ตอนที่ 1 หลานสาว
บ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางของสวนดอกไม้ รอบด้านมีต้นไม้เล็กใหญ่สีเขียวขจีผลิดอกและใบให้ความร่มรื่น พร้อมทั้งดอกไม้หลากสีที่ถูกดูแลอย่างดีจนได้ผลตอบแทนอย่างสวยงาม
“แด๊ดดี้ขา แด๊ดดี้อยู่ไหน” เสียงของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบที่อยู่ในชุดเอี๊ยมสีขาวกระโปรงแดงร้องเรียกหาบิดาของตนเอง
“อยู่นี่ค่ะคนสวย คนสวยของแด๊ดมีอะไรคะ” ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีหันมองลูกสาวตัวน้อย ซึ่งแท้จริงแล้วคือลูกสาวของพี่ชายเขาเอง
“ข้าวหอมคิดถึงปะป๊ามะม้าค่ะ” ข้าวหอมอ้าแขนเล็กทั้งสองข้างของตัวเองออกเมื่อวิ่งมาถึงคนที่เธอเรียกว่าแด๊ดดี้
“ไม่ร้องนะคะคนสวย” กฤตตินย่อตัวลงอุ้มหลานสาวแท้ ๆ ขึ้นมาแนบอก
หลังจากที่ผู้เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อนตอนที่ข้าวหอมอายุเพียงสี่ขวบ เขาก็ได้รับหน้าที่เป็นพ่อเลี้ยงเพื่อดูแลเธอต่อ และตั้งใจว่าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้หลานสาวซึ่งเป็นสิ่งที่พี่ชายทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้ามีความสุขที่สุด
“ฮึก ข้าวหอมคิดถึง แด๊ดดี้ขา ข้าวหอมอยากไปหาปะป๊ามะม้า” ข้าวหอมสะอื้นอยู่ที่ซอกคอของกฤตติน
“ชู่ว ไม่เอาค่ะคนสวย ไม่พูดแบบนี้นะคะ คนสวยจะทิ้งแด๊ดเหรอคะ” เขาโอบร่างเล็กแล้วเขย่าตัวโยกเธอไปมา
“แต่ข้าวหอมคิดถึงปะป๊ามะม้านี่คะ ข้าวหอมอยากไปหา” เธอรับรู้แล้วว่าโลกนี้จะไม่มีปะป๊ามะม้าของเธออีก แต่นึกถึงทีไรก็ยังคงร้องหาด้วยคิดถึง
“แล้วคนสวยไม่คิดถึงอาฌานบ้างเหรอคะ” เสียงของบุคคลที่สามดึงดูดความสนใจของทั้งสองคนให้หันไปมอง
“อาฌาน!” เสียงเล็กใสของเด็กสาวร้องขึ้นทันทีแม้จะยังติดเสียงสะอื้น แต่ดวงตาก็เป็นประกายพร้อมกับน้ำตาสีใสคลอที่เบ้า
“คนสวยคิดถึงอาฌานไหมคะ” ชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่รูปร่างที่กำยำ ตัวสูง ดูแข็งแรง และขนาดตัวใหญ่กว่ากฤตตินเพียงเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปอุ้มข้าวหอมมาแนบอกแทน
“ฟืดด! คิดถึงค่ะ” ข้าวหอมสูดน้ำมูกที่ยังไหลออกมาแล้วโอบรอบลำคอหนา
“คิดถึงแต่ทำไมจะไปหาปะป๊ามะม้าที่สวรรค์ล่ะคะ ไม่อยากอยู่กับอาฌานหรือแด๊ดดี้แล้วเหรอคะ” ฌานถามขณะอุ้มหลานสาวตัวน้อยไปล้างหน้าล้างตาในบ้าน
ทุกครั้งที่เขาได้ยินคำพูดจากข้าวหอม เด็กสาวที่เขาดูแลร่วมกับกฤตตินเอาแต่พูดว่าจะไปหาปะป๊ามะม้า มันก็ทำเอาฌานไม่ค่อยชอบใจ เขาไม่อยากได้ยินเพราะรู้สึกว่าตัวเองดูแลเธอได้ไม่ดีพอ
“....” ข้าวหอมไม่ตอบ ทำเพียงแค่นั่งบนอ่างล้างหน้าให้ฌานล้างให้
“ว่าไงคะ ไม่อยากอยู่กับอาฌาน ไม่อยากอยู่กับแด๊ดดี้เหรอ”
“....” ข้าวหอมเงียบเพื่อคิด
“ไม่ตอบแบบนี้คงไม่อยากอยู่สินะคะ อาฌานเสียใจจัง” ฌานที่ล้างหน้าและเช็ดหน้าให้กับข้าวหอมเสร็จก็โอบอุ้มเด็กหญิงออกมาจากห้องน้ำ ไปยังห้องนั่งเล่นที่มีกฤตตินนั่งรออยู่
“อาฌานเองก็ไม่อยากอยู่กับข้าวหอม” ในที่สุดข้าวหอมก็ตอบกลับ
“รู้ได้ไงคะ อาฌานอยากอยู่กับข้าวหอมสิ” ฌานถามหลังส่งเธอไปให้กับเพื่อนสนิท
“ถ้าอยากอยู่กับข้าวหอม อาฌานคงไม่ทิ้งข้าวหอมไปเป็นเดือน มาหาทีก็แค่วันสองวัน” ข้าวหอมเถียงกลับอย่างน้อยอกน้อยใจ
“อาฌานมีงานเยอะค่ะ แต่สัญญาเลยว่าต่อไปอาฌานจะมาหาข้าวหอมบ่อย ๆ”
ที่เขาไม่ค่อยมาหาเธอเป็นเพราะตอนนี้เขากำลังเข้ารับตำแหน่งคณะกรรมการบริหารต่อจากครอบครัว ทุกวันเขาแทบไม่เคยมีเวลาได้พักด้วยซ้ำ ต่อให้คิดถึงเด็กน้อยคนสวยใจแทบขาดก็หาเวลาปลีกตัวออกมาไม่ได้
“ข้าวหอมไม่เชื่อ” เด็กหญิงสะบัดหน้าหนี
“ไม่ดื้อสิคะ อาฌานกำลังยุ่งกับงานอยู่นะคะ ข้าวหอมต้องเป็นกำลังใจให้อาฌานสิ” กฤตตินบอกกับข้าวหอมที่นั่งอยู่บนตัก
“แต่ข้าวหอมไม่ชอบที่อาฌานหายไปนาน ๆ นี่คะ ข้าวหอมกลัว” ข้าวหอมเบะปากเมื่อคิดว่าคนที่ตัวเองรักจะหายไปทีละคน
เมื่อก่อนฌานมาที่นี่ทุกวัน บางครั้งและมานอนกล่อมเธอก่อนนอน แต่พักหลังมานี้เขาหายไปนานมาก นานจนบางครั้งเธอก็กลัวว่าเขาจะหายไปจากชีวิต
“ไม่เอาค่ะข้าวหอม ไม่ร้องไห้นะคะ อาฌานไม่ชอบน้ำตาของคนสวยของอาฌานเลย” ฌานส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับกฤตติน
เมื่อเห็นว่าน้ำตาเม็ดเล็กเริ่มไหลออกมาอีกครั้งเขาก็ยกตัวเธออุ้มมานั่งบนตักตัวเองแทนแล้วใช้ฝ่ามือกดศีรษะของเด็กน้อยเบา ๆ ให้แนบลงที่อก ฌานลูบศีรษะของข้าวหอมที่ถักเปียสองข้างเป็นการปลอบโยน
“ข้าวหอมรักอาฌาน”
“อาฌานก็รักข้าวหอมค่ะ” ฌานตอบกลับเด็กหญิงในอ้อมอกและก้มลงจูบที่ศีรษะของเธอ
“แล้วรักแด๊ดดี้ด้วยหรือเปล่าครับ” กฤตตินถามข้าวหอมที่พอเห็นฌานก็ไม่รีรอที่จะเข้าไปหา และทิ้งเขาให้กลายเป็นอากาศธาตุจนเริ่มสงสัยแล้วว่าเธอรักเขาบ้างหรือเปล่า
“รักแด๊ดดี้ด้วยค่ะ” ข้าวหอมเอนหน้าออกจากอ้อมอกของฌาน แล้วหันไปส่งยิ้มหวานให้กับกฤตติน
“คนสวยของแด๊ดดี้น่ารักที่สุดเลยค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นกฤตตินก็ยิ้มหน้าบาน
ทั้งเขาและฌานเฝ้าทะนุถนอมข้าวหอมมาตั้งแต่ที่พี่ชายเสีย พร้อมทั้งความรักและความอบอุ่นให้ แม้จะรู้ดีว่าไม่อาจแทนที่พ่อแม่แท้ ๆ ได้ แต่เขาก็รักเธอเหมือนกับลูกสาวแท้ ๆ คนหนึ่ง
“วันนี้อาฌานนอนกับข้าวหอมนะคะ ข้าวหอมอยากนอนกอดอาฌาน” เด็กหญิงหันไปส่งสายตาออดอ้อนให้กับฌาน ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ อย่างน่ารัก
“ว่างไหม” กฤตตินหันไปมองฌาน
“ว่างอยู่”
“งั้นคืนนี้อาฌานจะเป็นหมอนข้างให้กับข้าวหอมคนสวยของอาฌานนะคะ” ฌานก้มลงบอกกับข้าวหอม
เมื่อเด็กน้อยได้คำตอบที่ต้องการก็ยิ้มหน้ากว้างจนโลกสดใส เรียกรอยยิ้มจากฌานได้เป็นอย่างดี
“ตอนนี้ก็เย็นแล้ว คนสวยของแด๊ดดี้ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ อาบเสร็จจะได้ทานข้าวและได้ไปนอนกอดอาฌาน” กฤตตินหันไปพูดกับข้าวหอม
“ได้ค่ะ งั้นข้าวหอมไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เธอตอบรับอย่างว่าง่ายแล้วรีบลงจากตักไปอาบน้ำทันทีจะได้เข้านอนเร็ว ๆ
“ค่ะ เดี๋ยวแด๊ดดี้ให้ป้าแมวไปช่วย” กฤตตินมองตามหลังของข้าวหอมจนร่างเล็กวิ่งขึ้นชั้นสองเข้าห้องไป ก่อนจะหันกลับไปมองยังเพื่อนสนิท
“รอข้าวหอมหลับมึงก็กลับไปทำงานใช่ไหม” กฤตตินไม่เชื่อว่าฌานนั้นจะว่าง เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนยังบ่นกับเขาว่าไม่มีเวลานอนอยู่เลย
“อืม” ฌานพยักหน้ายอมรับ
“กูไม่อยากรบกวน ที่ผ่านมากูก็รบกวนมึงมามากแล้ว เดี๋ยวกูบอกข้าวหอมเอง มึงกลับไปทำงานเถอะ”
“รบกวนอะไรกัน กูก็คิดถึงข้าวหอมเหมือนกันถึงได้มา และถ้าขืนกูกลับข้าวหอมคงงอนน่าดู” ฌานส่ายหน้าปฏิเสธ เขารับปากกับเธอไว้แล้ว จะให้ผิดคำพูดก็คงใจร้ายเกินไป
“กูขอพูดตรง ๆ นะเพื่อน” เมื่อได้จังหวะเหมาะที่จะเปิดอกคุยกัน กฤตตินก็มองเพื่อนรักด้วยสายตาจริงจังขึ้นมาทันที
“อะไร” เมื่อได้ยินดังนั้นฌานจึงตั้งใจฟังสิ่งที่เพื่อนอยากจะพูด
“ข้าวหอมรักมึงมาก แถมยังติดมึงมากด้วย เดี๋ยวมึงก็ต้องแต่งงาน กูไม่อยากให้หลานเสียใจ”
“....”
“กูไม่อยากให้ข้าวหอมติดมึง เพราะยิ่งมึงตามใจ ยิ่งมาหาข้าวหอมบ่อย ๆ มึงมาในฐานะอา และไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับข้าวหอม กูกลัวว่าสักวันข้าวหอมจะรักมึงในอีกแบบ” กฤตตินกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม
“มึงจะบอกประมาณว่าให้กูออกไปจากชีวิตข้าวหอมใช่ไหม” ฌานเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ไม่ใช่ แต่สิ่งที่กูจะบอกคือถ้ามึงรับได้ กูก็จะไม่ห้ามเวลามาหาหรือมาดูแลข้าวหอมเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้ามึงรับไม่ได้ กูก็ไม่อยากให้ข้าวหอมต้องร้องไห้เพราะผิดหวัง”
ฌานไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรดี สิ่งที่เพื่อนพูดช่างตรงข้ามกับที่เขาคิดโดยสิ้นเชิง เพราะนอกจากกฤตตินจะไม่พยายามยามกีดกันแล้ว ยังพูดราวกับอยากให้เขาคบกับหลานตัวเองกลาย ๆ
“หวังว่ามึงก็จะไม่ทำให้กูผิดหวังเหมือนกัน ถึงแม้ข้าวหอมจะเป็นหลานแท้ ๆ แต่กูก็เลี้ยงจนคิดว่าคือลูก ถ้าข้าวหอมเสียใจเมื่อไหร่ ต่อให้คนที่ทำให้ข้าวหอมร้องไห้คือมึง กูก็ไม่ปล่อยไว้” กฤตตินพูดเสียงเข้มเชิงข่มขู่
“เดี๋ยว ๆ เหมือนมึงจะมั่นใจมากว่าสิ่งที่มึงคิดจะเกิดขึ้นจริง”
“ใช่ กูคิด เพราะมึงใกล้ชิดและดูแลข้าวหอมมาหลายปี กูเชื่อว่าถ้ามึงยังทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกของหลานกูก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ”
“อืม กูเข้าใจสิ่งที่มึงพูดนะ แต่จะมาบอกแบบนี้ทั้งที่หลานมึงยังอยู่อนุบาลไม่ได้ ต่อให้ข้าวหอมโตกูก็ไม่คิดอะไรอยู่ดี มึงไม่ต้องคิดไปไกลหรอก” ฌานตอบเพื่อน
เขารู้ดีว่ากฤตตินเป็นห่วงและรักหลานสาวยิ่งกว่าสิ่งใด แต่คิดไปเองจนมาขู่กันล่วงหน้าแบบนี้ก็เกินไป
“มึงพูดแล้วนะฌาน กูจะคอยดูละกัน”
