บทที่ 01 ฤดีรัตน์
ติ๊ง... ติ๊ง... ติ๊ง...
Sweetheart_Naka:แกว่างอยู่ไหมเมี่ยง ยุ่งเรื่องลูกอยู่หรือเปล่า ถ้าแกยุ่ง ฉันจะไม่กวนแกแล้วนะ
ฤดีรัตน์ส่งข้อความไปหาชนิษฐา เพื่อนรักของเธอ
Noo_Maing:เดี๋ยวสิ เล่ามาได้เลย ยังไงเสียฉันก็เป็นที่ปรึกษาให้แกได้เสมออยู่แล้ว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ปกติแม่หนูร่าเริงอย่างแกไม่เคยมีปัญหาอะไรให้ต้องคิดมากนี่นา
Sweetheart_Naka:พี่แว่นน่ะ เขาหย่าขาดกับเมียแล้วนะ ตอนนี้พวกเขาแยกบ้านกันอย่างเป็นทางการแล้วด้วย ฉันไปสืบมา ทั้งสองคนจดทะเบียนหย่ากันแล้วจริง ๆ
Noo_Maing:แล้วยังไงล่ะ แกจะกลับไปคบกับเขาหรือยังไง
Sweetheart_Naka:โธ่เอ้ย! ถ้าเขายอมให้ฉันจีบก็ดีน่ะสิ
ทางฝั่งเพื่อนสาวถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อได้อ่านข้อความนั้น ชนิษฐาพยายามจะเข้าใจฤดีรัตน์นะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
Noo_Maing:ฤดี ผู้ชายมีอีกเยอะเลยนะในโลกใบนี้น่ะ ไม่ได้มีแต่พี่แว่นของแกคนเดียว อะไรกันนักกันหนานะ มีตาตั้งสองตา แกปิดเสียข้างหนึ่งก็ไม่ได้หรืออย่างไร แล้วแกก็ใช้อีกตาหนึ่งมองผู้ชายคนอื่น
Sweetheart_Naka:ก็ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเวรเป็นกรรมของฉันก็ได้
Noo_Maing:ฤดี… ให้ฉันพูดความจริงเลยไหมล่ะ มันไม่ใช่เรื่องของเวรกรรมหรอกนะ แต่มันเป็นเรื่องของการไม่ปล่อยวางของแกต่างหาก
Sweetheart_Naka:โอ๊ย! แม่คุณ หล่อนน่ะมีครอบครัว มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว ก็พูดได้เนาะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลหัวใจของฉันยกให้กับเขา ฉันรักพี่แว่น
Noo_Maing:เป็นความหน้ามืดตามัวหลงเสียมากกว่า ขนาดเขาแต่งงานไปแล้ว แกก็ยังหลงหัวปักหัวปำ
Sweetheart_Naka:เมี่ยง ฉันขอลองอีกสักทีจะดีไหม อยากจะลุยให้รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร จะออกหัวออกก้อย
Noo_Maing:ก็เอาดิ ถ้าแกยังคิดว่าตอนนี้มันคือโอกาสน่ะนะ เพราะอย่างไรฉันก็เอาใจช่วยแกก็แล้วกัน สู้ ๆ ว่ะเพื่อนรัก
Sweetheart_Naka:ขอบใจที่อยู่ข้างกัน ฟังฉันบ่นเสมอมา แล้วจะไลน์ไปบอกความคืบหน้าก็แล้วกัน
Noo_Maing:ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยล่ะ
Sweetheart_Naka:ขอบใจจ้า
“จ๊ะเอ๋” น้องสาววัยสิบห้าปีกระโดดออกมาจากมุมมืด ฤดีรัตน์ตกใจแทบหงายหลัง
“ตกใจหมดเลย! ทำอย่างนี้ ฉันจะหัวใจวายเอาได้นะสดใส” น้องสาวยังคงหัวเราะร่า
“แล้วพี่ฤดีจะไปไหนล่ะจ๊ะ แต่งตัวเสียสวยเชียว ให้สดใสไปด้วยได้ไหมจ๊ะ”
น้องสาวที่อายุห่างกันถึงสิบปีเดินเข้ามาขวาง สดใสมองสำรวจพี่สาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
การแต่งตัวของฤดีรัตน์ในวันนี้แตกต่างออกไปจากเดิม ใส่กระโปรง สวมเสื้อสีหวานอีกด้วย ผมจากที่ไม่เคยหวีปล่อยกระเซอะกระเซิง ตอนนี้ไดร์เสียเหยียดตรง แถมยังแต่งหน้าทาสีสันบนกลีบปากของตนเองอีกด้วย
“มันไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า แล้วสดใสก็อย่าส่งเสียงดังไปนะ พี่ไม่อยากโดนพ่อดุน่ะ”
“พี่ฤดีโตแล้ว พี่จะทำอะไรก็ได้ค่ะ ไม่เห็นต้องกลัวพ่อกับแม่ดุเลย ถ้าสดใสอายุเท่าพี่ล่ะนะ จะ…”
ฤดีรัตน์ยกมือขึ้นมาปิดปากน้องสาวที่พูดมาก ถ้าลองสดใสได้พูดแล้ว เด็กสาวก็จะไม่มีหยุด ฤดีรัตน์ไม่อยากเสียฤกษ์
“เอาไว้สดใสโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนนะ เธอจะรู้ว่าการใช้ชีวิตในแบบของผู้ใหญ่น่ะ มันไม่ง่าย ตอนนี้เธอยังเด็ก”
“เด็กที่ไหนเล่า นมเค้าน่ะตั้งพานแล้วแม่บอก”
พี่สาวมองหน้าน้องสาวอย่างเหนื่อยหน่าย ก้มลงไปมองอกไข่ดาวของเจ้าตัว ฤดีรัตน์จำได้ว่าตอนอายุเท่านี้ เธอก็โตเป็นสาวแล้ว ไม่ได้เล่นงอแงและง้องแง้งเหมือนกับสดใส
“ก็บอกแล้วว่าพี่รีบ วันหลังจะมานั่งคุยด้วยก็แล้วกันนะสดใส” พี่สาวรีบเดินหนีไป
“โธ่เอ๊ย! ก็เป็นเสียอย่างนี้ทุกทีเลย ไม่มีใครฟังสดใสสักคน บ้านนี้มีใครอยากฟังสดใสพูดบ้างเลยหรือ” มองตามหลังพี่สาวไปอย่างเซ็งๆ
พอพ้นจากน้องสาวมาได้ ฤดีรัตน์ถึงกับถอนหายใจออกมาโล่ง สดใสพูดมากเหลือเกิน
เธอไม่อยากมีปัญหากับพ่อขจรและแม่แจ่มจิตต์ ที่จะคอยถามว่าจะไปไหน การที่เธอโตแล้ว ปีนี้อายุย่างเข้า 28 ปี แต่ฤดีรัตน์ ก็ยังต้องอยู่กับพ่อกับแม่ เพราะเธอไม่มีครอบครัว ยังไม่ได้แต่งงาน พูดง่าย ๆ คือขึ้นคานใกล้หาผัวไม่ได้นั่นเอง
อายุ 28 ปีก็ไม่เห็นแก่สักหน่อย แต่ทำไมใคร ๆ ชอบถามว่า มีแฟนแล้วหรือยัง จะแต่งงานเมื่อไหร่
…ทุกคนก็ถือบัตรเสือกเสียเหลือเกิน ทำเหมือนกับว่าเธอมีคำว่าโสดติดอยู่ที่กลางหน้าผากอย่างนั้นแหละ
