บทที่ 1 ตอนที่ 3
รัชตะค่อยๆ ย่อตัวลอดและคลานออกไปทางด้านหลังของห้องน้ำร้างได้ในที่สุด แต่เขาไม่ได้หนีไปทันทีตามที่ทิมบอก ยังคงนั่งพิงกำแพงอย่างหมดหวัง และร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ทิมรีบเปิดประตูแล้วตัวเองก็ย่องออกไปเลียบพุ่มไม้ เขาต้องไปให้ไกลจากรัศมีบริเวณนี้เสียก่อนจะทำให้พวกมันรู้ตัว ไม่อย่างนั้นแล้วรัชตะอาจจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือมัจจุราชไปด้วย
ทิมยิงปืนใส่กลุ่มคนร้ายทันทีที่พาตัวเองออกมาทางด้านข้างของสวนหย่อมหลังบ้าน พวกมันหนึ่งคนถูกคมกระสุนล้มแน่นิ่งลงไปนอนกองกับพื้น
“มันอยู่นั่น...ตามไปเร็วจัดการมันให้ได้อย่าให้รอดไปได้นะ!!” วงศ์ศาสตร์หมอบตัวลงแล้วตะโกนลั่น บรรดาลูกน้องต่างวิ่งไปยังบริเวณต้นเสียงแห่งเพชฌฆาต คงเหลือแต่ตัวนายใหญ่ใจชั่วที่ลุกยืนท่ามกลางกองศพเกลื่อนกลาด เขาแสดงท่าทีโกรธจัด
ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีคนเหลือรอดออกไป ไม่เช่นนั้นแล้วแผนการทุกอย่างที่วาดไว้ ก็จะพังพินาศเสียหมด วงศ์ศาสตร์ก้าวเท้าหวังตามไปดูสถานการณ์แต่ก็ต้องชะงักเสียก่อนเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น เขาถอนหายใจยาวหนักๆ ก่อนจะล้วงหยิบเจ้าเครื่องที่ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมากดรับ
“ว่าไง...มีอะไรด่วนรึไงถึงได้โทรมาดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้” ปลายสายหาใช่ใครที่ไหนแต่เป็นแม่บ้านที่บ้านเขานั่นเอง วงศ์ศาสตร์ถึงได้ตัดสินใจรับเพราะกลัวทางโน้นจะมีเรื่องจำเป็นต้องบอกกล่าว
“ว่าไงนะ...พิมพ์คลอดแล้วเหรอ...ได้ลูกผู้หญิง ดีมาก ดีมากๆ จวงดูแลลูกเมียฉันให้ดีๆ นะแล้วฉันจะตบรางวัลให้อย่างงาม...”
วงศ์ศาสตร์ส่งเสียงหัวเราะด้วยด้วยความปีติยินดีและดีใจอย่างที่สุด เมื่อวันนี้ที่เขารอมานานนับยี่สิบปีมาถึง ทายาทคนแรก และอาจจะเป็นคนเดียวได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว หารู้ไม่ว่าทุกสิ่งที่เขากำลังทำ ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมันถูกจ้องมองด้วยสายตาที่แผ่รัศมีอาฆาตอย่างรุนแรงอยู่ด้านหลังซึ่งมีพุ่มไม้สูงลิบบดบังอยู่ เด็กหนุ่มกำมือแน่นกัดปากตัวเองจนเลือดไหลซิบ...
“เป็นข่าวดีจริงๆ จวงเพราะยัยหนูแท้ๆ ที่ทำให้ฉันมีแต่โชคแต่ลาภ ตั้งแต่พิมพ์ตั้งท้องยัยหนูมาฉันจะทำอะไรก็สำเสร็จละล่วงไปทุกอย่าง แม้แต่งานใหญ่ในวันนี้ ยัยหนูช่างเกิดมาเกื้อหนุนฉันจริงๆ จวงรีบไปบอกคุณผู้หญิงเลยนะว่าฉันมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขากับลูก...เป็นคฤหาสน์ใหญ่ที่สวยที่สุดเชียวล่ะ...เสร็จธุระทางนี้แล้วฉันจะรีบไปที่โรงพยาบาลทันที!!” โทรศัพท์ในมือถูกกดวางและนำใส่ไว้ในกระเป๋าดังเดิม วงศ์ศาสตร์หันมองบรรดาศพผู้ตายแล้วแสยะยิ้มก่อนจะเดินตามเหล่าลูกน้องที่กำลังตามล่าผู้รอดชีวิตไป
ในมุมมืด...เด็กหนุ่มที่ทรุดนั่งลงบนพื้นใช้กำปั้นชกกำแพงหนักๆ หลายครั้งจนเลือดไหลซิบเป็นทางยาวพอๆ กับน้ำตาของเขา ครอบครัวของเขา พ่อ...แม่ คนในบ้าน ต้องมาสังเวยลมหายใจไปโดยไม่มีความผิดอะไรเลย อีกทั้งบ้านของเขา บ้านที่แม่รัก และพ่อก็สร้างมันด้วยน้ำพักน้ำแรงเพื่อมอบให้กับเธอ บัดนี้กลับตกไปเป็นของคนโฉด ที่ชุบมือเปิบอย่างหน้าตาเฉย เพื่อใช้เป็นของรับขวัญลูกสาวของมัน
เด็กคนนั้น...ที่ถือกำเนิดขึ้นมาในค่ำคืนที่ครอบครัวของเขา ต้องเผชิญกับความวิบัติ แล้วจะถือว่าเป็นตัวนำโชคเช่นที่ไอ้ฆาตกรมันว่าได้อย่างไรเล่า แต่เป็นตัวซวยต่างหาก เป็นตัวกาลกิณีโสโครกเช่นเดียวกับผู้ให้กำเนิดนั่นแหละ
“กรี๊ด!”
เสียงหวีดร้องดังระงมแว่วเข้าหูให้ได้ยิน เด็กหนุ่มลุกยืนอัตโนมัติ ใจวูบหล่นแทบเท้าทันที ตัวเขาชาวาบราวกับไม่มีโลหิตไหลเวียนคอยหล่อเลี้ยง เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้ดีว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใครบ้าง แม้จะไม่อยากยอมรับก็ตามที
“คุณแม่...น้าทิม...”
‘สาบานสิครับว่าจะรักษาชีวิตไว้แก้แค้นให้พวกเราทุกคน’ ก่อนที่เท้าจะก้าวตามเสียงไป คำพูดของทิมขณะที่อยู่ให้ห้องน้ำร้างก็ดังขึ้น ฉุดให้เขาหยุดตัวเองได้เสียก่อน
รัชตะกัดริมฝีปากตัวเองที่ซึมเลือดซ้ำรอยเก่าอย่างไม่รู้สึกถึงความเจ็บ ยกมือปาดน้ำตาลูกผู้ชาย ที่เอ่อไหลรินเพราะความเจ็บแค้น แล้วหันหลังวิ่งตรงไปที่กำแพงรั้วสุดชีวิต เด็กหนุ่มปีนป่ายขึ้นต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้รั้วมากที่สุดก่อนจะไต่กิ่งไม้นั่นโหนตัวค่อยๆ วางเหยียบข้ามเหล็กดัดเป็นรูปหอกแหลมตรงส่วนบนสุดของกำแพงรั้ว และกระโดดข้ามไปยังอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มออกมายืนเต็มความสูงตรงด้านนอกกำแพงของบ้าน ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงสายลมเท่านั้นที่พัดผ่านแว่วเข้ามาในหู ราวกับทุกอย่างกำลังหลับใหลไปกับราตรีกาล ทุกสรรพสิ่งหารับรู้ไม่ว่าเลยผ่านกำแพงนี้ไปได้เกิดโศกนาฏกรรมเลวร้ายที่สุดขึ้น
“ผมสาบาน...ว่าผมจะกลับมาทวงทุกอย่างของเราคืน...ทวงลมหายใจให้กับทุกคน หลับให้สบายนะครับ...”
