมื่อคีธเคยโกรธคุณพ่อและที่สำคัญหนูก็ไม่เจอเขามานานเกือบสองปีแล้ว”
“พ่อรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยาก แต่พ่อแค่อยากให้ลูกเข้าไปขอความเห็นใจจากเขาก่อนที่ทุกอย่างในบริษัทของเราจะเหลือแค่ศูนย์ ตอนนี้เราแทบไม่มีนักมวยฝีมือดีอยู่ในสังกัด คีธดูดคนของเราไปหมด เขากำลังจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปเป็นของเขา”
“แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนตัดสินใจเองนะคะ เขาตัดอนาคตตัวเองซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อสักนิด”
“พ่อถึงอยากให้ลูกไปพบเขา” ยาซาโน่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ความตึงตึงเครียดที่ฉายอยู่บนใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยของการผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
