บท
ตั้งค่า

บทนำ

บทนำ

กลับจากฮ่องกงก็มาทำงานตามปกติ ไม่มีการติดต่อจากผู้หญิงที่ตนเฝ้ารอ จนคิดว่าวันนี้จะไปที่บ้านของเธอเพื่อคุยกันอย่างจริงจัง เขาปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานเกินไปแล้ว ไม่อาจปล่อยไปได้อีกเพราะกลัวว่าหญิงสาวอาจจะเข้าใจผิด

ไม่รู้ทำไมจึงได้กระวนกระวายเรื่องของเรามากขนาดนี้ โดยเฉพาะวันนี้ที่พยายามเร่งเคลียร์งานหมดทุกอย่าง

“เอกสารมีแค่นี้เหรอครับ มีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า...” ถามเลขานุการที่วางเอกสารไว้ให้เขา ค่อนข้างน้อยกว่าที่คิดทำให้ร่างหนานึกพึงพอใจเพราะตนเองจะได้กลับเร็วกว่าทุกวันโดยที่ไม่มีงานค้าง

“ไม่มีแล้วค่ะ”

“ครับ” พยักหน้าตอบรับ เริ่มเปิดแฟ้มเพื่อจะได้อ่านเอกสารภายใน แต่ยังไม่ทันที่จะได้หยิบปากกาก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น เขารีบเงยหน้าอย่างรวดเร็วจึงเห็นผู้หญิงที่ไม่ติดต่อกันเกือบเดือนเดินเข้ามาภายในห้อง หน้าตาของเธอสดใสและยังคงยิ้มแย้มอยู่เสมอ

“สวัสดีค่ะคุณรุ้งราย” ทักทายคนสนิทของกวินที่เดินออกจากห้องพอดี

“สวัสดีค่ะคุณแยม” ทั้งสองต่างเอ่ยสวัสดีแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนม ก่อนประตูบานหนาจะปิดลงพร้อมกับที่เธอหันมามองเขา หล่อนสวมชุดเดรสสีหน้าปล่อยผมยาวให้พลิ้วไปตามการเคลื่อนไหว ส่งยิ้มให้เขาเหมือนทุกวันแต่น่าแปลกที่ครั้งนี้รอยยิ้มของหล่อนทำให้ตนใจกระตุก

แปลกจากทุกครั้งที่เคยเป็น เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น

ทั้งที่เธอก็เหมือนเดิมกลับเป็นตนที่รู้สึกต่างออกไป ชายหนุ่มปิดแฟ้มแล้วเลือกจะมองหน้ากุลิสรา ขณะที่หล่อนก็เลื่อนเก้าอี้เพื่อนั่งลงตรงข้ามกับเขา ซึ่งเคยเป็นที่ประจำเสมอทำให้กวินไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปมากนัก

“พี่กวินว่างไหมคะ” หนึ่งเดือนที่ไม่เจอหน้ากัน ไม่นึกว่าคำแรกที่ทักจะห่างเหินขนาดนี้

ปกติถึงเขาไม่ว่างเธอก็มักจะเข้ามามีบทบาทเสมอ ไม่เคยถามด้วยประโยคนี้เลยสักครั้งทำให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงชัดขึ้น เอกสารตรงหน้าไม่สำคัญเท่ากับคู่หมั้นอีกต่อไป สบดวงตากลมเพื่อให้เธอเริ่มเปิดประเด็น

“ว่าง คุยได้” พอเขาพูดอย่างนั้นเธอก็ยิ้มออกมา

หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากล่างเมื่อคิดว่าต้องพูดเรื่องสำคัญ มองดวงหน้าหล่อเจ้าของหัวใจที่ตนแอบรักมาหลายปี พบความผิดหวังทั้งยังสมหวังในบางคราวแต่สุดท้ายบทสรุปของความรักก็ไม่ใช่ความสุขเสมอไป เธอรั้งเขาไว้นานเกินไปควรต้องปล่อยชายหนุ่มเสียที

ที่สำคัญกว่านั้นคืออยากปล่อยตัวเองจากความทุกข์สักที

ถ้ารักคือทุกข์...เธอก็ควรจะปล่อยรักไปไม่ใช่เหรอ

“หนูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่ค่ะ” เพียงแค่เริ่มเรื่องก็ทำให้เขานึกหวาดหวั่นกับสายตาแน่วแน่ของเธอขึ้นมาทันที มือหนากุมกันไว้ที่หน้าขาพลางเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ทำราวกับไม่รู้สึกรู้สาทั้งที่ตอนนี้หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ว่ามาสิ”

หล่อนเลือกจะยิ้มให้เขาแล้วหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า เป็นกล่องกำมะหยี่สีดำที่คุ้นตา พอเปิดดูของข้างในก็จำได้ทันทีว่ามันเป็นแหวนที่ใช้ในงานหมั้น ควรอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของหล่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงถูกเก็บไว้ในนี้

ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้ถาม กลับเป็นเธอที่เฉลยหมดทุกอย่าง “แหวนวงนี้...หนูคืนนะคะ” เหมือนถูกน็อคกลางอากาศ เขานิ่งค้างไปสักพักแล้วหลุบสายตามองแหวนที่ถูกยื่นมาตรงหน้า ก่อนวกกลับไปจ้องใบหน้าสวยที่มุ่งมั่นเสียเหลือเกิน

“คืนทำไม” น้ำเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด

“หนูอยากถอนหมั้นค่ะ”

เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้ร่างสูงรู้สึกเหมือนหูอื้อตาลายจนต้องหลับตาลง ไม่รู้ว่าหล่อนพูดอะไรอีกเพราะแทบไม่ได้ยินสิ่งรอบข้าง เหมือนว่าสมองตัดขาดการรับรู้หมดทุกสิ่งทำเพียงแค่มองรูปปากของหญิงสาวที่ขยับไปมาเท่านั้น

“พี่เองก็ต้องการถอนหมั้นอยู่แล้วใช่ไหมคะ หนูเองก็เหนื่อยไม่อยากสู้ต่อแล้ว เรากลับมาเป็นพี่น้องเหมือนเดิมน่าจะดีกว่าพี่ว่าไหมคะ” เขาเริ่มตั้งสติได้แล้วฟังประโยคสุดท้ายชัดเจนพอดี สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เอื้อมไปคว้าน้ำเปล่ามาดื่มจนหมดแก้ว อาการเริ่มดีขึ้นแต่กลายเป็นว่าเขาเหมือนถูกฉุดให้จมอยู่ในโคลนที่ขึ้นลำบาก

“เพราะเรื่องรินเหรอ” น่าจะเป็นความผิดพลาดเดียวที่คิดออก แต่เธอกลับส่ายหน้าแล้วอธิบายให้เขาฟังอย่างใจเย็น ใช้เวลาทบทวนและอยู่กับตัวเองมาเป็นเดือน จึงตัดสินใจเด็ดขาดกว่าทุกครั้ง แล้วคราวนี้ดูเหมือนจะเอาจริง

“ไม่ทั้งหมดหรอกค่ะ แต่หนูคิดว่าตัวเองทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อมันไปไม่ถึงตอนจบที่แฮปปี้เราสองคนก็ควรลดสถานะดีกว่า พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อแม่นะคะ หนูคุยแล้วพวกท่านก็เข้าใจดี” เธอยิ้มเป็นการจบปิดประโยค ไม่มีความเศร้าหรืออาลัยอาวรณ์ในดวงตาจนเขาไม่ทันจะตั้งรับด้วยซ้ำ มือหนาเผลอกำแก้วเปล่าเอาไว้แน่น จ้องมองแหวนหมั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

เขารอคอยเวลานี้มาตลอด พูดบ่อยครั้งว่าไม่ได้รักเธอ โอกาสมาถึงแล้วทำไมถึงไม่ดีใจอย่างที่ควรเป็นล่ะ

“อยากถอนหมั้นใช่ไหม” กว่าจะเค้นเสียงตัวเองออกมาได้ใช้เวลาพักใหญ่ เขาจ้องเธอแล้วถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ส่วนหญิงสาวก็เลือกพยักหน้าเพราะคิดมาอย่างดีแล้ว ใช้เวลากับตัวเองจนตัดสินใจว่าควรหยุดทุกอย่างเอาไว้ตรงนี้

ขืนดันทุรังต่อไปกลัวว่ามันจะพัง จนแม้กระทั่งความเป็นพี่น้องของพวกเราก็คงไม่เหลือ...

“ค่ะ” ย้ำชัดถึงความต้องการของตัวเอง

พวกเขาสบตากันนิ่งเหมือนต้องการหยั่งเชิง เธอวางตัวเฉยชาต่างจากทุกครั้งที่มักมีรอยยิ้มและเป็นฝ่ายเข้าหาเสมอ ทำให้ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไร เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีบีบไปยังแก้วจนเกรงว่ามันอาจจะเป็นรอยร้าว

วินาทีวัดใจของคนทั้งสองเริ่มต้นขึ้น เธอรู้ดีว่าถึงตนจะแสดงความเข้มแข็งมากเพียงใด แต่ก็อยากให้เขาเอ่ยปฏิเสธการถอนหมั้น ความรักไม่ได้ตัดง่ายเพียงแค่คิดจะทำ มีเส้นใยที่ถักทอโดยใช้เวลาหลายสิบปี แต่เมื่อตัดสินใจทำลงไปแล้วก็ไม่คิดจะถอนคำ

“ตามใจเธอแล้วกัน”

สุดท้ายเขาก็ยอมทำตามความต้องการของกุลิสรา พร้อมกับคลายแรงที่บีบแก้ว กลับมาสบตากับคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดอย่างไร แต่ที่มั่นใจอย่างหนึ่งคือเขาไม่มีความสุขเลยสักนิด

“ค่ะ”

เธอไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น เลือกจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมที่ติดกายซึ่งยังคงลอยอบอวลอยู่ในนั้น พร้อมกับแหวนหมั้นให้ดูต่างหน้า ซึ่งทำเอารองประธานฯ ผู้เคร่งขรึมถึงกับสติหลุดลอย  

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel