ดอกรักที่ 1 คู่ปรับเก่า (4)
“แล้วเมื่อครู่นายขับรถดีดโคลนใส่ใครมาล่ะ?” แทนที่จะตอบ กางเขนกลับย้อนถาม
อาคเนย์ทำหน้ายุ่งพลางกวาดสายตามองผู้หญิงตรงหน้าที่อยู่ในชุดเอี๊ยมหมีซึ่งเลอะโคลนไปทั้งตัว ดูไปแทบไม่ต่างจากลูกหมูที่ลงไปแช่ตัวในบ่อโคลนมาเลย
“อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือเธอ?”
“ก็เออสิ ฉันเป็นเอาโคลนละเลงกระจกรถของนายเอง แก้แค้นที่นายขับรถดีดโคลนใส่ฉันไง!”
กางเขนกอดอกยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน ถึงเธอจะพอใจ ที่สามารถเอาคืนแก้แค้นอาคเนย์ได้บ้าง แต่เมื่อเห็นหน้ากวน ๆ ที่รกไปด้วยหนวดเคราของอีกฝ่ายก็ทำให้เธอหงุดหงิดได้อีก
ส่วนอาคเนย์นั้นได้แต่กรอกลูกตาด้วยความระอา เพราะผู้ที่ทำหญิงสาวมอมแมมไม่ใช่เขา แต่เป็นลูกน้องในฟาร์ม
“เธอแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือฉัน?”
“อ้าวพูดแบบนี้ก็หาเรื่องกันนี่หว่า รถสีนี้ หมายเลขทะเบียนนี้มีหลายคันหรือไง ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมนะ ถึงจำคนที่ทำให้ฉันมอมแมมแบบนี้ไม่ได้!”
อาคเนย์ยกมุมปากขึ้น จะเป็นรอยยิ้มก็ไม่ใช่ซะทีเดียว อยากจะขำให้ฟันหัก แต่อาคเนย์ก็ปั้นหน้านิ่งไว้ เพราะเขารู้ว่านี่เป็นความเข้าใจผิดของกางเขน
ตั้งแต่เช้าที่แวะเข้ามาในฟาร์มอรุณสวัสดิ์เขายังไม่ได้ออกไปไหนเลย มีแต่นายเขื่อนนั่นล่ะที่ยืมรถปิคอัพของเขาออกไปทำธุระในเมือง ส่วนเขาแค่ติดรถมาลงที่ฟาร์มเท่านั้น
“จะกล่าวหาใครก็ต้องมีหลักฐาน เธอเห็นเหรอว่าฉันเป็นคนขับ?”
“ฉันเห็นเต็มสองตาเลย ฝีมือนายนั่นแหละนายเพรียว!” กางเขนกระแทกเสียงเท้าสะเอวทำหน้ายุ่ง แต่อาคเนย์กลับไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“แต่ฉันคิดว่า เธอควรรับผิดชอบเรื่องที่เธอก่อเอาไว้ก่อนนะ”
“เรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อนายเสียมารยาทกับฉันก่อน ฉันเป็นฝ่ายเสียหายจะต้องรับผิดชอบอะไรล่ะยะ?” ดวงตากลมโตของกางเขนลุกวาวอย่างไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
ใช่แต่ความเป็นคู่อริตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เพราะอาคเนย์เป็นผู้ร้ายปากแข็งด้วย จึงทำให้เธอโกรธเขามาก ๆ
“พูดอย่างนี้ก็ไม่สวยสิ วันนี้ฉันยังไม่ได้ขับรถคันนี้เลย”
“ถ้านายไม่ขับ หมามันขับหรือไง?!” หญิงสาวย้อนให้อย่างเหลืออด หลักฐานซึ่งเป็นลูกรังแดงยังติดที่ล้อรถอยู่เลย แต่เขายังกล้าปฏิเสธเธออีก
มันน่าเหวี่ยงกำปั้นใส่ใบหน้ากวน ๆ นั่นนัก!
“ใช่ หมามันขับ ว่าแต่... เธอปรักปรำว่าฉันเป็นคนทำ แล้วไหนล่ะหลักฐาน?”
พอกางเขนนิ่งไป อาคเนย์เลยยกมุมปากขึ้น ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้มากนักในสายตาของหญิงสาว
“หลักฐานก็อยู่ที่ตัวฉันไง แล้วก็รถที่เลอะลูกรังคันนี้”
อาคเนย์ไหวไหล่ ซ้ำยังหัวเราะในลำคอ
“เธอนี่มั่วเก่งจริง ๆ เลยนะยัยจุก รถคันนี้ลูกน้องของฉันเอาไปใช้งานเข้า ๆ ออก ๆ ในฟาร์มตลอด ล้อรถก็ต้องเปรอะลูกรังเป็นธรรมดา ส่วนเธอ...” ชายหนุ่มมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปรายเท้าแล้วยิ้มกวน ๆ “อาจเดินซุ่มซ่ามไปหกล้มหกลุกที่ไหนมาก็ได้ใครจะไปรู้ พอเสียหน้าก็เลยมาเหมาว่าเป็นฝีมือฉัน”
กางเขนกำมือเข้าหากันแน่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“เป็นฝีมือนายนั่นล่ะ นาย- ต้อง-รับ-ผิด-ชอบ!”
“ไม่ แต่เธอนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบอะไร?”
“ล้างรถของฉันไง” ชายหนุ่มบอกหน้านิ่ง
“บ้าสิ ใครจะไปทำล่ะ เชอะ” กางเขนกอดอกเชิดหน้าขึ้น
“ไม่บ้าล่ะครับคุณหนูกางเขน คนก่อเรื่องต้องรับผิดชอบ หรือเธอจะให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปฟ้องคุณป้าอัญมณีดีล่ะ?” อาคเนย์เกาคางไปพลาง ๆ อย่างอารมณ์ดี ซ้ำยังลอยหน้าลอยตาอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า
และคำขู่ของเขานี่ล่ะที่ทำให้กางเขนต้องกัดฟันกรอด ๆ สุดท้ายเธอต้องยอมลงให้อย่างไม่มีทางเลือก...
ขืนเรื่องนี้รู้ถึงหูคุณแม่สุดที่รักสิ มีหวังเธอได้โดนเลกเชอร์จนหูชาแน่ ๆ ยิ่งคู่กรณีของเธอคือ ‘นายอาคเนย์ พิบูรณ์พูนผล’ ซึ่งเป็นคนโปรดของสมาชิกในบ้านด้วยแล้ว งานนี้ความเป็นไปได้ที่คุณอัญมณีคนสวยจะเข้าข้างเธอมีแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น
นั่นย่อมหมายความว่าต่อให้เธอเป็นผู้ถูกกระทำ และไม่ได้ก่อเรื่องก่อน งานนี้เธอได้ถูกดุฟรีอย่างแน่นอน!
“ว่าไงล่ะ?”
“แล้วนายจะให้ฉันทำอะไรล่ะ?” พอถามไปแล้วกางเขนก็กัดริมฝีปากเอาไว้แน่นด้วยความเจ็บใจ เพราะอีกฝ่ายส่งรอยยิ้มกวนประสาทมาให้
“ถามได้ ก็ล้างรถให้สะอาดเอี่ยมเหมือนเดิมสิครับ”
“เรื่องง่าย ๆ แค่นี้นายก็ไปจ้างคาร์แคร์ล้างก็สิ้นเรื่อง เดี๋ยวฉันจ่ายค่าล้างให้”
“ไม่! เธอนั่นล่ะที่ต้องทำ ฉันจะดัดนิสัยเกเรของเธอ!” อาคเนย์แยกเขี้ยวใส่พร้อมทำตาดุ ซึ่งชายหนุ่มมั่นใจว่าลูกน้องในฟาร์มเจอเขาทำหน้ายักษ์ใส่แบบนี้จะพากันก้มหน้างุดหมด แต่สำหรับยัยกางเขนจอมวายร้ายกลับไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเขาเลย
ซ้ำเธอยังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาอีก!
“ฉันไม่ทำ”
“เธอต้องทำ เธอไม่มีทางเลือก มานี่เลย!” อาคเนย์รีบคว้าข้อมือเล็กเรียวของหญิงสาวไว้ แต่หญิงสาวก็สะบัดข้อมือออกจนเป็นอิสระ
“ไม่ต้องแตะต้องตัวฉัน เดี๋ยวขี้กลากติด อี๊” หญิงสาวทำท่าขยะแขยง ขนลุกขนพอง
