บท
ตั้งค่า

CHAPTER 5 หลีกทางให้พระเอกนางเอก

    พิงค์มิรายังอยู่กับกลุ่มเพื่อน และเพื่อนเก่าบางคนที่เคยเรียนด้วยกัน ต่างคุยหัวเราะเฮฮาเหมือนคืนแห่งความทรงจำ เธอรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าที่คิดไว้ เพราะไม่เห็นศรัญเดินเข้ามายุ่งอะไรอีก

“คืนนี้มันดีเนอะ แบบไม่ต้องปะทะกับใคร” พิงค์มิราพูดกับนานายิ้มบางๆ พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง

“ดีแล้วล่ะ เธอควรได้พักจากดราม่าพวกนั้นบ้าง” นานายิ้มตอบ แล้วหันไปแซวเพื่อนต่อเรื่องสาวๆ

พิงค์มิราหัวเราะตาม ก่อนจะหันไปมองเวทีอีกครั้ง รู้สึกเหมือนทุกอย่างสงบดีเกินไป จนเธอเผลอหลุดคิดว่าบางทีเธออาจจะรอดจากเนื้อเรื่องบ้าๆ นี่แล้วจริงๆ ก็ได้นะ

คืนนี้มีงานเลี้ยงต่อซึ่งคุณป้ากลับไปแล้วในงานมีแต่หนุ่มสาว เหตุการณ์คืนนี้ในนิยายคือศรัญกับพราวฟ้าต้องมีอะไรกัน พอเช้ามาเขายืดอกยอมรับว่าจะรับผิดชอบด้วยการหมั้นหมายและแต่งงาน

พอพิงค์มิราทราบข่าวงานหมั้นก็ขัดขวางทุกวิถีทาง แต่ทำไมเนื้อเรื่องมันดูแปลกๆ ซึ่งเธออธิบายไม่ถูกและเริ่มคาดเดากับความคิดตัวละครไม่ได้

เด็กเสิร์ฟในชุดดำเดินเข้ามาเงียบๆ พร้อมถาดแก้วแชมเปญ

“รับเพิ่มไหมครับ?” น้ำเสียงสุภาพแต่แปลกหน้าจนพิงค์มิราเลิกคิ้วเล็กน้อย เธอไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยทั้งงาน แต่พอหันไปมองรอบๆ ก็เห็นแขกบางคนก็รับแก้วจากถาดเดียวกัน เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

“ขอไวน์ขาวขอบคุณค่ะ” เธอรับแก้วมายิ้มเบาๆ แล้วจิบไวน์อีกรอบ

กลิ่นแอลกอฮอล์บางเบารสสัมผัสหวานปลายลิ้น แต่มีบางอย่างแปลกไปนิดหน่อย พิงค์มิราชะงักไปครู่หนึ่ง

“แปลกแฮะ...สงสัยจะเหนื่อยเกินไป” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้า แล้วก็ดื่มมันจนหมดแก้ว

พร้อมกับนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายต่อ ในงานเลี้ยงนี้พราวฟ้าถูกวางยาเพราะมีคนต้องการตัวเธอ และศรัญก็เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย คืนนี้เธอต้องพยายามหลีกทางให้พระเอกกับนางเอกเขาได้อยู่ด้วยกัน

เธอกลับไปคุยกับเพื่อนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่ทันเห็นว่า เด็กเสิร์ฟคนนั้นเดินหายไปทางประตูหลังห้องอย่างไร้ร่องรอย

“เมาแล้วเหรอเกรซ” ชานนท์เข้ามาใกล้เพื่อนเพราะเห็นสภาพแล้วเหมือนพิงค์มิราจะเริ่มเมา

“นิดหน่อยนะ” เกิดมายังไม่เคยกินไวน์ด้วยแบบเธอต้องเบียร์เท่านั้น เพราะไม่มีเงินซื้ออะไรแพงๆ กินหรอกเสียดายเงิน

“ไปพักไหมฉันเปิดห้องไว้” นานาเข้ามาถามอาการเพื่อน

“อื้อ ว่าจะกลับไปพักเลยแต่ขอเข้าห้องน้ำก่อน” เพราะเริ่มจะไม่ไหวแล้วจริงๆ มันร้อนๆ หนาวๆ เหมือนคนกำลังไม่สบาย

“ให้เราไปส่งไหม”

“ชานนท์นายเป็นผู้ชายอยู่นี่เลย เกรซไม่เป็นไรหรอกคอแข็งจะตาย” นานาห้ามไม่ให้ชานนท์ตามพิงค์มิราไป เพราะชายหญิงอยู่ใกล้กันไม่ดี เวลาเมายิ่งไม่ควรอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

