บท
ตั้งค่า

๕ ใครเจ้าเสน่ห์ (๑)

ใครเจ้าเสน่ห์

กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไปตีสี่เข้าให้แล้ว เขาขับรถโดยมีหญิงสาวนั่งหลับอยู่ข้างกัน แอบเหลือบมองหล่อนเป็นระยะกระทั่งเลี้ยวเข้ามาในเขตรั้วบ้าน ไฟเปิดสว่างพร้อมกับแม่ครับที่เริ่มตื่นมาเตรียมอาหารเช้าเพื่อให้คุณผู้หญิงใส่บาตร

เขาไม่เคยกลับบ้านเช้าขนาดนี้มาก่อนในชีวิต จอดรถในโรงรถเรียบร้อยก็หันมามองภรรยาที่หลับสนิทไม่ยอมตื่น สงสัยคงกินอิ่มมากเกินไปเพราะเธอจัดการกุ้งและปูเกือบสองกิโลไม่มีเหลือสักชิ้น เชื่อเลยว่าถ้าเข้าเดือนที่ห้าจะต้องท้องโย้แน่ แม่ลูกกินเก่งขนาดนี้

ดวงหน้าคมมองภรรยาไม่วางตา ก่อนยกมือขึ้นไล้ตามกรอบหน้าหวานอย่างแผ่วเบา ก่อกวนขนาดนี้เธอยังไม่ตื่นเลย สุดท้ายเขาก็จำต้องบอกคนที่ตกในห้วงนิทราว่าตอนนี้รถได้จอดสนิทเพราะถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย

ไม่รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาจะยอมตามใจขนาดนี้หรือเปล่า เหลือเวลานอนอีกแค่สามชั่วโมงก็ต้องตื่นไปทำงานแล้ว มีหวังประชุมไม่รู้เรื่องกันพอดี

“ถึงบ้าน...หลับอย่างกับเด็ก” ยังเอ่ยไม่จบประโยคแรกก็ต้องกลั้นขำที่เคี้ยวปากเหมือนกำลังรับประทานอาหาร กินเยอะขนาดนั้นยังไม่อิ่มอีกหรือ นึกในใจแล้วค่อยลงจากเบาะคนขับเพื่ออ้อมไปอีกฝั่ง พยายามปิดและเปิดประตูรถให้เบาที่สุดกลัวรบกวนคนนอน

จากนั้นจึงช้อนร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนด้วยท่าเจ้าหญิง คิดว่าเธอคงจะตื่นแต่ไม่น่าเชื่อว่ายังหลับสนิทไม่มีลืมตาขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว

ไม่อยากจะเชื่อคนอะไรหลับสนิทขนาดนี้

“อือ” ครางอื้ออึงในลำคอยามที่เขากำลังก้าวขึ้นบันไดหน้ามุข เหมือนจะรู้สึกตัวแต่สุดท้ายก็ยังหลับเหมือนเดิม เขากลั้วหัวเราะแล้วอธิบายกับหล่อนเสียงเบา เกรงว่าจะรบกวนหญิงสาวที่ยังคงหลับอย่างกับตอนอยู่บนรถ

หนังท้องตึง...หนังตาก็หย่อนสินะ

“กำลังจะพาขึ้นไปนอนบนห้อง” เธอทำเพียงครางตอบรับทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดอะไร

ถึงหน้าห้องก็พยายามใช้มือบิดกลอนประตูเข้ามาภายใน แล้ววางภรรยาไว้บนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอแต่เขาก็ง่วงจนทำอะไรไม่ไหวเช่นเดียวกัน ตัดสินใจเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วค่อยสอดกายเข้าใต้ผ้าห่มเพื่อนอนกับภรรยา

ขับรถมาก็เหนื่อยเรื่องอะไรจะต้องไปขดตัวนอนบนโซฟาแคบล่ะ...

“อือ” คนตัวเล็กกว่ารู้สึกหนาวจึงขยับเข้าหาความอบอุ่น เลือกจะกอดแขนเขาเอาไว้จนร่างหนานอนนิ่ง มองดวงหน้าหวานที่มีร่องรอยของอาหารเลอะบนปากก็แอบยิ้มขำ เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว เอาไว้ให้ลลิลจัดการเองล่ะกัน

“ถ้าไม่แปรงฟัน...ไม่เป็นไรหรอก แค่คืนเดียวเอง” พึมพำเสร็จก็นอนหลับทันที เหนื่อยจากการขับรถไม่กี่นาทีก็ผล็อยหลับเช่นเดียวกับภรรยา

เป็นครั้งแรกที่พวกเขานอนเตียงเดียวกัน ชายหนุ่มหันข้างมากอดร่างบางเอาไว้แนบอก จนเธอได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขาที่คล้ายกับเพลงกล่อมให้หลับลึกกว่าเดิม เผลอกอดตอบชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัวคิดว่าเป็นหมอนข้าง

กระทั่งเช้าวันต่อมาที่เธอตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกของตัวเอง เพียงแค่ลืมตาก็เห็นใบหน้าคมที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ จึงรีบเด้งตัวลุกนั่งบนเตียงแล้วโวยวายเสียงดัง ทำให้ฉัตรชยาตื่นด้วยความงัวเงีย เหมือนเพิ่งหลับไปไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ

“อื้อ...คุณ! ทำไมคุณขึ้นมานอนบนเตียง” ขยับกายออกห่างแล้วมองเขาคล้ายกับเห็นผี

ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเพิ่งเจ็ดโมงเช้าจึงไม่ได้เร่งรีบมากนัก บิดกายไล่ความขี้เกียจค่อยลุกจากเตียงกว้าง มองดูลลิลที่พยายามสำรวจตัวเอง ก่อนถอนหายใจเมื่อพบว่าชุดยังอยู่ครบ

“ฉันกำลังจะไปนอนที่โซฟาแต่เธอนั่นแหละที่คว้าฉันเข้าไปกอดเอาไว้แน่นอย่างกับหมอนข้าง จะแกะก็ไม่ออกเลยต้องนอนบนเตียง คิดว่าฉันอยากนอนกับเธอมากนักหรือไง” เล่าเป็นตุเป็นตะจนเธอนิ่งงัน เชื่อไปกว่าครึ่งเพราะตนเป็นคนติดหมอนข้าง อาจคิดว่าเขาเป็นหมอนข้างก็ได้

ทว่าหล่อนขึ้นมานอนบนเตียงได้อย่างไร เท่าที่จำได้คือหลับไปตอนอยู่บนรถไม่ใช่เหรอ แต่จะถามก็กระดากปากจึงเลือกเงียบเอาไว้ เงยหน้ามองคนตัวสูงที่เดินมาฝั่งหล่อนนั่ง ก่อนโน้มหน้าเข้ามาใกล้ทำจมูกฟุดฟิดเหมือนดมกลิ่นบางอย่าง แล้วถอยหลังออกห่างไม่ลืมเอ่ยล้อเลียน

“ฟันก็ไม่แปรง...” หล่อนรีบยกมือปิดปากแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที ปล่อยให้ฉัตรชยามองตามหัวเราะในลำคอที่ได้แกล้งเธอ

“หึหึ”

เปิดวันใหม่ด้วยความสดใสจริงๆ

เมื่อโปรเจคใหญ่ผ่านพ้นไปก็ไม่ใช่ว่างานจะลดลงตาม เขายังทำงานหนักเหมือนเดิมจนระหว่างวันไม่มีเวลาได้หยุดพัก อ่านเอกสารจนหัวหมุนพร้อมกับตัวช่วยอย่างกาแฟเพื่อไม่ให้หลับระหว่างวันเสียก่อน เมื่อวานได้สั่งโซฟาตัวใหม่ไปไว้ที่ห้องนอนเรียบร้อย ต่อจากนี้เขาคงไม่ต้องทนนอนปวดหลังหรือกลัวตกโซฟาตอนกลางคืนอีกต่อไป

ประตูห้องถูกผลักอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แขกคนสำคัญยิ้มกว้างระหว่างเดินเข้ามาในห้อง ขณะที่เลขานุการก็ยืนทำหน้าเศร้าแล้วพึมพำขอโทษอยู่ด้านหลัง เขาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายแล้วพยักหน้าไม่ได้กล่าวโทษคนที่อยู่หน้าห้องแต่อย่างใด

ถ้าหม่อมหลวงกชวราจะเข้ามา ต่อให้มีช้างทั้งโขลงมาขวางไว้หล่อนก็เข้ามาได้อยู่ดี รีบปิดเอกสารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ถึงเธอจะไม่ได้สอบถามก็กลัวว่าข้อมูลจะรั่วไหลอยู่ดี

ใบหน้าคมนิ่งสนิทพร้อมจ้องมองหญิงสาวที่เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ชุดที่เธอสวมเป็นแบรนด์เนมทั้งตัว แต่สีสันแสบตาสว่างจ้าแข่งกับพระอาทิตย์ มือบางค่อยถอดแว่นตาสีดำที่สวมแล้วเหน็บไว้กระเป๋าเสื้อด้านหน้า ช้อนตาพร้อมดันทรวงอกมหึมาให้ชิดกับขอบโต๊ะ เผยอปากเล็กน้อยค่อยถามเขาด้วยประโยคประจำ

“ฉัตรคะ เราไปกินข้าวเที่ยงที่ไหนดีคะ”

“คุณไม่ทำงานเหรอครับ” ไม่ตอบคำถามของเธอแต่เลือกจะถามกลับ

ตั้งแต่เธอกลับถึงไทยก็แวะเวียนมาหาที่บริษัทตลอด เจอกันตามงานสังคมบ่อยครั้ง ยังดีที่หญิงสาวไม่กล้าบุกไปหาถึงบ้านเพราะเขาห้ามเอาไว้ ตอนนี้จึงต้องปวดหัวในการรับมือกับหล่อน

“แหม่ เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ กชไม่ทำอะไรทั้งชาติเงินที่มีก็ไม่หมดหรอก สมบัติคุณพ่อคุณแม่มีเยอะจะตายไป ไหนจะของท่านปู่กับหม่อมย่าอีก ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ” คนฟังถึงกับถอนหายใจหนักเมื่อหล่อนไม่มีทีท่าว่าจะทำงาน จึงลองโน้มน้าวใจของกชวราเผื่อเธออาจจะคิดขึ้นมาได้บ้าง

“ถ้าคุณยังใช้เงินโดยที่มันไม่ได้งอกเงยเพิ่มพูน สักวันเงินที่มีมันก็ต้องหมด”

“วันนั้นไม่มาถึงหรอกค่ะ” เลือกจะตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel