บทที่ 04 คนแปลกหน้า
เกร้ง… แก้วในมือของฤดีรัตน์ชนเข้าไปในที่แก้วของหมอคชา
“หน้าตาของคุณก็ดูไม่สบายเลยนะคะ ฉันก็อยากจะบอกว่า ฉันก็โกรธแค้นเลย”
ยิ้มแห้ง แล้วยกกำปั้นทุบอกของตัวเองดังปึก ๆ
“ฉันเพิ่งอกหักซ้ำสองนะคะ ต้องบอกว่าอกหักซ้ำซากกับผู้ชายคนเดิม ที่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เลือกฉันค่ะ”
หมอคชานึกถึงตัวเอง เขาก็เพิ่งอกหักมาเช่นกัน
“เขาชื่อพี่แว่น เขาเคยหักอกฉันในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่เขาหย่าแล้ว ฉันก็เลยคิดว่าฉันมีความหวัง ฮึ...ฮึ มันเป็นรักที่ฝังใจน่ะ ฉันก็กะจะตามจีบพี่แว่นใหม่ ก็คิดว่าจะมีหวังแล้วเชียว แต่เขาดันเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน-
-สรุปพี่แว่นเลือกยายพอลล่า เลขาหน้าห้องของทนายพวงรัตน์ พี่แว่นเขามองไม่ออกหรือคะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนตอแหล ช่างแอ๊บ” เมื่อผิดหวัง ก็ต้องใส่ไฟ
“โห! แรงมาก” หมอคชาถึงกับอุทานออกมา
“แต่เอาเหอะ ฉันคงจะไม่ใช่เนื้อคู่ของพี่แว่นค่ะ”
“เชอะ! แต่การกลับไปจีบเขา ทำให้ฉันรู้ว่า... หากเขาไม่รัก คำตอบที่ได้... ก็คือไม่รัก จริงไหมคะ”
“...”
หมอคชาถอนหายใจเป็นคำตอบ และก็ยกแก้วของเขาขึ้นชนกับแก้วของฤดีรัตน์
“แต่ที่มันเจ็บสุด ชีวิตของฉันนายช่วงนี้อยู่ในช่วงชีวิตขาลงหรือ งานออร์กาไนซ์ที่รับปากเอาไว้ ก็ยังถูกแคนเซิลอีก แถมยังมีเจ้าเก่าไปเม้าท์ว่างานของฉันไม่ดี ทำให้ชวดลูกค้ารายใหม่ ๆ ไปหลายรายเลยค่ะ เหมือนเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด”
แววตาของฤดีรัตน์เจ็บปวดมาก เป็นการระบายความในใจที่อัดอั้นของตัวเองออกมาจนหมด เธอจึงได้ยกแก้วเบียร์เพื่อดื่มย้อมใจ
แต่ยังไม่วายหันไปมองหน้าหมอคชา
แม้จะเมา... แต่ก็ยังตาดี ฤดีรัตน์มองใบหน้าของหมอคชาอย่างถ้วนถี่ เขามีเค้าโคลงหน้าละม้ายคล้ายกันกับพี่แว่นมาก หัวใจของหญิงสาวถึงกับเต้นแรง ทำไมเธอจะต้องชอบผู้ชายสไตล์เดิม ๆ แบบนี้ ฤดีรัตน์ไม่เข้าใจ และที่น่าแปลก เธอดันหัวใจเต้นผิดจังหวะกับเขาด้วย
‘แหม... นี่มันสเปกชัด ๆ’
เธอพยายามให้เหตุผลกับตัวเอง
“คุณเล่าเรื่องของตัวเองจบหรือยัง ขอผมพูดถึงเรื่องของผมให้คุณฟังหน่อยสิ คุณจะรับฟังได้ไหม”
ที่หมอคชาเอ่ยแบบนี้เพราะว่าเธอเป็นคนแปลกหน้า เขากับเธอคงไม่โคจรกลับมาพบกันอีก
“อุ้ย! ได้สิคะรูปหล่อ ว่าแต่คุณชื่ออะไรคะ”
“คชา”
ปากไวไปหน่อย หมอคชาบอกชื่อจริงตัวเองไปเสียแล้ว
“อ้อ! ชื่อเพราะจังค่ะ แล้วอะไรทำให้คุณมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียวคะ”
“อกหัก”
“หื้อ!” เป็นเรื่องเดียวกับเธอเลย ฤดีรัตน์ตั้งใจฟัง
“ภายนอกเธอก็ดูเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยนะ แต่ว่า… ไม่รู้ไปพลาดตรงไหน”
“อย่างไรหรือคะ”
“คนที่หักหลังไม่ใช่เธอเพียงคนเดียว แต่ยังมีลูกพี่ลูกน้องของผมด้วย ผมไปเจอเขาสองคนนอนด้วยกันบนเตียงนอนของผม”
“...”
หญิงสาวถึงกับอ้าปากเหวอ เรื่องของเขามันดูร้ายแรงกว่าเรื่องของเธอเสียอีก
“เตียงที่เธอนอนกับผมทุกคืน และว่าที่เจ้าสาว น่าจะท้องด้วย เพราะผมได้ยินเขาสองคนคุยกัน”
“ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ”
สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย
“ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย”
“ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน”
“แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม”
“ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่”
ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา
“หาคนใหม่ยังไง”
คิ้วเรียวเลิกขึ้น
“หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ”
ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ
“ไม่เข้าใจครับ”
“คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น”
เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ
“แล้วทำไมคุณไม่ทำ”
“ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน”
“ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ”
เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ
“คุณรังเกียจฉันไหม”
ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ
“ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ”
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้”
หมอคชาจ้องหน้าเธอ
“คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน” เพราะฤทธิ์สุราหญิงสาวกล้ามากที่เอ่ยปากชวนเขา
หมอคชานิ่งไปครู่ ก่อนพยักหน้า อาจจะเป็นจริงอย่างที่เธอพูดก็ได้ ก็ควรหาวิธีตัดใจ แม้ในความรู้สึกของเขานั้นจะไม่หลงเหลือความรักให้กับกชกรแล้ว แต่มันยังผูกใจเจ็บนี่สิ เขาควรมูฟออนก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้แล้ว
“ตกลงครับ”
ทั้งเขาและเธอเรียกพนักงานมาเช็คบิล แล้วก็จูงมือกันออกจากร้าน จุดหมายคือโรงแรม
