ตอนที่ 4.
เสียงคุยกันดังมาจากห้องของเอวิตรา ทำให้คนที่กำลังเดินผ่านหยุดนิ่งฟัง บานประตูห้องปิดไม่สนิททำให้เสียงในห้องดังลอดออกมา ไอศูรย์ค่อยๆแง้มประตู แนบใบหน้ามองลอดช่องเล็กๆนั้น ภายในห้องเอวิตรานั่งพิงไหล่เพื่อนสาวที่นั่งพิงหัวเตียง มือของสรินดามีแฟ้มเอกสารอยู่ข้างหนึ่งส่วนอีกข้างโอบไหล่เอวิตราไว้ ใบหน้าของทั้งสองแทบจะชนกัน สรินดาใช้มือข้างที่โอบไหล่เอวิตราชี้ให้เพื่อนสาวดูเอกสารในมือ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจเท่าใดนัก
“ยายเอ ตั้งใจอ่านหน่อยสิ ไหนบอกว่าไม่เข้าใจไง”
สรินดาแทบจะเอาแฟ้มไปจ่อลูกตาเพื่อน หากเอวิตรากลับดันออกห่าง ส่ายหน้าดุกดิก
“ไม่ไหวแล้ว ปวดหัวจะตาย วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะริน ฉันง่วงแล้ว” พูดจบเจ้าตัวก็เอนกายลงบนตักเพื่อน
สรินดาวางแฟ้มไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง ก่อนจะถอนหายใจอย่างระอา เอวิตราเป็นแบบนี้ทุกครั้ง สมัยเรียนเวลาใกล้สอบทีไรเจ้าตัวจะโวยวายราวกับไฟไหม้บ้าน ว่าอ่านหนังสือไม่ทัน พอบอกให้เตรียมตัวอ่านล่วงหน้า ก็จะบ่ายเบียงเลี่ยงไปมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างหรือบนบานศาลกล่าวเก่ง เลยสอบผ่านมาได้จนเรียนจบ
“ทำไมถึงมัวเล่นอยู่ได้ พรุ่งนี้ต้องไปพรีเซ้นส์แล้วนะ” สรินดาระอาใจกับความไม่เอาไหนของเพื่อน
ครั้งนี้เพื่อนสาวโทรจิกให้เธอหอบเอกสารการวิจัยมาให้ เพื่อนำไปเสนอต่อที่ประชุมของบวิจัยเพิ่ม หากเจ้าตัวกลับไม่สนใจจะอ่านเอกสารเหล่านี้เลย พรุ่งนี้ไม่แคล้วต้องลำบากให้เธอช่วยนำเสนองานแทน
“ก็มันปวดหัว ปวดตานี่ พรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อไม่ได้เหรอ”
เอวิตราไม่ยอมลุกขึ้นมาอ่านหนังสืออีก ยังนอนหนุนตักสรินดาอย่างนั้น
“โอเค... พอแค่นี้ก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะปลุกเธอมาอ่านแต่เช้า”
สรินดาดึงแขนคนที่นอนบนตักให้ลุกขึ้น หมดอารมณ์เคี่ยวเข็ญ
“ไปนอนที่ของเธอได้แล้ว แม่จอมขี้เกียจ ฉันจะนอนแล้ว”
“ทำไมรีบนอน เพิ่งหัวค่ำเองนะ”
พอไม่ต้องอ่านแฟ้มรายงาน ดูเหมือนคนขี้เกียจจะตาสว่างทันที
“รินจ๋า อย่าเพิ่งนอนสิ คุยกันก่อนสิ”
เอวิตรานอนตะแคงเอามือเท้าคาง ชวนเพื่อนคุยต่อ แต่สรินดาไม่สนใจหันหลังให้พร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมโปง
“รินคนดี รินสุดที่รัก คุยกับเอหน่อยนะ”
เอวิตรายังราวีไม่เลิก เขย่าแขนคนนอนแรงๆ ให้หันมาสนใจ
“ก็เธอบอกเองนี่ ว่าง่วงนอน ทำไมไม่รีบนอนเสียล่ะ” คนที่นอนหันขวับมา ย้อนศรคืน
เอวิตราขยับลุกขึ้นนั่ง หญิงสาวทำหน้าบึ้งมองเพื่อนสาวอย่างขัดใจ อุตส่าห์ชวนมานอนเป็นเพื่อน หวังจะหาคนคุยด้วย
แต่ดูสิ... มานอนหนีกันแบบนี้ มันน่านัก
ความคิดหนึ่งวาบเข้ามาในหัว แววตาของเจ้าของความคิดวาวระยับอย่างนึกสนุก
“ว้าย ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ โอย ยายเอบ้า... ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
สรินดาพยายามดิ้นหนีมือเล็กๆที่จี้เอวตัวเอง หากอีกฝ่ายไม่ยอมหยุดง่ายๆ
“นี่แหนะ ... จะจี้ให้หายง่วงเลย”
สรินดาดิ้นหลบไปมา ก่อนจะเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน ต่างดิ้นหลบกันไปมาจนที่นอนยุ่งเหยิง สองสาวส่งเสียงหัวเราะดังคิกคัก ทำให้คนที่แอบดูอยู่ทนไม่ไหว เปิดประตูพรวดเข้ามา สองสาวตกใจชะงักหยุดค้างการกระทำทุกสิ่งทันที
“พี่ไอ... เข้ามาทำไมคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เอวิตราถามพี่ชายเสียงอ่อย สายตาของคนเป็นพี่ดุจนน้องสาว รู้สึกใจฝ่อไม่อยากเดา ว่าพี่ชายเข้ามาเพราะอะไร
ไอศูรย์มองหน้าน้องสาวนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตาคมดุนั้น มองหญิงสาวผมสั้น ดวงตาสีเข้มระยับไหวขณะจ้องใบหน้าหวานใสของ สรินดาอย่างประเมิน
“ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกไปนอกห้อง เลยแวะเข้ามาดู ท่าทางจะสนุกกันมากเลยนะ”
เขาปรายตามองสรินดาแวบหนึ่ง ก่อนหันมามองหน้าน้องสาว ทำให้คนถูกมองร้อนๆหนาวๆ
“เอ ต้องขอโทษพี่ไอด้วยนะคะ ที่ส่งเสียงดังรบกวน”
เอวิตราเอ่ยขอโทษพี่ชาย ด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ เธอกลัวพี่ชายคนโตที่สุดเพราะเขาดุและเจ้าระเบียบที่สุดในบ้าน
ไอศูรย์พยักหน้ารับ “ไม่เป็นไร พี่ไปนอนก่อนนะ คงไม่มีใครนึกสนุกอีกนะ” เขากำชับ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
สรินดามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไป รู้สึกแปลกๆกับสายตาที่เขามองมา แววตาของพี่ชายเอวิตรามองเธอราวกับกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“มองตามพี่ไอตาปรอยเลยนะยายริน หลงเสน่ห์พี่ชายจอมเฮี้ยบของฉันเข้าแล้วใช่ไหมจ้ะ” เอวิตราแกล้งเย้าเพื่อนสาว
สรินดาย่นจมูก พร้อมส่ายหน้า”โอ้ย... ไม่ไหวหรอก พี่ชายเธอคนนี้ท่าทางดุจะตาย แค่เขามองหน้าฉันเมื่อกี้ อุจจาระของฉันก็ขึ้นไปกองบนหัวแล้ว” หญิงสาวเปรียบตัวเองเป็นกุ้ง
การเปรียบเปรยของเพื่อน ทำให้คนฟัง หัวเราะขำ
“ยายริน ว่าซะพี่ชายฉันหมดราคาเลย “
“ก็ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนี่ เธอเองก็ตัวสั่นพั่บๆ ตอนที่ถูกพี่ชายมองเหมือนกันนี่”
“แหม ใครว่าฉันกลัวพี่ไอ แอร์ในห้องมันเย็นต่างหาก เธอก็ว่าเข้าไป”
คำแก้ตัวของเอวิตราทำให้สรินดาเผลอตัว หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะรีบหุบปาก เมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่เพิ่งถูกคาดโทษไว้ สองสาวมองหน้ากัน แล้วรีบปิดไฟนอน
นอกห้อง พี่ชายใหญ่ของบ้านยังยืนฟังเสียงคนในห้องอยู่ ภาพความสนิทสนมของน้องสาวกับเพื่อน ทำให้ไอศูรย์รู้สึกระแวง ลักษณะของสรินดาเหมือนพวกลักเพศ เอวิตราเองก็มีทีท่าสนองตอบจนคนเป็นพี่รู้สึกหนักใจ หากน้องสาวของเขากลายเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน เขาคงรับไม่ไหว เขาต้องหาทางป้องกันไว้ก่อน
“ฉันจะไม่ยอมให้เธอ มาทำให้น้องสาวฉันเสียคนหรอก ยายทอมบ้า”
