บท
ตั้งค่า

บทที่ 2: #เจ้าที่อปป้า[2]

“แบบว่าชาติก่อนเคยเป็นอะไรกันอะไรแบบนี้”

“อะไรแบบนี้หมายความว่าอะไรยะ”

“ผัว”

เท่านั้นแขนขาวผ่องก็ถูกมนตรีฟาดลงมาไม่แรงนัก

“นี่ ไอ้หอม เดี๋ยวก็โดนผีเจ้าที่ตามรังควานหรอก พูดจาลบหลู่แบบนี้เนี่ย”

มนตรีว่าเสียงจริงจังเชียว หากแต่คนลบหลู่อย่างกลิ่นหอมกลับหัวเราะร่วน

“ฉันก็แค่ล้อเล่น แกจะจริงจังทำไม”

“ไม่ให้จริงจังได้ไง ผู้ชายบนโลกมีตั้งเยอะแยะ แกจะไปอยากได้เจ้าที่เป็นผัวทำไมล่ะยะ”

“ไม่ได้อยากได้เจ้าที่เป็นผัว แค่บอกว่าชาติก่อนเจ้าที่เป็นผัวฉันหรือเปล่า ถึงได้มาเป็นเจ้าที่ที่บ้านหลังนี้”

“อะไรดลใจให้แกคิดแบบนี้เนี่ย”

“เอ้า ก็เห็นเขาเชื่อกันว่าทุกการพบเจอไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นกงเกวียนกำเกวียนที่ทำให้มาเจอกัน”

เรื่องความเชื่อของศาสนาพุทธในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนี้ มนตรีก็รู้ดี แต่ว่า...

“แต่แกจะให้เจ้าที่เคยเป็นผัวแกไม่ได้เว้ย ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ เดี๋ยวได้จับไข้หัวโกร๋นหรอก”

“ไม่ได้ลบหลู่ แค่สันนิษฐาน” กลิ่นหอมเถียง

“ถ้าแค่สันนิษฐาน เอาแค่เคยเป็นญาติพี่น้องกันก็พอย่ะ”

กลิ่นหอมหัวเราะร่วนทันควัน “จ้า ญาติพี่น้องก็ญาติพี่น้อง อะ ฉันไม่คุยเรื่องนี้กับแกละ เลิกขมวดคิ้วได้แล้ว”

จากนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร กดโทรศัพท์มือถือในมือ เขียนเล่าเรื่องที่คุยกับเพื่อนชายเมื่อครู่นี้ลงในโซเชียลให้กลายเป็นเรื่องตลกไปแทน ขณะที่มนตรีบ่นพึมพำไม่หยุดกับเรื่องการเล่นไม่รู้เรื่องของกลิ่นหอม โดยไม่มีใครรู้เลยว่าไม่ไกลจากตรงนั้น มีสายตาของใครบางคนจ้องมองมานิ่งๆ

ญาติพี่น้องอย่างนั้นหรือ...

ไม่...ไม่ใช่...

เป็นมากกว่านั้น...

แม่ซ่อนกลิ่น...

หลังจากวันนั้น มนตรีก็เริ่มติดงานและมานอนเป็นเพื่อนไม่ได้อีกเช่นเคย กลิ่นหอมเห็นว่าไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วก็เลยปล่อยให้เพื่อนได้จัดการธุระของตัวเองโดยที่ตนไม่ไปรบกวนอีก ส่วนเรื่องน้ำใบเตยนั้น ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุผลอะไร หญิงสาวถึงได้เอาไปไหว้ถวายที่เสาประตูรั้วหน้าบ้านทุกวัน

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอถวายน้ำใบเตยเป็นปกติ หากแต่หน้าที่การงานของฟรีแลนซ์อย่างเธอมันไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมือง กลางวันนอน กลางคืนตื่น การไหว้เจ้าที่ก็เริ่มลดน้อยถอยลงไปตามลำดับจนเกือบลืมไปแล้วว่าต้องไหว้ และแน่นอนว่าเมื่อลืมไหว้เจ้าที่ การพูดถึงเรื่องนี้ลงในโซเชียลก็หายไปเช่นกัน ทำให้ดนัยต้องส่งข้อความมาถาม

‘หอม ระยะนี้ได้ไหว้เจ้าที่บ้างหรือเปล่า’

กลิ่นหอมเปิดข้อความนั้นขึ้นดูแล้วก็ชะงัก

‘ไม่ได้ไหว้เลยค่ะ’

ไม่รู้ว่ากี่วันแล้วที่เธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท อันที่จริงดนัยเองก็ไม่ได้ใส่ใจถ้าหากเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้ฝัน

ฝันถึงผู้ชายคนหนึ่งที่มาขอร้องให้เขาช่วย...

ช่วยอะไรนั้น เขาไม่สามารถบอกกลิ่นหอมไปตามตรงได้ด้วยถือว่าไม่ใช่เรื่องของตน เขาถือว่าตนไม่ล่วงเกินกรรมของใคร แต่จะช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้น

‘ไหว้สักหน่อยก็ดีนะ อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง’

พิมพ์ข้อความส่งมาเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกเมื่อหญิงสาวตอบรับกลับไป

กลิ่นหอมนั่งนิ่ง มองข้อความในโทรศัพท์แล้วก็หันมองออกนอกบ้านไปยังเสาประตูรั้วที่เธอมักจะเอาของไปถวายเจ้าที่ประจำ

ไหว้อย่างนั้นเหรอ?

เธอลุกขึ้น คว้าเอากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ติดมือออกมา พลันขึ้นรถขี่ไปยังร้านสะดวกซื้อ หยิบเอาขวดน้ำใบเตยมา พร้อมกับกลับมาที่บ้านและนำไปไหว้ถวายเจ้าที่อย่างที่เคยทำ

เธอมองขวดน้ำใบเตยบนเสารั้วบ้านนิ่งๆ ก่อนที่จะรู้สึกไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดถึงต้องเชื่อคำพูดของดนัยด้วย

เธอไม่เชื่อว่าผีสางเทวดามีจริง ดังนั้นเธอก็ไม่เชื่อเรื่องเจ้าที่ด้วย แต่ที่ยอมไหว้ก็เพราะเห็นว่าเป็นบ้านของตัวเอง และการที่เธอมาทำอย่างนี้ มันก็ทำให้เธอดูเหมือนตัวตลกอย่างไรก็ไม่รู้ หญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่าง

“ถ้าเจ้าที่บ้านนี้มีจริงๆ สิ่งที่กลิ่นหอมคนนี้เห็นและสัมผัสได้เป็นของจริง ก็ขอให้มาทำอิทธิฤทธิ์อะไรสักอย่างให้ลูกรู้หน่อยเถอะ สาธุ”

พลันก็อธิษฐานออกมา กลิ่นหอมขอยืนยันเลยว่าครั้งนี้ไม่ใช่การลบหลู่ เป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็นและต้องการจะพิสูจน์ว่าเจ้าที่ที่เธอไหว้อยู่นั้นมีจริงหรือไม่เท่านั้น โดยหารู้ไม่เลยว่า...ในมุมมองของใครบางคนที่เฝ้าดูการกระทำของเธอมาตั้งแต่แรกเริ่มกลับคิดว่ากิริยาท่าทางแบบนี้ของเธอช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย

‘ทั้งที่เมื่อก่อนหาใช่คนดื้อแพ่งเยี่ยงนี้ เหตุใดชาตินี้ถึงได้...’

ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากต่อ สาวเจ้าก็เดินสะโหลสะเหลเข้าไปในบ้าน ทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาไปเสียแล้ว ทำเอาคนมองถอนหายใจออกมาคำรบหนึ่ง

‘น่าหนักใจจริงๆ เลยนะเจ้าคะคุณท่าน’

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น เรียกสายตาคมกริบของคนฟังไป

‘นั่นนายของเอ็ง’

เท่านั้นอีกฝ่ายก็ไม่กล้าพูด

‘ขออภัยเจ้าค่ะ’

คนฟังหาได้ถือสา รู้อยู่แก่ใจว่าบ่าวไพร่คนนี้ของตนมีฝีปากเป็นอย่างไร บางคราก็ปากไว ลืมตัวไม่รู้นายรู้บ่าว โดยเฉพาะชาตินี้ที่ ‘ใครบางคน’ มาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดา ทำให้เผลอหลุดปากพูดจาไม่สมควรไปบ้าง

‘ว่าแต่...คุณท่านคิดจะทำกระไรต่อหรือเจ้าคะ’

และความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นอีกข้อเสียหนึ่งของบ่าวผู้นี้ ทั้งที่เพิ่งถูกดุไปเมื่อครู่ แต่ปากก็ยังทำงานเป็นอย่างดี ทว่าผู้เป็นนายกลับไม่ใส่ใจ ได้แต่ว่าออกมาเนิบนาบ

‘คงต้องทำอะไรสักอย่าง’

‘กระไรหรือเจ้าคะ’

‘ทำให้น้ำใบเตยพร่องกระมัง’

สิ้นเสียง ฝ่ามือหยาบกร้านก็เอื้อมไปแตะขวดน้ำใบเตยบนเสารั้วบ้าน มือนั้นหาได้สัมผัสขวดได้หรอก หากแต่เป็นการสำแดงอิทธิฤทธิ์เท่านั้น เพราะอีกอึดใจหนึ่ง น้ำใบเตยในนั้นก็พร่องลงไปเกือบครึ่ง เมื่อเป็นดังนั้น ฝ่ามือนั้นก็ถูกดึงกลับมา

‘ที่เหลือก็แค่รอให้แม่ซ่อนกลิ่นมาเห็น’

สิ้นเสียงทุ้มก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ตอบรับ มีเพียงสายตาของคนทั้งคู่ที่มองเข้าไปยังตัวบ้านนิ่งๆ เท่านั้น

และมันก็เป็นไปอย่างนั้นตลอดทั้งค่ำคืน...

กลิ่นหอมไม่ใช่คนนอนหลับง่าย เธอเป็นคนนอนหลับยากมาตั้งแต่เด็กแล้ว การทิ้งตัวลงนอน หัวถึงหมอนแล้วหลับไม่รู้เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอมาก แต่ไม่ใช่ในวันนี้ที่พอหัวถึงหมอนปุ๊บ หญิงสาวก็ชัตดาวน์ตัวเองปั๊บ ประหนึ่งว่าพร้อมจะนอนตลอดเวลา อาจเป็นเพราะเธอทำงานโต้รุ่งมาทั้งคืน มิหนำซ้ำยังอยู่ฝืนมาจนถึงข่วงบ่าย พอร่างกายไม่ไหวก็ผล็อยหลับไปในทันที

กลิ่นหอมไม่รู้หรอกว่าเธอนอนหลับไปนานเท่าไร ก่อนจะรู้สึกตัวตื่นในช่วงเย็น และตระหนักได้ว่าในตู้เย็นไม่มีอาหารหรือหมูเห็ดเป็ดไก่เอาไว้ทำมื้อเย็นเลย

หญิงสาวคว้าเอากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ เตรียมตัวจะออกไปหาอาหารเย็นกิน หากทว่าขณะที่เลื่อนเปิดประตูรั้วบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นน้ำใบเตยซึ่งถวายเจ้าที่ไปเมื่อเช้าพร่องเกือบถึงครึ่งขวดโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่เธอจะสังเกตว่าโดยรอบก็ไม่มีร่องรอยว่าใครจะมาทำหกหรือสัตว์เล็กๆ อย่างกระรอกหรือนกมากินแต่อย่างใด ต่อให้มีสัตว์มากิน ก็ไม่น่าจะพร่องถึงขนาดนี้ อีกอย่าง ขวดน้ำก็ไม่น่าจะตั้งโดยไร้ซึ่งร่องรอยเปียกโดยรอบด้วย

กลิ่นหอมขมวดคิ้วมุ่น ฉงนใจกับสิ่งที่เห็น เดาไปต่างๆ นานาว่าอาจจะเป็นเพราะอากาศร้อน น้ำใบเตยในขวดเลยระเหยก็เป็นได้ แต่ถึงจะไม่ได้ข้อสรุปที่แท้จริง เธอก็ไม่ลืมที่จะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อเล่าเรื่องเจ้าที่อปป้าของตัวเองในคืนนี้

ถ่ายรูปเสร็จก็จากไป ปล่อยให้เจ้าที่หนุ่มและบริวารมองตามหลังด้วยสายตาที่ต่างกันออกไป

ชายหนุ่มในชุดทหารโบราณมองตามหลังหญิงสาวด้วยสายตานิ่งเรียบ ส่วนบริวารสาวกลับมองด้วยสายตาระอา

‘คุณหนูไม่เชื่อพวกเราเลยนะเจ้าคะ ดูสิ ออกนอกบ้านไปเสียหน้าตาเฉย หากเป็นชาติก่อน มีหวังคงถูกคุณท่านดุเปิงแล้ว...’

พูดไม่จบเพราะถูกสายตาดุๆ เหลือบไปมองเสียก่อน บริวารสาวถึงปิดปากสนิท ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใดๆ ออกมาอีก ขณะที่เจ้าที่หนุ่มตระหนักนึกในใจ

ปาฏิหาริย์แบบนี้ไม่ได้ผล แสดงว่าเขาคงจะต้องทำอย่างอื่นแล้ว

อย่างอื่นเช่น...การไปเข้าฝัน

คิดดังนั้นก็หมายมั่นปั้นมือว่าคืนนี้จะไปปรากฏกายให้สาวเจ้าเห็น พร้อมกับส่งเสียงหายใจดังฮึออกมาในลำคอ

ญาติพี่น้องอย่างนั้นหรือ?

พี่เป็นมากกว่านั้นอีก...แม่ซ่อนกลิ่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel