บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 นอนกอด

“อาฌานจะพาข้าวหอมไปไหนเหรอคะ” เด็กสาวหันไปถามคนข้าวตัว หลังจากรับประทานอาหารเสร็จฌานขับรถพาเธอมุ่งหน้าไปที่ไหนสักที่ บอกเพียงแค่ว่าจะพาเธอไปเที่ยว

“เดี๋ยวก็รู้ค่ะ”

“ชิ ไม่บอกก็ไม่บอก ข้าวหอมไม่อยากรู้แล้วก็ได้”

“ไปเดินเล่นรับลมค่ะ อาฌานคิดว่าข้าวหอมยังไม่เคยไป”

เขาคิดว่ากฤตตินเองก็ยังไม่เคยไปเช่นกัน ตอนนั้นฌานขับรถไปเจอที่นั่นโดยบังเอิญแล้วพบว่าเป็นสถานที่ที่เงียบสงบและผู้คนไม่ค่อยรู้จัก หลังจากนั้นเวลามีเรื่องเครียดเขาก็จะขับไปที่นั่นเพื่อออกไปเดินเล่น หรือนั่งอยู่บนฝากระโปรงรถเพื่อรับบรรยากาศและสายลมเย็น ๆ จนจิตใจค่อย ๆ สงบลงก่อนจะกลับคอนโด

“ที่นี่ที่ไหนคะอาฌาน คนเยอะจังเลยค่ะ” ข้าวหอมตาลุกวาวเมื่อเห็นแสงไฟพร้อมกับผู้คนมากมายตรงหน้า

“ตลาดนัดกลางคืนค่ะ ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่อาฌานจะพาไปแค่พาข้าวหอมมาแวะซื้อน้ำกับขนมไปกินเล่นค่ะ” ที่นั่นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากเขาจึงแวะมาเผื่อเธอจะหิวน้ำ

“ข้าวหอมไม่เคยมาเลยค่ะ” พ่อเลี้ยงของเธอเคยพาเดินเล่นแค่ในห้างสรรพสินค้าเพราะบอกว่าตลาดคนเยอะและร้อน ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่ข้าวหอมได้มาที่แบบนี้

“งั้นไปกันค่ะ อาฌานจะพาไปเดินเล่นก่อน แล้วเดี๋ยวจะพาไปอีกที่หนึ่งที่อาฌานตั้งใจจะพาข้าวหอมไป” ฌานดับรถก่อนจะเปิดประตูลงไป

“ห้ามปล่อยมืออาฌานนะ” เขาเดินไปหาเด็กสาวก่อนจะจับมือเล็กเอาไว้จะได้ไม่พลัดหลงกัน

“ค่ะ” ข้าวหอมเดินตามแรงจูงของฌานไป เธอยิ้มกริ่มสลับกับมองคนตัวใหญ่กว่าและฝ่ามือที่จับกันอยู่

“อยากกินอะไรบอกอาฌานเลยนะคะ ที่นี่มีทางออกหลายทางและซอยเยอะไปหมด เผื่อเราไม่ได้กลับทางเดิม เวลาหนูจะกลับมาซื้ออะไรเดี๋ยวจำทางไม่ได้”

“ได้ค่ะอาฌาน” ข้าวหอมพยักหน้าเข้าใจ และเมื่อก้าวเท้าเข้าไปภายในตัวตลาดนัดเธอก็พบว่าคนเยอะกว่าที่เห็นจากข้างนอกมาก

“ที่นี่เปิดทุกวันเลยหรือเปล่าคะอาฌาน” ระหว่างเดินเด็กสาวก็ชวนคุย แต่สายตาของเธอเอาแต่มองดูสินค้าต่าง ๆ ที่แต่ละร้านนำมาวางขาย

“ไม่ค่ะ เปิดทุกวันอังคาร พฤหัส แล้วก็อาทิตย์ค่ะ”

“งั้นก็เท่ากับเปิดแค่สามวันเอง อาฌานมาที่นี่บ่อยเหรอคะ”

“เวลาอาฌานจะไปที่ที่อยากพาข้าวหอมไปเดินเล่นวันนี้อาฌานก็จะแวะที่นี่ก่อน แต่ถ้าวันไหนที่ตลาดปิดอาฌานก็จะแวะร้านอาหารตามสั่งข้างทางแถว ๆ นี้แทนค่ะ มีร้านเจ้าประจำของอาฌานอยู่หลายร้าน เดี๋ยววันหลังจะพาข้าวหอมไปกินนะ”

แถวนี้มีคอนโดหลายโครงการทำให้พื้นที่ตลอดแนวถนนเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ ที่แม้ในวันที่ตลาดนัดปิดแต่ก็ยังป้ายไฟของร้านอื่นที่เปิดในยามกลางคืนจนสว่างโร่

“งั้นก็แสดงว่าอาฌานคงมาบ่อยมาก” ข้าวหอมชักอยากรู้แล้วว่าที่ที่ฌานจะพาไปคือแบบไหนกัน ถึงขนาดมัดใจเขาให้มาที่นี่ได้บ่อย ๆ

“ค่ะ เวลาอาฌานเหนื่อยหรืออยากให้หัวโล่ง อาฌานก็ชอบขับรถเพลินจนเลยมาที่นี่ตลอด”

“ต่อไปเวลาอาฌานรู้สึกไม่ดีก็คิดถึงข้าวหอมด้วยสิคะ ข้าวหอมเองก็เป็นห่วงอาฌานนะคะ” เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างห่วงใยเพราะรู้ดีว่าเขาโหมงานหนักอยู่บ่อย ๆ

“ค่ะ ต่อไปถ้าอาฌานรู้สึกไม่ดีอาฌานจะคิดถึงข้าวหอมคนแรกนะคะ”

ความจริงเขาเองก็มักจะคิดถึงเด็กสาวอยู่เสมอ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคำพูดหวาน ๆ ของเธอเป็นพลังเสริมให้เขาหายเหนื่อย และผ่านพ้นความรู้สึกแย่ ๆ มาได้หลายครั้ง

ทั้งคู่เดินเล่นอยู่ในตลาดเกือบยี่สิบนาที ก่อนจะใช้เวลาขับรถมายังจุดหมายไม่ถึงห้านาที

ภาพตรงหน้าของข้าวหอมคือวิวทะเลยามค่ำคืนที่สวยงามชวนมอง จนอยากจะลงไปเหยียบย่ำผืนทรายนุ่ม ๆ ริมทะเลมีแสงไฟสลัว ๆ สาดส่องไปยังทรายสีขาวละเอียด ต้นมะพร้าวเรียงรายตามแนวชายหาด และลมพัดเย็น ๆ ให้บรรยากาศที่เหมือนจะวังเวง ทว่ากลับทำให้จิตใจสงบ

ฌานไม่ได้ลงไปด้านล่าง แต่จอดรถไว้บนสะพานที่มีรถคันอื่นจอดอยู่สองสามคัน ทั้งคู่นั่งอยู่บนฝากระโปรงรถคันหรู พร้อมกับของกินเล่นที่อยู่ในถุงหิ้วพลาสติก

ผมยาวสลวยสีดำขลับของเด็กสาวปลิวไปมาตามแรงลม ทำเอาเจ้าของเรือนผมต้องหงุดหงิดเมื่อเวลาจะรับประทานอะไรแล้วเส้นผมเข้าปาก จนเผลอทำหน้ายับยู่ยี่ออกมา

“มียางมัดผมไหมคะ” ฌานสังเกตเห็นจึงขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วค่อย ๆ ใช้ฝ่ามือรวบเส้นผมยาวของเด็กสาวเอาไว้

“มีค่ะ” ข้าวหอมพยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบออกมาจากกระเป๋ากระโปรงยื่นให้เขา

“ลมเย็นดีไหมคะ” ฌานถามขณะมัดผมให้เด็กสาวอย่างคล่องแคล่ว เพราะต้องมัดผมให้เธออยู่บ่อยครั้ง

“ดีค่ะ ข้าวหอมไม่เคยรู้เลยว่าจะมีที่ดี ๆ แบบนี้ด้วย”

“อาฌานอาจจะไม่ได้พาไปเที่ยวหรูหราอะไร แต่ที่ตรงนี้ก็เหมือนเซฟโซนของอาฌาน ที่อยากพาข้าวหอมมารู้จัก” เขามัดผมให้เธอเสร็จก็ขยับออกไปนั่งที่เดิม

“ไม่จำเป็นต้องหรูเลยค่ะ ข้าวหอมดีใจนะที่อาฌานพาข้าวหอมมาในที่อาฌานชอบ” ข้าวหอมพูดในขณะที่แก้มพองเพราะเคี้ยวลูกชิ้นทอดตุ้ย ๆ

“ก็เพราะข้าวหอมคือคนสำคัญของอาฌานไงคะ” ฌานส่งยิ้มอย่างอบอุ่นไปให้กับเด็กสาว

“ข้าวหอมรักอาฌานนะ” เธอขยับตัวเข้าไปกอดร่างใหญ่แล้วแนบพวงแก้มเข้ากับอกแกร่งที่แสนจะอบอุ่นนี้

“ขี้อ้อนจังเลยนะ” ฌานลูบศีรษะของเด็กสาวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู

ข้าวหอมเงยหน้าขึ้นจูบไปที่ปลายคางสากก่อนจะกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม

“แล้วสรุปคืนนี้ข้าวหอมอยากไปนอนกับอาฌานจริง ๆ เหรอคะ” ฌานก้มหน้าไปถามย้ำถึงเรื่องที่เคยคุยกันเอาไว้ แม้เขาจะเป็นฝ่ายปฏิเสธไปแล้ว แต่พอเจอลูกอ้อนขนาดนี้ก็ย่อมใจอ่อนยวบ

“ได้ไหมคะ แต่ถ้าอาฌานไม่โอเคก็ไม่เป็นไรค่ะ” ข้าวหอมยิ้มแม้จะแอบผิดหวัง แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา เพียงแค่เขาหาเวลาพาเธอมากินข้าวและมาเที่ยวเธอก็ดีใจมากแล้ว

“ไม่ทำหน้าหงอยสิคะ อาฌานแค่ถามย้ำเฉย ๆ งั้นอาฌานอนุญาตให้ข้าวหอมมานอนด้วย โอเคไหมคะ” ชายหนุ่มยกฝ่ามือไปกุมที่พวงแก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของเด็กสาวด้วยความอ่อนโยน

“อาฌานเต็มใจหรือเปล่าคะ ถ้าอาฌานไม่โอเค ข้าวหอมไม่ไปนอนก็ได้นะคะ” เธอไม่อยากให้ตัวเรื่องมากหรือทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกอึดอัด บางทีที่เขาปฏิเสธในตอนแรกก็อาจจะเพราะชอบความเป็นส่วนตัว ตอนนี้เธอเองก็โตมากแล้ว จะมาวุ่นวายเหมือนตอนยังเด็ก ๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ควร

“อาฌานเต็มใจจริง ๆ ค่ะ” ที่เขาไม่อยากอนุญาตก็เพราะมีเหตุผลส่วนตัว แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องไม่เต็มใจหรืออึดอัดใจใด ๆ สาเหตุหลักก็คือกลัว กลัวว่าพอโตขึ้นข้าวหอมจะยังไม่เลิกขอให้ทำเรื่องต่าง ๆ เหมือนตอนยังเด็ก เธอโตขึ้นทุกวันจนทำอะไรเหมือนกับที่ผ่านมาไม่ได้

“จริง ๆ นะคะ”

“จริงค่ะ”

“แล้วอาฌานขออนุญาตแด๊ดดี้หรือยังคะ” ข้าวหอมเอียงคอถาม

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เขาโกหกคำโตเพราะที่จริงแค่ขอพาเธอมากินข้าวและเที่ยวเล่นเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดี๋ยวค่อยส่งข้อความไปบอกกฤตตินทีหลังก็ได้

“อาฌานน่ารักที่สู้ดดด” ข้าวหอมฉีดยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว พร้อมกับส่งเสียงเล็กส่งเสียงน้อยอย่างน่ารักออกมา

“ข้าวหอมต่างหากที่น่ารักที่สุด” ฌานก้มมองดูเด็กสาวในอ้อมอก ยิ่งโตเธอก็ยิ่งสวยและมีเสน่ห์จนเป็นจุดสนใจที่ดึงดูดให้ใครหลายคนต่างต้องเหลียวมอง แต่อีกไม่นานเธอก็อาจจะติดเพื่อนหรือติดแฟนจนลืมเขา ช่วงเวลาที่ได้ใช่ร่วมกันแบบนี้คงน้อยลงไปเรื่อย ๆ

“คิก ๆ แน่นอนค่า” ข้าวหอมหัวเราะชอบใจที่ถูกชม ก่อนจะผละตัวออกแล้วใช้ไม้ไผ่แหลมจิ้มลูกชิ้นเข้าปาก แต่ไม่ลืมใช้คนตัวโตเป็นเกราะกำบังความเย็นของลมให้ด้วยการนั่งทำตัวลีบ ๆ ติดกับเขา

ทั้งคู่เดินเล่นริมชายหาดและสลับกันถ่ายรูป แต่ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งเย็นพร้อมทั้งลมที่พัดเข้าฝั่งเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“ลมแรงแล้ว อาฌานว่าเรากลับกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวข้าวหอมไม่สบาย”

“ค่ะ” ข้าวหอมพยักหน้าแล้วทั้งคู่ก็เดินกลับไปยังรถที่จอดอยู่

เด็กสาวเอาขยะไปทิ้งและเก็บขนมที่ยังกินไม่หมดบนกระโปรงรถมาถือไว้เต็มสองมือ ทันใดนั้นประตูรถฝั่งตรงข้ามคนขับเปิดออกโดยเจ้าของรถเฟอร์รารีคันหรู

“ขอบคุณค่ะอาฌาน”

ทั้งสองคนเดินทางไปยังคอนโดของฌานที่อยู่ในเมืองหลวงโดยใช้เวลาเร็วกว่าขาไป เนื่องจากดึกมากแล้วการจราจรจึงไม่ติดขัด

“คอนโดอาฌานกว้างจังเลยนะคะ” เธอพูดหลังจากเดินตามเจ้าของห้องเข้ามา ที่นี่ทั้งกว้างและตกแต่งอย่างสวยงาม เพียงแค่ดูจากภายนอกคอนโดก็รู้ได้ถึงระดับของผู้ที่มาพักอาศัย

“กว่าจะได้ขนาดนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันค่ะ” เขาใช้เวลาไปเกือบสิบปีในการสะสมเงินลงทุน ออกแบบ ก่อสร้าง และทำการตลาดให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

แม้จะล้มมาหลายครั้งแต่สุดท้ายด้วยความพยายามที่ไม่ลดละก็ทำให้ที่นี่เป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ จนตอนนี้เพียงคอนโดนี้ที่เดียวก็สร้างรายได้หลักร้อยล้านต่อปีเข้ากระเป๋าของเขา ยังไม่นับถึงโครงการย่อยที่ตั้งอยู่หลายพื้นที่ในต่างจังหวัดอีก

“อาฌานเก่งจัง” เธอจำได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่เขายุ่งมาก ชนิดที่ว่าเดือนหนึ่งเจอหน้ากันไม่ถึงสามครั้ง และถึงได้เจอก็คุยกันได้ไม่กี่ประโยคเขาก็ขอตัวกลับ ที่แท้เป็นเพราะเขากำลังสร้างที่นี่นั่นเอง

“แล้วนี่ข้าวหอมไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเหรอ จะอาบน้ำเปลี่ยนชุดยังไงคะ”

“นั่นสิคะ ข้าวหอมลืมสนิทเลย” เด็กสาวเม้มปากขณะกำลังใช้ความคิด ถ้าจะให้ใส่ชุดเดิมนอนก็คงนอนไม่หลับ เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนเรื่องมากในระดับหนึ่ง

“งั้นเอาเป็นเสื้อโอเวอร์ไซซ์ของอาฌานไหมคะ และก็กางเกงขาสั้นอาฌานว่าน่าจะพอมีตัวเล็ก ๆ อยู่บ้าง”

“งั้นก็รบกวนอาฌานด้วยนะคะ”

“รบกวนอะไรกันคะ ข้าวหอมไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวอาฌานจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้”

เมื่อทั้งสองคนไปอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จก็มานั่งตกลงกันเรื่องการนอนของคืนนี้ แม้ที่นี่จะเป็นคอนโดของฌาน แต่เขาก็เลือกอยู่ในห้องที่มีเพียงหนึ่งห้องนอน สองห้องน้ำ เพราะไม่คิดว่าจะพาแขกที่ไหนมาค้างด้วย

“ข้าวหอมนอนบนเตียง อาฌานจะนอนโซฟา โอเคไหมคะ”

“ทำไมอาฌานต้องนอนโซฟาด้วยคะ ข้าวหอมนอนไม่ดิ้นหรอก”