และที่อีกฟากของงานเลี้ยงศรัญที่เพิ่งกลับเข้ามา ก็หันไปไม่เห็นพิงค์มิราที่ยืนคุยอยู่ตรงนั้นแล้ว เขามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

แสงไฟฟลูออเรสเซนต์สีขาวซีดส่องกระทบผิวซีดของพิงค์มิราที่ยืนพิงอ่างล้างหน้าหน้ากระจก ดวงตาเธอพร่าเลือนเล็กน้อย ขนตาปริบเหมือนพยายามจะจับภาพทุกอย่างให้ชัด

เหงื่อเม็ดเล็กซึมออกตามไรผม แม้ว่าในห้องน้ำจะเปิดแอร์เย็นเฉียบ เธอก้มมองมือตัวเองที่กำลังสั่นเล็กน้อย

“บ้า เป็นอะไนวะเนี้ย” เธอพยายามเอาน้ำล้างหน้าเพื่อให้ตัวเองมีสติมากขึ้น แต่มันไม่ได้ผล

พิงค์มิรากัดฟันพยายามตั้งสติ สูดหายใจลึกพลางพึมพำเสียงเบาเหมือนจะปลุกสติตัวเอง

“ไม่เราต้องไม่ตายตอนนี้สิยังไม่ถึงตอนจบเลย” พิงค์มิราพยายามควานหาโทรศัพท์ แต่พยายามเปิดกระเป๋าเท่าไรมือไม้ยิ่งสั่นมากขึ้น

เธอผลักตัวเองออกจากอ่างล้างหน้าอย่างยากลำบาก เดินออกจากห้องน้ำไปตามทางเดินที่ค่อยๆ ว่างเปล่าขึ้นเรื่อยๆ แขกบางส่วนทยอยกลับ หรือลงไปยังเลาจน์ชั้นล่าง

“โอ๊ะ ขอโทษครับ”

ร่างของพิงค์มิราเซไปเล็กน้อยเมื่อเธอเดินชนเข้ากับร่างสูงของชายคนหนึ่งนักธุรกิจหนุ่มในชุดสูทเนี้ยบ ใบหน้าเรียบแต่ตาจ้องมองเธอไม่ละสายตา เขาประคองเธอไว้เบาๆ แต่สัมผัสนั้นแนบแน่นเกินเหตุ

“ปะ ปล่อยด้วยค่ะ” น้ำเสียงของพิงค์มิราสั่นเทา

“คุณไม่เป็นไรแน่นะครับดูหน้าซีดเชียว” เสียงเขานุ่ม แต่แฝงความไม่จริงใจบางอย่างอยู่ในนั้น มือหนาของเอาเริ่มลูบไล้ลงไปที่สะโพก

พิงค์มิราพยายามผละตัวออกเพราะเริ่มรู้สึกว่า เธอไม่เป็นตัวของตัวเองยิ่งอยู่ใกล้เพศตรงข้าม เธอยิ่งควบคุมตัวเองไม่อยู่

“ขอบคุณค่ะฉันจะไปหาเพื่อน...”

“หาเพื่อน หืมเห็นคุณเดินมาเงียบๆ ตั้งนานคิดว่าอาจจะอยากได้คนดูแลมากกว่า” เขายิ้มเอียงๆ แล้วก้าวขวางทางเธอ มือของเขาแตะต้นแขนเธอเบาๆ ก่อนเลื่อนต่ำลงช้าๆ จนพิงค์มิราสะบัดออกด้วยแรงที่เหลืออยู่

“อย่ามายุ่งกับฉัน!” เสียงเธอเบาแต่เฉียบขาดดวงตาเริ่มพร่ามัว

“เฮ้ อย่าดุนักสิ ก็แค่จะช่วยพาขึ้นห้องขึ้นห้องกับผู้ชายมานักต่อนักทำเป็นเล่นตัว” เขาขยับเข้ามาใกล้อีกพร้อมกับดูถูกพิงค์มิรา เขาเห็นข่าวของเธอแทบทุกวัน

เธอพยายามดันเขาออกมือไม้สั่น พยายามจะหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋า แต่สติเริ่มเลือนรางกล้ามเนื้อขาไร้แรง จนเริ่มทรุดตัวลงกับผนังด้านหนึ่ง

       เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ศรัญเดินผ่านมุมของห้องน้ำพอดี ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า พิงค์มิราซึ่งเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเพราะเปียกน้ำ ผิวขาวซีด ใบหน้าแดงระเรื่อเหมือนคนเมา

หญิงสาวกำลังพยายามผลักผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนบดบังร่างเธอไว้

“เธอนี่มันไม่เข็ดจริงๆ ใช่ไหมเกรซ” ศรัญพึมพำเสียงเย็นเฉียบ สายตาแข็งกร้าวทันควันมือกำแน่น ความคิดแรกแล่นเข้ามาอย่างขุ่นเคือง

‘เธอถึงกับพาผู้ชายคนใหม่มาเล่นเกมอ่อยกลางงานเลยงั้นเหรอ?’

