บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12 อารักของอา

หลายวันผ่านไป

ร้านอาหารในโรงแรมหรู

ชาวีชวนให้ทิวากรพาอันนามากินด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ทิวากรกับอันนาแยกกันมาโดยทิวากรออกมาไดรฟ์กอล์ฟกับเพื่อน ๆ แล้วเลยมาในช่วงเย็นแต่อันนาให้ลุงหมึกมาส่ง

ทุกคนมาร้านอาหารตรงเวลาและนั่งกันคนละมุมโต๊ะ ชาวีนั่งหัวโต๊ะ ปรียาไอรินและอลันนั่งอยู่อีกฝั่งส่วนทิวากรกับอันนานั่งข้างกัน บรรยากาศการรับประทานอาหารที่แม้จะหรูหราจิบไวน์ราคาแพงแค่ไหนก็สร้างความอึดอัดให้ผู้ร่วมรับประทานทุกครั้ง ครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ แต่เขม่นกันตั้งแต่เจอหน้ายกมือไหว้จนถึงช่วงเวลารับประทานอาหาร แต่ทุกคนก็ต้องมากันพร้อมหน้าตามคำสั่งของชาวี

“เรื่องเรียนต่อพ่อเลือกที่อังกฤษให้ประชากรค่อนข้างดีมีมารยาทอันนาจะได้ไปอยู่กับเพื่อนของพ่อเรียนจบจะได้มาช่วยงานติดต่อธุรกิจระหว่างต่างประเทศ” ชาวีเริ่มพูดเรื่องเรียนของอันนาในขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหาร

“อันนาไม่ไปเรียนต่อและไม่หมั้นค่ะ อันนามีคนรักแล้วจะอยู่ที่ไทยกับเขา” เสียงหวานฉะฉานตอบคำถามพ่อ ทิวากรหันขวับมองเธอที่นั่งอยู่ข้างอย่างขุ่นเคือง

“ใคร?” ชาวีขมวดคิ้วจ้องตาเขม็ง

“เขาเป็นพนักงานบริษัทของอากรชื่อพี่หมอก อากรก็เคยเจอค่ะ” อันนาบอกกับพ่อพลางหันไปมองทิวากรที่นั่งเฉยแต่กำด้ามช้อนส้อมแน่นสีหน้าไม่พอใจ

“ติดผู้ชายไม่ยอมไปเรียนเพื่ออนาคตตัวเอง เหอะ เธอนี่ไม่รักดีเอาซะเลยคงได้แม่มาเต็ม ๆ เลยสินะ” ปรียาแสยะยิ้มเหยียดหยัน

“คุณแม่พูดเหมือนรู้จักแม่อันนาเลยนะคะ หรือรู้ว่าแม่อันนาเป็นใคร"อันนาจ้องหน้าแม่บุญธรรมสงสัยที่เธอชอบพูดเหมือนรู้จักพ่อแม่เธอดีทั้งที่เธอเป็นเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่รู้ที่มาของเธอ

“พาผู้ชายคนนั้นมาเจอพ่อ ๆ อยากคุยกับเขา” ชาวีแทรกขึ้นขัดจังหวะกลัวปรียาหลุดปากพูดความจริง

“ขอเวลาอีกสักพักนะคะ เราสองคนกำลังเรียนรู้กันอยู่ถ้ามาเจอคุณพ่อเขาอาจจะโดนขู่จนเลิกอันนา”

“กรรู้เรื่องนี้มานานหรือยัง” ชาวีหงุดหงิดที่ลูกรู้ทันว่าเขาจะขู่เลยพาลทางน้องชายที่ไม่บอกเรื่องนี้ให้รู้

“ผมพึ่งรู้พร้อมทุกคน” เสียงทุ้มกดต่ำหันไปมองอันนาเคือง ๆ อันนาหน้าบึ้งปรายตามองเขาแล้วสะบัดหน้าหนี

“ฉันเตือนแล้วไม่ฟัง เด็กคนนี้เลี้ยงดียังไงก็ได้เท่าเดิม กรอุตส่าห์พาไปเลี้ยงหวังให้ดีสุดท้ายก็มักง่ายคว้าแค่พนักงานบริษัทมาเป็นสามี” ปรียายกยิ้มมองเหยียด

“กำพืดอันนามันต่ำไงคะ ถึงได้คบแค่คนที่เสมอตัว” อันนาจ้องตาไม่สะทกสะท้าน

“เติบโตมาในสังคมมั่งคั่งแต่ก็ยังต่ำคว้ากรวด....” ปรียาเสียงแข็งโมโหเด็กเมื่อวานซืนกล้าต่อปากต่อคำ ไอรินยิ้มเยาะส่วนอลันหน้าเหวอแม่พูดแรงเกินไปทำให้บรรยากาศเสีย

“หยุดพูดสักทีคุณยา” ชาวีแทรกขึ้นเสียงขุ่น

“ฉันพูดเรื่องจริง คอยดูไว้ได้เลยอีกไม่นานเด็กนี่จะทำให้นามสกุลนี้ต้องอับอาย!”

“ผมบอกให้หยุดไง!” ชาวีตะคอกฟาดมือกระแทกโต๊ะอาหารอย่างแรงเสียงดังสนั่น ทุกคนบนโต๊ะอาหารสะดุ้ง ปรียายืนขึ้นจ้องมองสามีตาเขม็งก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจสามี

“พ่อให้เวลาหนึ่งเดือน อันนาต้องพาผู้ชายคนนั้นมาเจอพ่อ..........ไอริน อลัน กลับบ้าน” ชาวีลุกขึ้นหน้าตาขึงขังเดินออกไปจากห้องอาหารโดยมีไอรินกับอลันตามออกไปติด ๆ

ภายในห้องอาหารส่วนตัวตอนนี้เหลือเพียงอันนากับทิวากรที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ กัน

“คบผู้ชายตอนไหน ทำไมอาไม่รู้” ทิวากรขบกรามแน่นหายใจแรงจ้องมองจานอาหารพยายามข่มความโมโห

“อยากรู้ด้วยเหรอคะ เห็นไม่สนใจเลยคิดว่าไม่อยากรู้” เสียงหวานประชดประชันน้อยใจ

“ช่วงนี้อางานเยอะ เลยไม่ค่อยได้คุยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาไม่สนใจ”

“เหรอคะ........งานเยอะหรือว่าทำตัวออกห่างกันแน่ ตั้งแต่คืนนั้นอากรก็เปลี่ยนไป ถ้ารังเกียจอันนามากก็บอกกันตรง ๆ” หน้าสวยหันขวับมองขุ่นเคืองขอบตาร้อนผ่าวอึดอัดกับท่าทีห่างเหินของเขา

“อาไม่เคยรังเกียจอันนา แต่เราเป็นมากกว่านี้ไม่ได้”

“ค่ะ อันนารู้แล้วว่าเรารักกันแบบชู้สาวไม่ได้ อันนาถึงได้ถอยออกมาแล้วเปิดใจให้ผู้ชายคนอื่น คนที่รักอันนาแบบคู่ผัวตัวเมียมีอะไรด้วยกันได้”

“อันนาต้องการแค่เซ็กซ์เหรอ รักกันไม่จำเป็นต้องมีอะไรกันก็ได้”

“ก็เซ็กซ์มันเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรักนี่คะ” หน้าสวยแดงก่ำถูกอาต่อว่ามองเธอว่าแรดหมกมุ่นแต่เรื่องอย่างว่า ทิวากรจ้องตาเขม็งกำมือแน่น

“มีอะไรกับมันหรือยัง?”

“คิดว่าไงละคะ แรด ๆ อย่างอันนาเล่นตัวไปก็เสียเวลา”

“อาถามว่ามีอะไรกับมันหรือยัง!” มือหนาคว้าข้อมือเธอมาจับแววตาแข็งกร้าว อันนาน้ำตารื้นกัดริมฝีปากจ้องหน้าเขานิ่งไม่ยอมตอบ ทิวากรโกรธจัดกระชากข้อมือเธอฉุดให้เดินออกไปจากห้องอาหาร อันนาหันไปคว้ากระเป๋าสะพายเดินเร็วตามแรงดึงแล้วพยายามรั้งข้อมือขืน ๆ มือหนาบีบรัดแน่นขึ้นจนเธอเจ็บมองแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างตัดพ้อ

“อากร เดินช้า ๆ อันนาจะล้ม” เธอบ่นกระปอดกระแปดเดินเร็วไม่ถนัดขาพันแทบล้มเพราะสวมรองเท้าส้นสูง ทิวากรลดจังหวะการก้าวเดินลงตามเสียงที่บ่นอยู่ทางด้านหลังและพาเธอเดินมาจนถึงหน้าล็อบบี้ตรงไปยังเคาน์เตอร์รีเซฟชั่น

“เปิดห้อง” เขาใช้มืออีกข้างหยิบบัตรประชาชนและบัตรเครดิตวางลงบนเคาน์เตอร์ อันนาหน้าบึ้งยืนมองนิ่ง ๆ ไม่โวยวายให้ใครหันมามอง เมื่อได้คีย์การ์ดเขาก็ดึงรั้งข้อมือเธอให้เดินไปขึ้นลิฟต์ด้วยกัน

“ทำไมไม่กลับบ้านคะ” อันนาเอ่ยถามระหว่างที่อยู่ในลิฟต์กันสองคนแต่อาก็ยังเงียบหน้าตึงไม่พูดไม่จา

“อากร...” เสียงหวานลากยาวหงุดหงิดปนหวาดกลัวว่าถ้าโกรธกันก็น่าจะไปคุยกันที่บ้านหรือว่าอากรจะขังเธอไว้ที่นี่ไม่ให้ไปเจอพี่หมอกและไม่ให้พี่หมอกตามไปหาเธอที่บ้าน เธอนิ่วหน้าครุ่นคิดระแวงต่าง ๆ นา ๆ เดาใจอาไม่ถูก

ประตูลิฟต์เปิดออกทิวากรดึงแขนอันนาเดินไปตามทางเดินปูด้วยพรม อันนาหน้าเสียอากรเคร่งขรึมดุดันไม่เหมือนอากรที่เธอเคยรู้จัก

“อากรจะพาอันนามาขังไม่ให้เจอกับพี่หมอกใช่ไหม” อันนาเสียงสั่นเดินตามแรงดึงจนหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ทิวากรแตะคีย์การ์ดเปิดประตูห้องแล้วดึงแขนเธอเข้าห้อง

“เข้ามา”

“ไม่ พาอันนามานี่ทำไม!” อันนาหน้าเสียดึงแขนขืนตัวไม่ยอม ทิวากรหงุดหงิดออกแรงกระชากจนเธอเข้ามาในห้อง

“โอ๊ย อากร!” ร่างบางโดนเหวี่ยงเข้าไปในห้องจนเซหน้าเกือบทิ่ม เขาหันไปกดล็อกก่อนจะหันมามองจ้องสีหน้าเกรี้ยวกราดเดินดุ่มเข้ามาใกล้ดันตัวเธอชิดผนังแล้วจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงไว้ไม่ทันตั้งตัว อันนาตัวสั่นเทาสายตาหวาดกลัว

“อาไม่ได้เลี้ยงอันนาเพื่อให้ใครคาบไปกิน!” สิ้นเสียงทุ้มที่แข็งกร้าวเขาก็กดริมฝีปากจูบบดขยี้ริมฝีปากนุ่ม อันนานิ่งอึ้งตกใจ ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าในความนุ่มควานดูดดุนเรียวลิ้นน้อยอย่างมันเขี้ยวลมหายใจอุ่นรดพวงแก้มเนียนอันนาตัวแข็งทื่องุนงงกับความดุดันของอา เขากดจูบแนบแน่นเบียดกายหนาเสียดสีเรือนร่างบางนุ่มนิ่มอย่างหื่นกระหาย อันนาจูบตอบโต้ไม่เดียงสาแก้มแดงก่ำ มือหนาคลายออกจากข้อมือเรียวเคลื่อนลงลูบไล้เรือนร่างบางก่อนจะคล้องกอดรัดเอวคอด ลิ้นหนาตวัดหยอกดูดดุนราวหิวโหยคนตัวเล็กเริ่มอ่อนแรงหายใจไม่ออกเขารู้ถึงการหายใจหอบเหนื่อย จึงค่อย ๆ ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งแต่ยังตามขบเล็มดึงริมฝีปากบนล่างไม่ยอมปล่อยจริง

“อากรอย่ารุนแรง อันนากลัว” เสียงหวานออดอ้อนเหลือบมองริมฝีปากอุ่นที่ขบเม้มกับริมฝีปากของเธออย่างวาบหวาม ยกสองมือบางขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์

“อารักของอา อาไม่ยอมให้อันนาเป็นของคนอื่น” สายตาคมเคลื่อนมองสบดวงตากลมโตบ้องแบ๊วที่เขาหลงใหลในความน่ารักดวงหน้าแนบชิดเพียงแค่เธอได้กลิ่นกายอาก็ทำให้อ่อนระทวยเคลิบเคลิ้มกับความหล่อที่ยั่วยวน

“อันนาจะดื้อ ถ้าอากรไม่จับจองสักที” ริมฝีปากบางเผยอส่งสายตาเย้ายวนเกลี่ยนิ้วลูบไล้แก้มสากแผ่วเบา

“อาจะจองอันนาทั้งตัว....” หน้าหล่อคลอเคลียดวงหน้าสวยละเมียดละไมหอมสลับจูบซับจับจองเธอให้เป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel