บท
ตั้งค่า

CHAPTER 4 เปลี่ยนเป้าหมาย

ศรัญยืนหน้าตึงอยู่ข้างพิงค์มิรา หญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมสวยที่แต่งตัวราวกับหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นระดับโลก แต่ท่าทีหงุดหงิดของเธอทำให้ความงามนั้นดูมีไฟ ไฟที่พร้อมจะเผาเขาทั้งเป็น

“ยิ้มหน่อยเดี๋ยวแม่กับน้องสาวฉันจะเข้าใจผิดว่าเธอไม่เต็มใจ” ศรัญพูดเสียงเรียบแต่หางเสียงเหมือนเยาะเย้ย

“ฉันก็แค่ทำตามคำสั่งของคุณป้าเท่านั้นค่ะ ไม่ได้หวังอะไรอย่าเข้าใจผิด” พิงค์มิราปรายตามองอย่างไม่แยแส

“คงดีใจมากล่ะสิที่ครอบครัวฉันชอบเธอ อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่กรุณาเรียกฉันแบบให้เกียรติด้วย” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้กระซิบชิดหู

“ฉันไม่อยากเรียกเหมือนเดิมเพราะฉันไม่ใช่คนเดิม อยู่ให้ห่างจากฉันด้วย” เธอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มหวานแบบที่เต็มไปด้วยพิษ

“เรียกร้องความสนใจ” เขาหงุดหงิดไม่รู้ว่าเพราะอะไรพิงค์มิราเปลี่ยนไปมาก จนเขาสัมผัสได้ว่าเธอทำแบบที่ปากพูดจริงๆ

สายตาของทั้งสองปะทะกันอย่างแรงบ้าง เย็นชาอย่างตั้งใจบ้าง ราวกับแข่งกันว่าใครจะประชดได้เจ็บกว่ากัน

“ฉันไปเอาไวน์” เขาพูดลอยๆ ก่อนจะก้าวเดินออกจากกลุ่มคนในงาน ทิ้งพิงค์มิราไว้กลางแสงไฟกับเสียงดนตรี และเธอก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้เดินตาม แต่ก็ไม่ได้ละสายตาจากเขาเช่นกัน

“แปลกจังเนื้อเรื่องก็เป็นไปตามที่เราเขียน แต่ทำไมศรัญดูเปลี่ยนไป” เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาควรจะไปตามตื๊อพราวฟ้าสิไม่ใช่มาตัวติดกับเธอ

“อยู่นี่เอง” เสียงนานาดังขึ้นพร้อมกับมีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเคียงคู่กันมา

“เกรซไม่ได้เจอกันนานเลย” เขาส่งยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ พร้อมกับแววตาที่ดูเหมือนเขินอายเล็กอาย

“ชานนท์เหรอ?” หญิงสาวชะงักนิดหนึ่ง นิยายชานนท์คนที่แอบชอบพิงค์มิรา ในนิยายเขาเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษและขาดการติดต่อไป ทำไมถึงมีแต่คนหล่อรอบตัวเธอ

เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกของความจริง โลกใบนี้คือนิยายที่เธอเป็นคนเขียน แต่เธอแน่ใจว่าความรักของศรัญไม่ใช่สิ่งที่ควรเสี่ยงอีกต่อไป หากติดอยู่ในโลกนี้ตลอดไปอย่างน้อยควรจะมอบความรักในกับคนที่คู่ควร

“คิดว่าจะจำเราไม่ได้” ชานนท์พูดแก้เขินเพราะเขาแอบชอบพิงค์มิรามานานแล้ว

ความนิ่งของชานนท์ความอบอุ่นในแววตาเขา และความเป็นมิตรแบบที่ไม่ต้องพยายาม มันต่างจากศรัญที่มีแต่การปะทะ การพูดจาประชดประชัน และทำให้หัวใจเธอปั่นป่วนเกินควบคุม

บางทีการลงหลักปักฐานกับชานนท์ เพื่อนที่ไม่เคยทำให้เธอร้องไห้อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

“ไปเรียนหรือไปไหนไม่ติดต่อมาบ้างเลยว่าแต่ นนท์ยังโสดอยู่ใช่ไหม?”

“จะตัดใจจากพี่ชายฉันเหรอ” นานาไม่เชื่อในสิ่งพิงค์มิราถาม ชานนท์ตามจีบพิงค์มิรามาตั้งนานแต่เพื่อนไม่ยอมรับรัก

“โสดมากทำไมหรือว่าจะหาคู่ให้?” แดนเลิกคิ้วพูดขำๆ

“เปล่า ฉันแค่คิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเจ็บซ้ำจากคนเดิมๆ ก็ได้” เธอตอบพลางยกแก้วขึ้นจิบไวน์

คำพูดนั้นทำให้นานากับชานนท์มองหน้ากันงงๆ แต่พิงค์มิราไม่อธิบายเธอแค่ยิ้ม แล้วหันมาสบตาชายหนุ่มอีกครั้งอย่างแน่วแน่กว่าเดิม

และที่มุมหนึ่งของงานเลี้ยง ศรัญที่เพิ่งกลับเข้ามาพร้อมแก้วไวน์ในมือก็เผลอชะงักก้าว เมื่อเห็นภาพนั้นพอดีแถมได้ยินชัดทุกประโยคที่พิงค์มิราถามผู้ชายคนนั้น

“ผู้หญิงส่ำส่อน เห็นผู้ชายก็รีบโปรยเสน่ห์” เขาหงุดหงิดกำลังจะเดินหลบออกไปนอกงาน แต่ถูกแม่ตัวเองเรียกให้ไปสัมภาษณ์พร้อมกับพิงค์มิรา ทำให้เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้

“คุณศรัญคะ คืนนี้คุณมาคู่กับพิงค์มิรามีข่าวลือว่าคุณกำลังคุยๆ เรื่องหมั้นหมายกับคุณพราวฟ้าจริงหรือเปล่าคะ?” นักข่าวสาวคนหนึ่งตะโกนแข่งกับเสียงแฟลช

ศรัญยังไม่ทันตอบนักข่าวชายอีกคนก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเสียดสี

“แต่ก็มีข่าวว่าคุณพิงค์มิราเพิ่งพาผู้ชายขึ้นคอนโดไม่ใช่เหรอครับ? แถมผู้ชายคนนั้นยังมีแฟนอยู่แล้วด้วย คุณศรัญคิดยังไงกับข่าวนี้ หรือว่าความสัมพันธ์แค่นี้คุณรับได้? แล้วกับคุณพราวฟ้าล่ะครับ”

พิงค์มิราชะงักเล็กน้อยสีหน้าสงบนิ่งพยายามไม่แสดงความตกใจ แต่แววตาของเธอไหววูบริมฝีปากเม้มแน่น

บรรยากาศเริ่มตึงเครียดแฟลชหยุดลงชั่วคราวเหมือนทุกคนรอคำตอบจากศรัญ เขาหรี่ตามองนักข่าวคนนั้นนิ่งๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

“ก่อนอื่นผมขอพูดในฐานะคนมีสติครับ ไม่ใช่แค่ข่าวลืออะไรก็เชื่อทันทีโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง และถ้าจะถามว่าผมจะเลือกใคร” ศรัญหยุดไปชั่วอึดใจ แล้วหันมามองพิงค์มิรานานพอให้กล้องทั้งหมดหันตาม

“เรื่องงานหมั้นหมายอะไร ไม่ทราบว่าคุณเอามาจากไหนหรือแหล่งข่าวที่ไหนปล่อยมา”

“อึก...คือ” นักข่าวไม่กล้าตอบ

เสียงแฟลชดังขึ้นอีกครั้งราวกับพายุ นักข่าวเริ่มถามกันอื้ออึง แต่ศรัญยกมือขึ้นเป็นเชิงขอจบการสัมภาษณ์

หญิงสาวยังคงยืนตรง ไม่พูดอะไรสีหน้าไม่แน่ใจว่าอึ้ง ตื้นตัน แปลกใจที่ศรัญปกป้องพิงค์มิรา ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย

“ขอบใจที่พูดแบบนั้นแม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม”

“คราวหลังจะยุ่งหรือพาใครขึ้นคอนโดเลือกคนที่เขาไม่มีพันธะหน่อยก็ดี คราวก่อนเมียเขาเกือบฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอ” ศรัญนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดเบาๆ พอให้ได้ยินแค่สองคน

“ฉัน...ขอบคุณที่เตือนคราวหลังจะเลือกให้ดีกว่านี้” เธอจะปฏิเสธว่ามันไม่ใช่แบบนั้น แต่ไม่อยากแก้ตัวเพิ่งให้สัมภาษณ์แท้ๆ ว่าไม่เชื่อข่าวลือ

“ฉันจะบอกให้นะ...” เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพิงค์มิรา เหมือนเกิดไฟฟ้าสถิตหัวใจของเขาเต้นระรัวแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนจะรีบละสายตาและรีบตัดบท

“ฉันฟังอยู่ค่ะ” เธอตั้งใจฟังเขาเป็นอย่างดี

“เธอเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลทำอะไรก็อายบรรพบุรุษบ้าง”

“มีชาติตระกูล? ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว” เธอพูดเบาๆ เพราะตอนนี้ทุกอย่างตกอยู่ในมือของศรัญแล้ว เหลือแค่ว่าเขาจะไล่เธอออกจากบ้านเมื่อไรแค่นั้น แต่ในนิยายคือตอนจบพิงค์มิราไม่เหลืออะไรจริงๆ แม้แต่ชีวิตตัวเอง

.

พราวฟ้าหญิงสาวหน้าสวยจัดจ้านในชุดเดรสสีแดงเพลิง ยืนอยู่หน้ากระจก ดวงตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและโกรธจัด ปากเม้มแน่นขณะถือโทรศัพท์แนบหู มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูด

“ฉันไม่สนว่าเธอจะทำยังไง แต่คืนนี้ทำให้มันมีข่าวฉาวเข้าใจมั้ย? เอาให้คุณศรัญเกลียดมันไปเลย” เสียงพราวฟ้าเครียดจัด น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยแต่แข็งกร้าว

เสียงปลายสายพูดอะไรบางอย่างที่เธอฟังไม่ถนัดนัก เพราะหัวใจเต้นแรงเกินจะจับคำ

“แค่ทำให้มันเสียชื่อพอ ข่าวมันจะดังเร็วพอถ้ามันมีอาการแปลกๆ กลางงานเชื่อฉันสิแม่ของเขาต้องเกลียดมันแน่” มืออีกข้างของเธอกำสร้อยข้อมือแน่นจนสั่น แววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงอย่างคนใกล้จะขาดสติ

พราวฟ้าเดินเข้าไปในงานโดยที่ไม่มีใครเชิญมาสักคน และศรัญไม่เคยเอ่ยปากบอกเธอเรื่องนี้ หญิงสาวส่งยิ้มให้นักข่าวเบาๆ และเดินมุ่งหน้าไปหาเป้าหมาย

พิงค์มิราที่ยืนอยู่กับนานาเห็นพราวฟ้าเข้ามาในงาน จนต้องขมวดคิ้วเพราะในรายชื่อไม่มีนางเอกสาวคนนี้มาร่วมงานด้วย

เหตุการณ์นี้ไม่มีในเนื้อเรื่องหลักที่ถูกเพิ่มขึ้นมาเพราะพิงค์มิราเปลี่ยนไปทำให้ตัวละครของเธอเปลี่ยนไปตาม

“สวัสดีค่ะคุณนานา” พราวฟ้าเลือกไม่ทักทายพิงค์มิรา แสร้งทำเป็นว่ามองไม่เห็น

“ใครเชิญเธอมา” นานาตอบกลับทันที

“ทำไมไม่ถามพี่ชายคุณดูล่ะ” พราวฟ้ากลัวว่านานาจะไปตามศรัญจริงๆ พยายามยิ้มสู้เข้าไว้

“ในการ์ดไม่ได้ให้พี่ศรัญไปชวนใครเลยเธอโกหก” นานาเสียงแข็งพร้อมจะเอาเรื่องกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

“นานาอย่าเสียงดังไปใครอยากจะมาก็ปล่อยเขาไปเถอะ” พิงค์มิราเริ่มปวดหัวขึ้นมา ทำไมพราวฟ้านิสัยเปลี่ยนไปมากขนาด เธอเริ่มเดาเรื่องต่อจากนี้ไม่ถูกเพราะไม่มีเนื้อหาในนิยาย

ตัวละครของพราวฟ้าเริ่มมีความริษยาของตัวร้ายขึ้นมานั่นเพราะตั้งแต่วันที่ทิชามาที่นี่ เนื้อเรื่องก็ได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

“พราวขอตัวไปหาคุณศรัญก่อนนะคะ” หญิงสาวเดินเชิดหน้าไปหน้าตาเฉย ไม่สนและไม่แคร์ใครส่งยิ้มทักทายทุกคนที่มองมาที่เธอ

“ยัยบ้านี่”

“ฉันไปคุยกับชานนท์ก่อนนะ”

นานามองเพื่อนที่กำลังยืนคุยกับชานนท์แบบออกรส พร้อมมองไปที่พี่ชายตัวเองที่มีพราวฟ้าตามติด ทำตัวเหมือนกับเป็นคนรักแต่ความจริงคือไม่ใช่

‘ผมเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วครับ’

พราวฟ้าก้มอ่านข้อความก่อนจะยิ้มมุมปากและมองไปที่พิงค์มิรา ที่แรกกะแค่ว่าจะวางยาเล่นๆ คราวนี้เธอจะให้พิงค์มิรามีอะไรกับผู้ชายที่เธอหาไว้เพื่อสร้างข่าวเสียหาย

“คุณพราวมากับใครครับ”

“อ่อ...พราวมากับเพื่อนค่ะ” เธอหน้าเสียเมื่อเขาถามไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะผู้จัดการไม่ได้มาด้วย

“ไม่รู้ว่าเกรซมีอะไรดีผู้ชายถึงหลงขนาดนี้”

“...” ศรัญไม่ตอบเขาหันไปมองพิงค์มิรา เขากำแก้วไวน์แน่นจนมันจะแหลกคามือ และเห็นเหมือนผู้ชายคนนั้นกำลังลูบศีรษะของหญิงสาว

เคล้ง

“ว้าย คุณศรัญเลือด!” พราวฟ้าตกใจเมื่อแก้วไวน์ในมือของเขาแตกจนบาดลึกลงไป

“ไม่เป็นไรครับผมขอตัวไปทำแผลก่อน” เขาหลีกหนีจากภาพนั้น แก้วที่บาดมือไม่ทำให้เขาเจ็บเลยสักนิด แต่รู้สึกคันยุกยิกที่หน้าอกข้างซ้ายแทน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel