บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2.

ประตูห้องนอนค่อยๆเปิดกว้าง ร่างสูงใหญ่แทรกตัวเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบกริบ ดวงตาคมจับจ้องไปที่เตียงนอน ก่อนที่ริมฝีปากหยักหนาจะคลี่ยิ้ม เมื่อมองเห็นร่างของใครคนหนึ่งนอนห่มผ้าคลุมโปงอยู่บนนั้น เขาค่อยๆจรดปลายเท้าย่องเข้าไปหาช้าๆ สายตายังคงจับจ้องร่างนั้นไม่วางตา เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว ผ้าห่มนวมสีหวานลายดอกไม้ ห่มคลุ่มร่างนั้นจนมิดเห็นเพียงศีรษะเล็กๆโผล่ออกมาแค่ช่วงบน มือเรียวยื่นมาแตะส่วนที่คิดว่าเป็นหลังของคนในโปงผ้า ก่อนจะโถมตัวลงไปรวบร่างนั้นมากอดแรงๆ

“ว้าย! ใครน่ะ ปล่อยนะ”

เสียงกรี๊ดดังมาจากร่างในผ้าห่ม พร้อมกับอาการดิ้นขลุกขลัก อย่างคนที่ตกใจสุดขีด ทำให้คนที่อยู่นอกผ้ายิ้มขำ หากไม่ปล่อยง่ายๆ กลับกอดรัดร่างนั้นแน่นขึ้น

“สายแล้ว ยังนอนขี้เซาอีก ต้องโดนลงโทษแบบนี้”

โอฬารยังแกล้งต่อไม่เลิก เขาล้วงมือไปใต้ผ้าพยายามจี้เอวคนในนั้น อาการดิ้นรนขัดขืน ค่อยๆกลายเป็นชักกระตุกหนีด้วยความจั๊กจี้ ทำเอาคนแกล้งได้ใจแกล้งไม่หยุด

“ปล่อยนะ ฮ่า ฮ่า... โอ้ย จะไม่ไหวแล้วนะ!”

เสียงหัวเราะแปร่งๆ นั้น ทำให้คนได้ยินขมวดคิ้วหยุดชะงักการจี้เอวไปชั่วครู่

“เอ๊ะ! ไม่ใช่เสียงยายเอนี่”

โอฬารรีบเปิดผ้าห่มออก ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นหน้าคนในโปงผ้าถนัดตา

“เธอเป็นใคร มาอยู่ในห้องยายเอได้ยังไง!” เขาอุทานเสียงดัง

สรินดา หอบหายใจแรงๆ อาการจุกเสียดจากการโดนจี้จนหัวเราะท้องแข็ง ทำให้พูดไม่ออก หญิงสาวมองหน้าคนตัวโตที่โอบร่างเธอไว้ เขาคงเป็นพี่ชายคนใดคนหนึ่งของเอวิตรา ใบหน้าขาวๆนั้น เนียนใสยิ่งกว่าผู้หญิงแท้ๆ ดวงตาเรียวยาวแฝงรอยขี้เล่น บวกกับริมฝีปากแดงระเรื่อตามธรรมชาติ ทำให้คนมองรู้สึกวูบๆในใจ ลืมความตกใจไปจนหมด

“เอ่อ... ริน ริน... เป็นเพื่อนของเอค่ะ”

สรินดาพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

ร่างบางถูกร่างหนากว่าโอบรัดไว้ทั้งตัวแบบนี้ ใครจะพูดเต็มเสียงได้ไหวล่ะ ดูสิเขายังไม่ยอมปล่อยเธอ แขนแข็งแรงนั้นรัดแน่นจนอึดอัดไปหมด หากไม่มีผ้าห่มนวมเนื้อหนาพันไว้อย่างนี้ หญิงสาวคงเข้าไปอยู่แนบชิดเนื้อตัวอีกฝ่ายไปแล้ว

“ปล่อย... ปล่อยรินก่อนนะคะ รินหายใจไม่ออก”

โอฬารเพิ่งรู้ตัวว่า เขายังไม่ได้ปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ ผ้านวมหนานั้นทำให้เขาไม่ได้สัมผัสแนบชิดกับเธอ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มร้อนวูบวาบขึ้นมา เมื่อเห็นใบหน้าหวานใสนั้นเต็มตา

“ขอโทษครับ พี่โอ นึกว่าน้องเออยู่บนเตียง” เขารีบปล่อยร่างนุ่มนิ่มนั้น ก่อนจะขยับถอยห่างอย่างสุภาพ

สรินดาสลัดผ้าห่มออกจากตัว การกอดรัดฟัดเหวี่ยงเมื่อครู่ เล่นเอาเธอเหงื่อซึมไปทั้งตัว ยังไม่นับอาการตกใจจนหัวใจเต้นราวกับกลองนี่อีก ล้วนทำให้เจ้าของร่างกายเหนื่อยจนหายใจไม่ออก ลมหายใจติดขัด พร้อมกับอาการหอบแรงๆนั้น ทำให้เจ้าตัวรู้ ว่าโรคหอบ โรคประจำตัวกำลังจะกำเริบขึ้น

“ช่วย... ช่วยหยิบยาให้ที โอย... รินหายใจไม่ออก”

มือเรียวชี้ไปที่กระเป๋าใบเล็ก ที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง

โอฬารรีบไปหยิบกระเป๋าใบนั้นมาให้เจ้าของ สรินดาเปิดกระเป๋าหยิบกระบอกยาพ่นมาเขย่าสองสามครั้ง ก่อนจะอมตรงปลายแล้วพ่นยาลงคอ ราวห้านาทีหน้าตาของหญิงสาวจึงค่อยๆดีขึ้น

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า พี่ขอโทษด้วยที่เล่นอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดี น้องรินเลยเป็นแบบนี้”

โอฬารเอ่ยขอโทษ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขามองใบหน้าอ่อนใสนั้นอย่างลุแก่โทษ อาการของสรินดาทำให้เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก หากเธอเป็นอะไรไปเขาคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต

“รินไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่ตกใจและก็เหนื่อยจนโรคหอบกำเริบ” สรินดายิ้มกว้าง ปรับท่าทีให้ร่าเริงขึ้น

โอฬารสีหน้าดีขึ้น ถอนหายใจยาวท่าทางอึดอัดใจเลือนหาย ยิ้มให้เพื่อนของน้องสาวด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง

“ลงไปนั่งเล่นในสวนไหม จะได้หายใจสะดวก” เขาเอ่ยชวน

“ค่ะ” สรินดารับคำอย่างว่าง่าย

ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายมายังสวนด้านหลังบ้าน ตามทางเดินที่ปูด้วยหินแกรนิตสีดำ ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ที่พากันแผ่กิ่งก้านใบให้ความสดชื่นเย็นสบาย สีเขียวๆของไม้ประเภทใบทำให้คนมองรู้สึกผ่อนคลาย สรินดาหันมามองคนที่เดินเคียง ร่างสูงใหญ่นั้นดูล่ำสันอย่างคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ต่างจากน้องสาวที่ตัวเล็กบอบบาง หากใบหน้าและสีผิวไม่คล้ายกัน เธอคงอดนึกไม่ได้ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกันจริงๆ หรือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel