๓ ข้อตกลงที่เจ็บปวด (๑)
๓
ข้อตกลงที่เจ็บปวด
ทราบข่าวเมื่อวานก็ร้อนใจอยากมาพบหญิงสาวเสียเดี๋ยวนั้นแต่ติดงานจนลากถึงเย็นจึงไม่อาจทำตามความต้องการของตัวเองได้ วันต่อมาเมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ลูกชายคนโตบ้านฐิติยานนท์ก็ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวเช้ากว่าปกติ ทั้งยังลงมาใส่บาตรพร้อมมารดาอีกต่างหาก เล่นเอาคุณแก้วเจ้าจอมถึงกับงุนงงแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่าไม่สบายหรือเปล่า
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเช้ากลับไม่พบฉัตรชยา มีเพียงสามีที่จิบกาแฟไปพลางแล้วดูกราฟหุ้นที่ดิ่งลงเหวไปพลาง พอถามแม่บ้านก็ได้ความว่าร่างสูงออกไปทำงานแต่เช้าจึงไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก นอกจากนั่งลงกินข้าวกับปรัตยา
โดยไม่รู้เลยว่าจุดหมายของบุตรชายไม่ใช่สถานที่ทำงานอย่างที่ตนเข้าใจ กลับเป็นโรงงานแถบชานเมืองซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของหญิงผู้ทำชีวิตเขาปั่นป่วน ชายหนุ่มให้คนสนิทของบิดาไปสืบข้อมูลเรื่องที่อยู่ของหล่อนตั้งแต่เมื่อวาน พอเช้าก็รีบมาหาเพื่อพูดคุยเรื่องทุกอย่าง พร้อมกับเอกสารที่เขาเป็นฝ่ายเขียนขึ้นมาเอง
เพื่อไม่ให้เธอเข้ามาหาผลประโยชน์จากตัวเขาหรือคนในครอบครัว...อย่างน้อยก็ต้องกันเอาไว้ก่อน
จอดรถหน้าโรงงานแล้วเดินลัดเลาะมาทางด้านข้างก่อนจะถึงบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ข้างหลัง พบแม่บ้านที่ควบตำแหน่งพนักงานในโรงงานเดินออกมาพอดี เจ้าหล่อนรีบยกมือไหว้หนุ่มหล่อแล้วมองด้วยความตกตะลึง ก่อนตั้งสติได้รีบถามเพื่ออำนวยความสะดวกให้แขก
หน้าตาดีแต่งตัวแบรนด์เนมคงไม่ใช่พวกโจรผู้ร้ายหรือสิบแปดมงกุฎหรอกนะ
หรือถ้าใช่...บ้านหลังนี้ก็ไม่มีอะไรให้ขโมยสักชิ้น
เมื่อเจ้าของบ้านนำสิ่งมีค่าไปจำนำเพื่อนำเงินมาหมุนให้งานเดินหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีค่ะ คุณมาพบใครคะ”
“ผมเป็นเพื่อนกับลิลิต เขาอยู่บ้านไหม...หรือตอนนี้มีใครอยู่บ้านบ้าง” ถามถึงคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแม้ความจริงจะไม่ได้มาหาอีกฝ่ายก็ตาม สายตาจดจ้องยังคนที่ตัวเล็กกว่าตนเองเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ ซึ่งหล่อนก็ขวยเขินเกินจะกล้าสบตาเขา
“มีแค่คุณลิลค่ะ” มุมปากหยักยกยิ้มเล็กน้อยแล้ววาดมือไพล่หลังซ่อนเอกสารสำคัญเอาไว้
“ขอพบเธอหน่อย เธออยู่ที่ไหน”
“อยู่ในบ้านค่ะ เดี๋ยวหนูไปตามคุณลิลให้นะคะ” เจ้าตัวรีบหมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีกรอบเพื่อบอกเจ้านายถึงแขกสุดหล่อที่มาเยือนถึงชานเรือน ตอนแรกลลิลก็ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร อาจเป็นเพื่อนของพี่ชายสักคนจึงได้เดินลงมาแล้วพบว่าชายหนุ่มนั่งรออยู่ในห้องรับแขกแล้ว
พลันสายตาสบกันเหมือนมีไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วกายของเธอ ก่อนหญิงสาวจะเมินสายตาคมที่จ้องไม่ลดละ แล้วคุยกับพนักงานที่มาช่วยทำความสะอาดบ้านในบางคราวเพื่อหารายได้เสริม แม้หล่อนเองจะไม่ค่อยมีเงินแต่ก็พยายามจ่ายเงินเดือนทุกคนให้ตรงเวลาเพราะรู้ดีว่าพนักงานยังมีครอบครัวที่ต้องดูแล
คนที่ยังอยู่ตอนนี้ก็มีแต่คนเก่าแก่ทำงานมาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่า เธอทำได้แค่หวังว่าโรงงานที่ท่านเพียรสร้างจะไม่จบลงที่รุ่นของตน
“ป่านจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ พี่จะคุยกับแขกเอง” ดูท่าเขาคงต้องการความเป็นส่วนตัว
รอจนกระทั่งบุคคลที่สามเดินออกไปข้างนอก หล่อนจึงได้ก้าวเข้ามานั่งลงยังโซฟาเดี่ยวเยื้องกับเขา แผ่นหลังบางเหยียดตรงพร้อมกับปลายคางที่เชิดขึ้นอย่างถือดี สบตากับเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ลลิลเลือกจะเงียบแล้วให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“เธอท้องเหรอ” คำถามแรกก็ตรงประเด็นสมกับเป็นฉัตรชยา
ชายหนุ่มไม่ใช่คนอ้อมค้อมและพูดทำร้ายจิตใจคนฟังเก่งเหลือเกิน หล่อนยังจำได้ดีกับคำดูถูกและหยามศักดิ์ศรีของตนที่เขาเป็นคนเอ่ย ความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้าจึงแปรเปลี่ยนไป ความรักไม่อาจไปต่อได้เมื่อถูกตัดรอนทั้งยังแสดงท่าทีรังเกียจ
สิ่งที่มอบให้เขาได้คงมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น...เธอพยายามบอกตัวเองให้รู้สึกเช่นนั้นกับเขา
เพียรสร้างกำแพงป้องกันตัวเองอย่างดี แต่พอเจอหน้าเขาทีไรหัวใจก็ไม่เคยเชื่อฟังเลยสักครั้ง ถึงท่าทีจะแสดงออกว่าต่อต้าน หัวใจกลับไม่ยอมทำตาม
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” บอกเสียงแข็งแต่เขาก็ไม่ได้ถือสาสักนิด เลือกจะมองหน้าที่หน้าท้องแบนราบของหล่อนจนเจ้าตัวต้องหยิบหมอนมาปิดกั้นสายตาของเขา
“มันจะไม่ใช่เรื่องของฉันแน่ถ้าเด็กในท้องเป็นลูกคนอื่น แต่ตอนนี้พี่ชายเธอไปโวยวายถึงบ้านให้ฉันรับผิดชอบเธอกับเด็กนั่น” หญิงสาวนึกโกรธที่ชายหนุ่มเรียกลูกของตนว่าเด็กนั่น เหมือนเขาไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง
“ไม่ต้อง! ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ ลูกของฉันฉันจะเลี้ยงเอง ไม่เกี่ยวกับคุณแล้วต่อจากนี้ห้ามมาที่นี่และห้ามยุ่งกับฉันอีก” พูดจบก็ลุกจากโซฟาหมายขึ้นบนห้องไม่อยากคุยกับเขาให้อารมณ์เสียอีก แต่ก็ถูกชายหนุ่มรั้งไว้ด้วยคำพูดที่เรียกความสนใจจากลลิลได้เป็นอย่างดี
“สายไปแล้วล่ะ พี่ชายเธอบอกพ่อกับแม่ฉันแล้ว...เรื่องมันใหญ่เกินกว่าที่ฉันและเธอจะตกลงกันสองคนได้ เพราะเธอจะต้องแต่งงานกับฉัน” ประโยคสุดท้ายทำให้เธอนิ่งค้างไม่คิดว่าชายหนุ่มจะบังคับให้แต่งงานด้วย
ลลิลนิ่งไปแล้วจ้องดวงหน้าคมอยู่อย่างนั้นจนเขาต้องถามกลับเสียงเรียบ มุมปากยกยิ้มคล้ายกับหยันอยู่ในทีจนคนที่อารมณ์เย็นลงบ้างแล้วกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง
“นี่เป็นแผนยกฐานะของทั้งบ้านหรือเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าครั้งเดียวจะติด น้ำยาฉันมันดีจริงๆ” หมอนที่วางบนโซฟาถูกโยนใส่ดวงหน้าคมจนเขาสะดุ้ง ไม่เคยมีใครปฏิบัติกับตนเช่นนี้มาก่อน โดยที่ชายหนุ่มลืมเสียสนิทว่าเขาก็ปฏิบัติกับหญิงสาวต่างจากคนอื่นเช่นเดียวกัน
ดวงตากลมแดงก่ำด้วยความโมโหปนโกรธเมื่อคนตรงหน้ากำลังดูถูกครอบครัวเธอ จึงตะโกนเสียงดังเพื่อไล่ร่างสูงออกจากบ้าน
“ออกไป! บ้านฉันไม่ต้อนรับคุณ” พอถูกตะโกนใส่หน้าแล้วไล่อย่างกับหมูหมาก็ไม่อาจทนไหว ลุกยืนเต็มความสูงพร้อมยื่นเอกสารที่เตรียมมาจากบ้านไปตรงหน้าเธอ หญิงสาวจึงได้ลดอารมณ์ที่ร้อนลงเพราะอยากรู้ว่าข้างในเขียนอะไรบ้าง
“ฉันออกไปแน่ แต่เธอต้องเซ็นเอกสารนี่ซะก่อน”
“เอกสารอะไร”
“อ่านดูสิ”
ร่างสูงนั่งกอดอกแล้วมองลลิลที่ค่อยหยิบเอกสารมาเปิด พลางนั่งลงที่เดิมอยากรู้ว่าข้างในซองสีน้ำตาลเขียนอะไรเอาไว้บ้าง เพียงแค่เปิดออกมาก็พบหนังสือสัญญาการสมรสของพวกเรา ไล่เรียงมาเป็นข้อทั้งยังใช้ภาษากฎหมายจนเธอต้องตั้งสติ พยายามเรียบเรียงตามความเข้าใจของตัวเอง
ทว่าเหมือนจะไม่ทันใจชายหนุ่มเท่าไหร่ เขาจึงเป็นฝ่ายพูดให้เธอฟังถึงสัญญาที่ตัวเองเขียนขึ้น เพื่อไม่ให้หล่อนเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ เขาเองก็ต้องปกป้องทรัพย์สินของตนเช่นเดียวกัน ตามคำพูดของหม่อมหลวงกชวราที่พร่ำเป่าหูเรื่องของลลิล เขาจึงต้องจัดการขั้นเด็ดขาด
“เราจะหย่ากันทันทีหลังเธอคลอดลูกแล้วจะเหลือแค่สถานะพ่อกับแม่ ส่วนคำว่าสามีภรรยาจะจบลง เธอจะไม่ได้ทรัพย์สินในส่วนของฉันสักบาท เรื่องลูก...ฉันจะส่งเสียเลี้ยงดูเด็กคนนี้ในฐานะพ่อต่อไป ส่วนเธอก็เลี้ยงดูเขาที่บ้านของเธอได้เลยแล้วฉันจะไม่มายุ่งด้วย”
กว่าเธอจะคลอดลูกก็กินเวลาไปหลายเดือน ระหว่างนั้นหล่อนก็คงดูดเงินทองของครอบครัวเขาไปเยอะพอสมควรแล้ว จึงต้องเขียนให้ชัดเจนถึงการแบ่งสินสมรสหลังหย่า ว่าเงินส่วนนั้นจะต้องเป็นของเขาเพียงผู้เดียว
มือบางกำเข้าหากันแน่นเมื่อฟังจบแล้วอ่านถึงบรรทัดสุดท้าย เขาคงคิดว่าหล่อนเข้าหาเพื่อหวังหลอกเอาเงิน ยิ้มหยันสมเพชตัวเองแล้วยังนึกเกลียดชายหนุ่มที่โยนความผิดทุกอย่างมากยังหล่อน ดวงตากลมสั่นไหวนัยน์มีเพียงความเสียใจที่หลงรักคนใจร้ายเข้าให้แล้ว
เพียงแค่ได้สบตาครั้งเดียวในวันนั้น ทำไมถึงรักปักใจมาจนถึงวันนี้ได้นะ
มันช่างโง่เง่าเหลือเกิน...