“ค่ะ อารู้ เอาตามที่อาฌานบอกนะ” เขาไม่อยากนอนร่วมเตียงกับเด็กสาว ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเธอนอนดิ้น แค่อยากให้เกียรติข้าวหอมเพราะเธอเองก็โตขึ้นมากแล้ว

“อาฌานรังเกียจข้าวหอมเหรอ ข้าวหอมนอนโซฟาเองได้ค่ะ อาฌานนอนบนเตียงเถอะ” ดวงหน้าน้อย ๆ หงอยลง และแววตาเริ่มมีม่านสีใสปกคลุม

“ไม่ร้องสิคะข้าวหอม อาฌานไม่ได้รังเกียจข้าวหอมนะคะ” หัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้ากำลังร้องไห้ เขารีบขยับเข้าไปนั่งใกล้เธอ แล้วดึงเอาร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดอย่างปลอบประโลม

“ฮึก อาฌานรังเกียจข้าวหอม ข้าวหอมนอนที่โซฟาก็ได้ค่ะ ต่อไปนี้ข้าวหอมจะไม่รบกวนอาฌานอีกแล้ว” เธอไม่อยากร้องไห้ แต่อยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเองเมื่อคิดว่าเขาคงไม่ชอบเธอ

“ไม่เอานะคะข้าวหอม ไม่คิดแบบนั้น อาฌานเสียใจนะที่ข้าวหอมพูดออกมาแบบนั้น” ฌานเอ่ยเสียงนุ่ม

“ฮึก”

“อาฌานไม่อยากนอนเตียงเดียวกับข้าวหอมเพราะข้าวหอมโตแล้ว อาฌานอยากให้เกียรติหนู” เขาก้มหน้าลงไปอธิบายให้เด็กสาวได้เข้าใจ

“แต่ที่ข้าวหอมขอมานอนกอดก็เพราะอยากนอนกอดอาฌาน” เธอบอกถึงเหตุผลที่อยากจะมาค้างคืนที่นี่อย่างตรงไปตรงมา

“ข้าวหอมคะ” ฌานเรียกเด็กสาวเสียงแผ่ว

“ข้าวหอมรักอาฌานนะคะ” เธอซบดวงหน้าลงแนบกับอกแกร่ง แล้วทำการออเซาะเหมือนลูกแมวตัวน้อย ๆ จนอีกฝ่ายถึงกับมองด้วยสายตาแสนเอ็นดู

จิตใจและหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดไหน เจอลูกอ้อนแสนฉอเลาะนี้เข้าไปก็เป็นอันว่าต้องใจอ่อนอย่างง่ายดาย

“นะคะอาฌาน” ข้าวหอมช้อนสายตากลมโตขึ้นไปมอง

“ค่ะ อาฌานยอมแล้ว” ฌานถอนหายใจเบา ๆ ให้กับความรู้สึกของตัวเองที่พ่ายแพ้ต่อเด็กสาวตัวเล็ก ๆ นี้จนยับเยิน

“ข้าวหอมรักอาฌานที่สุดในโลกเลยค่ะ รองลงมาจากแด๊ดดี้นิดหนึ่ง” เมื่อได้ยินสิ่งที่ต้องการเธอก็ยิ้มแป้น

“ต่อไปไม่ร้องไห้นะคะข้าวหอม อาฌานไม่ชอบเห็นน้ำตาของข้าวหอมเลย” ฌานก้มลงบอกกับเด็กสาว พร้อมทั้งใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยซับเอาหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาออกอย่างอ่อนโยน

“ค่ะ” ข้าวหอมพยักหน้ารับ

“นอนกันเถอะ” เมื่อร่างเล็กล้มตัวลงนอนที่ฝั่งหนึ่งของเตียงแล้ว ฌานก็จัดแจงห่มผ้าให้เด็กสาวก่อนจะเดินไปปิดไฟ เหลือไว้เพียงโคมไฟรูปพระจันทร์บนหัวเตียงที่ส่องแสงเหลืองนวล

ร่างสูงสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มตาม ทันใดนั้นร่างเล็กก็ขยับตัวเข้ามาใกล้และใช้แขนโอบฌานเอาไว้ เธอซบศีรษะแนบกับหน้าอกของเขาราวกับต้องการความอบอุ่น ฌานจึงกอดร่างเล็กของเด็กสาวเอาไว้หลวม ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel