บทที่ 1 ผู้มีพระคุณ
บทที่ 1 ผู้มีพระคุณ
“อย่า! อย่านะ” แก้วเจ้าจอมคิดไม่ถึงว่ามืออันหยาบกระด้างของชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่จะน่ารังเกียจขนาดนี้ พวกมันมีกลิ่นเหม็นหืนชวนคลื่นเหียน ฝ่ามือสากระคายพยายามลูบไล้ไปตามแขนอันบอบบางของเธอ หัวใจของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว พยายามเหวี่ยงมือจิกเล็บและข่วนสะเปะสะปะสุดแรงเกิด
“คนสวย ให้พวกพี่ได้ชิมหน่อยสิจ๊ะ ดู๊ดู เนื้อนุ่มนิ่มน่าขบชะมัด” ชายร่างผอมซึ่งเป็นหัวหน้าหยอกเย้าเสียงขบขัน มองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเด็กสาวราวกับมองเนื้ออันแสนอร่อย
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันมีเงิน ฉันจะให้พี่ทั้งหมดเลย” แววตาหื่นกระหายของมันส่งผลให้เด็กสาวที่พยายามต่อสู้ดิ้นรนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“อีนังหนู เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วเงินของเธอก็เป็นของพวกเรา จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ มาสนุกกันก่อนสิ ฮิๆ” เสียงหัวเราะน่าสะอิดสะเอียนดังก้องกังวาน
พวกมันไม่ได้ทำอะไรเธอมากนอกจากลูบไล้ตามแขนขา แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้หัวใจของเด็กสาวเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มองใบหน้าของคนทั้งสามที่ยืนกักขังเธอตรงมุมโกดัง ใบหน้าของพ่อแม่และพี่ชายลอยเข้ามาในหัวราวกับเป็นภาพสุดท้าย
น้ำตาเม็ดใสร่วงเผาะ คิดถึงเหตุผลที่เธอมาอยู่ตรงนี้ด้วยความหดหู่ เนื่องจากเพื่อนรักไม่สบายและขอให้เอาสมุดการบ้านไปให้เหมือนทุกที หลังเลิกเรียนเธอจึงไปบ้านอีกฝ่ายเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นวันซวยอะไรอยู่ๆ ก็มีชายสามคนเดินตามมา เด็กสาวพยายามเร่งฝีเท้า แต่เมื่อถึงหน้าบ้านของเพื่อนและตะโกนเรียกกลับไม่มีใครตอบรับ ด้วยความกลัวเธอจึงเดินหนีไปและพยายามโทรหาเพื่อนอีกหลายสาย น่าเสียดายที่ไม่มีใครรับโทรศัพท์
เด็กสาวโทรหาพ่อแม่บุญธรรมแต่ทั้งสองท่านกลับไม่เปิดเครื่อง เธอไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์ของคนรู้จักมากนักจึงกดโทรหาทุกคนที่มีในโทรศัพท์ แต่ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไม่มีใครรับโทรศัพท์ของเธอสักคน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าทั้งสามคนนั้นมีเจตนาไม่ดีแก้วเจ้าจอมจึงพยายามหนีไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็มาถึงโกดังร้างแห่งนี้ เดิมทีเธอพยายามต่อสู้เอาชีวิตรอด แต่ด้วยเรี่ยวแรงของเด็กอายุสิบเจ็ดคนหนึ่ง เธอจะสู้แรงของผู้ชายสามคนได้อย่างไร คนเหล่านี้เหมือนพวกขี้ยาที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน แต่มันกลับมีเป้าหมายชัดเจนนั่นก็คือตัวเธอ
ความสิ้นหวังกัดกินหัวใจ แต่แก้วเจ้าจอมกลับท่องไว้ในใจว่าใครก็ตามที่มาช่วยเธอได้ เด็กสาวจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องการอะไรก็ตาม
น่าเสียดายที่บางครั้ง สิ่งที่คาดหวังก็อาจจะไม่มีจริง
แก้วเจ้าจอมร้องไห้สะอึกสะอื้น หลับตาปี๋แล้วนั่งคู้เข่าอย่างหมดแรง
“โอ๊ยสาวน้อย จะกลัวอะไร เดี๋ยวพวกพี่จะค่อยๆ ถนอมหนูเองนะจ๊ะ” มือนั้นจับคางเรียวให้เชิดขึ้น
เด็กสาวตัวสั่นระริก ความสิ้นหวังถาโถมจนหายใจไม่ออก
“พี่ศร เอาเลยมั้ยฉันไม่ไหวแล้วว่ะ” ใครบางคนพูดอย่างไม่อดทน
“ให้กูก่อนนะกูอยากเปิด”
“เฮ้ย! ทำอะไรวะ”
ในเวลานั้นเองเสียงแหบห้าวของผู้ชายดังขึ้น ดวงตาที่ปิดสนิทของแก้วเจ้าจอมสั่นระริก คิดว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเพียงแค่เสียงแว่วของหูที่เกิดจากความตึงเครียดของจิตใจ
“อย่ามาเสือก”
“ไอ้หนุ่มอย่ามายุ่งกับพวกกู กูไม่อยากฆ่าคน”
“พวกมึงกล้าทำเรื่องเหี้ยกับผู้หญิงเหรอวะ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
หัวใจของแก้วเจ้าจอมหยุดเต้น เมื่อดวงตาเปียกชื้นค่อยๆ เปิดออก ก็เห็นร่างสูงวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระโดดถีบยอดหน้าของคนที่เป็นหัวหน้า
ผลัวะ!
“ไอ้เชี่ย มึง!” ลูกน้องอีกสองคนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
พวกมันไม่ได้พกอาวุธมาด้วยและเก่งเฉพาะกับเด็กผู้หญิง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เข้ามาเอาจริงก็ทำอะไรไม่ถูก ลูกพี่ของพวกมันสลบเหมือนแค่เพราะลูกถีบยอดหน้าของผู้ชายคนนั้น
สองคนนั้นไม่สบายใจ แต่เมื่อคิดว่าชายหนุ่มปรากฏตัวแค่คนเดียวก็มีความกล้า “ไอ้เด็กเปรต มึงคิดว่ามึงเก๋านักเหรอ” ชายคนหนึ่งตวาดอย่างไม่พอใจแล้ววิ่งง้างหมัดใส่ผู้ชายคนนั้น
แต่ในเวลานั้นเอง ชายหนุ่มก็หยิบวัตถุสีดำเมี่ยมออกมาจากกางเกงแล้วเล็งไปที่สองคนที่ยังมีสติอยู่
หมัดที่กำลังจะเข้าหน้าของชายหนุ่มก็ชะงักค้างกลางอากาศ พร้อมกับที่ร่างของมันทั้งสองคนอ่อนแรงและทรุดลงกับพื้น
“อย่ายิงผะ...ผมเลยนะพี่”
“พวกผมไม่กล้าแล้ว” ชายสองคนตัวสั่นเทาก้มศีรษะด้วยความหวาดกลัว
ให้ตายสิแม้จะกล้าแค่ไหน แต่ต่อหน้าปืนก็ไม่มีใครกล้าสู้กับมันจริงๆ จังๆ พวกมันเป็นแค่ขี้ยาในชุมชนแถวนี้ จะกล้าสู้กับปืนได้ยังไงกันเล่า
เวลาต่อมากลิ่นฉุนจากของเหลวที่เปียกชุ่มกางเกงของชายทั้งสองก็ลอยโชยมา
“พวกมึงก้มหน้าแนบพื้น ถ้าไม่อยากตาย” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม พวกมันทำตามอย่างง่ายดาย
จากนั้นชายหนุ่มร่างสูงก็ย่างสามขุมมาหาแก้วเจ้าจอม เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยจากกางเกงยีนสีซีด ใบหน้าซูบตอบเล็กน้อยเหมือนคนอดหลับอดนอน แสงพระอาทิตย์อัสดงส่องมาจากด้านหลังส่งให้เขาเหมือนกับซูเปอร์ฮีโร่ ทันใดนั้นมือเรียวของชายหนุ่มก็ยื่นมาที่เด็กสาว เสียงหงุดหงิดของเขาดังขึ้นเบาๆ แต่ก็อ่อนโยนกว่าที่คุยกับจิ๊กโก๋พวกนั้นพอสมควร
“ลุกขึ้นมาสิ”
เด็กสาวเม้มริมฝีปาก รู้สึกร้อนที่หัวตา เธอพยายามข่มอารมณ์ทั้งหมดในอกแล้วจับมือเขาลุกขึ้นยืนอย่างเก้ๆ กังๆ
ชายหนุ่มมองสภาพของเธอด้วยสายตาเย็นชา “ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่” เธอตอบสั้นๆ กลัวว่าถ้าพูดมากกว่านี้จะแสดงความอ่อนแอออกมา
“ก็ดี ไปกันเถอะ” เขาจูงมือเล็กๆ ของเธอเดินออกไป ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงรถตำรวจ
หัวใจของแก้วเจ้าจอมสั่นไหว คิดไม่ถึงว่าตำรวจจะมาเร็วขนาดนี้
ราวกับอ่านใจของเด็กสาวออก เขาพูดอย่างเฉื่อยชา “คนจะนอนก็ไม่ได้นอน ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา”
เธอสะดุ้งน้อยๆ ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าในโทรศัพท์ที่มีเบอร์ติดต่อไม่มากนักมีเบอร์ของคนคนนี้ด้วย “ขอบคุณ”
“มันเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย” เขาว่า
“แล้วปืน” แก้วเจ้าจอมมองวัตถุสีดำที่เหน็บตรงเอวของเขาด้วยความกลัวในใจ ขณะที่ตำรวจเดินเข้ามาในโกดัง
ชายหนุ่มหยิบปืนขึ้นมาดู จากนั้นก็เหนี่ยวไก
แปะ!
น้ำถูกฉีดใส่หน้าเด็กสาวจนหลับตาปี๋ ทันใดนั้นจากความซาบซึ้งก็กลายเป็นความตกตะลึง ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เด็กสาวกัดฟันกรอด! “ไอ้!”
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะลั่น “ฮ่าๆ กลัวเหรอ”
แก้วเจ้าจอมพยายามข่มอารมณ์ในอก ขณะเดียวกันเมื่อคิดถึงท่าทางกลัวจนฉี่ราดของจิ๊กโก๋พวกนั้น หัวใจของเธอก็ค่อยๆ กลับมาสมดุล
ถ้าพวกมันรู้ว่าตัวเองกลัวปืนฉีดน้ำจนฉี่ราด คงอับอายน่าดู
ป๊าบ!
ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็กระทบหน้าผากจนเด็กสาวได้สติอีกครั้ง ผู้ชายตรงหน้าดีดหน้าผากเธอเหรอ?
“มันเจ็บ”
“อย่าเหม่อสิ งี่เง่าชะมัด”
“...” แก้วเจ้าจอมอยากด่าสวนกลับไปเหมือนทุกที แต่เมื่อคิดว่าถ้าไม่ได้คนตรงหน้า เธอคงแตกสลายไม่มีชิ้นดีก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น
ชายหนุ่มเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเธอ เขาขยี้ผมของเด็กสาวจนยุ่งเหมือนเล้าไก่ จากนั้นก็พูดว่า “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รีบออกจากที่นี่กันเถอะ ฉันจะไปส่งบ้านแล้วค่อยให้ตำรวจตามไป”
“อืม” แก้วเจ้าจอมสูดลมหายใจลึกๆ พยายามไม่ถือสาเขา
เอาล่ะ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเป็นผู้ชายปากปีจอและนิสัยแย่ แต่ตอนนี้ต้องท่องไว้ว่าผู้มีพระคุณ!
สังเกตจากท่าทางทรุดโทรมของเขา คงอดหลับอดนอนจริงๆ ในความหงุดหงิดจึงมีความซาบซึ้งใจอย่างมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าพี่ชายข้างบ้านที่ทำตัวเกเรชอบรังแกเธอทุกครั้งจะกลายเป็นคนที่ช่วยดึงเธอออกจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่
คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าเสี่ยงใช้ปืนฉีดน้ำหลอกพวกจิ๊กโก๋จนพวกมันหลงกล
แน่นอนว่าขณะที่เธอกำลังหมกมุ่นกับความคิดของตัวเอง ไม่ได้สังเกตว่าสายตาของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจ และที่เอวเขามีปืนมากกว่าหนึ่งกระบอก
“ต่อไปอย่าไปที่เปลี่ยวๆ แบบนี้อีกเข้าใจมั้ย”
“อืม”
“จำไว้ว่าถ้าโทรหาใครไม่ติดให้โทรหาฉัน”
“อืม”