เลือดในกายเดือดพล่าน เขาก้าวตรงเข้าไปทันทีมือกระชากคอเสื้อชายคนนั้นให้ผงะถอยออกไป

“ไปให้พ้น!” เสียงศรัญต่ำและดุดันจนน่าขนลุก

“โอ๊ย มึงเป็นใครวะ” เขาหัวเสียเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดไว้

“ฉันบอกให้ออกไป อย่าให้พูดซ้ำ!”

เขาหน้าชะงักกับแรงกดดันและชื่อเสียงของเขา จึงรีบล่าถอยอย่างไว ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้

ทันทีที่เขาไปศรัญหันขวับมาหาพิงค์มิราที่ตอนนี้ร่างกายโงนเงนอย่างควบคุมไม่ได้

“นี่มันอะไรกัน! เมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วยังจะไปอ่อยผู้ชายกลางงานอีกงั้นเหรอ”

พิงค์มิราไม่ได้ตอบเธอแค่พยายามยืนให้ตรง สายตาเลื่อนลอย

“หรือเธอชอบให้คนมองแบบนั้นล่ะ ชอบให้คนพูดลับหลังว่าเป็นผู้หญิงต่ำแบบนั้น” น้ำเสียงของเขาขึ้นสูง ความหึงหวงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธร้อนแรงโดยไม่ทันได้คิด

       “อื้อ ช่วยด้วยย” พิงค์มิราเบิกตาขึ้นน้อยๆ อยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ปากกลับไม่มีแรงแม้จะเปล่งเสียง เธอได้แต่มองหน้าเขาอย่างเจ็บปวดคำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากของศรัญ

“ให้ตายสิ ไม่รู้ฉันเป็นบ้าอะไรถึงยังห่วงผู้หญิงอย่างเธออยู่ได้!” เขาไม่ควรมีความรู้สึกต่อพิงค์มิรา แต่นับวันเขายิ่งห้ามตัวเองไม่ได้

เขากระชากแขนเธอแรงไปหน่อยตอนจะพาเดินออกไป แต่ทันเห็นว่าเธอไม่มีแรงขืน จึงต้องรีบประคองแทน

“ฉันจะไปส่งหน้าห้อง”

ศรัญมองพิงค์มิราในอ้อมแขนอีกครั้ง ร่างของเธอแนบอยู่กับอกเขาเบาๆ หายใจแผ่วเหงื่อผุดขึ้นที่ขมับ แม้จะอยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบ

สายตาเธอพร่าเลือนเหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังอยู่ที่ไหน เขากัดกรามแน่นมือกระชับที่ไหล่เธอ

“อื้อ” เธอไม่ไหวในร่างกายมันร้อนรุ่ม มือไม้เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข

“เธอนี่มัน! น่าจะปล่อยให้ทันฉุดไปให้เข็ด” คำพูดของเขาฟังดูเหมือนบ่น แต่ดวงตากลับมีแต่ความว้าวุ่นใจปิดไม่มิด

เขาหันกลับไปพูดกับพนักงานโรงแรมเบาๆ ก่อนจะพาพิงค์มิราเลี้ยวขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด โซนห้องพักส่วนตัวของครอบครัวเขา

พรุ่งนี้จะให้แม่มาจัดการกับหญิงสาว อบรมสั่งสอนกันยังไงถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว เขาเริ่มรู้สึกว่าพิงค์มิราเหมือนไม่ได้เมา แต่กลับโดนบางสิ่งบางอย่าง

“คุณศรัญฉันร้อน” พิงค์มิราพยายามดึงเสื้อผ้าของตัวเองออก

“เธอโดนวางยาเหรอ อย่าถอดนี่ในลิฟต์” เขาสังเกตอาการของพิงค์มิรา แสดงว่าในงานต้องมีคนเขายาเข้ามาเขารีบเดินออกจากลิฟต์และเข้าห้องไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel