EP.14 ให้มากกว่า
“ที่ดินตรงนี้ทำเลดีมากเลยค่ะ คงแพงมากเลยใช่ไหม?” ดวงตาคู่สวยมองแผ่นดินผืนกว้างที่อยู่ใจกลางเมือง ขนาดเธอเป็นแค่คนธรรมดายังรู้ว่ามันคงมีมูลค่าสูงมาก
“…..” เขาไม่ได้ตอบคำถามคนตัวเล็กแต่เลือกที่ยิ้มให้ เพียงแค่นั้นพักพิงก็รู้ได้ทันทีว่าที่ดินตรงนี้คงมีราคาแพงมากเหมือนที่คิดไว้จริงๆ
“ดูท่าคงจะแพงเกินไป พิงว่าชรัณเก็บเอาไว้ไปต่อยอดทำอย่างอื่นเถอะ พิงไม่เอาดีกว่า”
“ผมยังเหลือที่ดินอีกเป็นร้อยเป็นพันไร่ แบ่งให้พิงสักสี่ไร่ห้าไร่คงไม่เป็นไร”
“…..” พักพิงยืนเงียบพลางครุ่นคิดอย่างหนักไม่คิดมาก่อนว่าชรัณจะยอมยกสิ่งของที่มีมูลค่าง่ายดายกับเธอแบบนี้ จากรู้สึกดีมันกลายแปรเปลี่ยนเป็นความเกรงใจจนไม่อยากรับมันไว้
“ทำเลตรงนี้อยู่ใกล้บริษัทผม อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย อยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า ทุกอย่างมันโอเคมากเลยนะ” ชรัณอธิบายโดยมีหญิงสาวที่ยืนฟังอย่างตั้งใจ ด้วยความที่เป็นนักธุรกิจมากฝีมือเขาจึงมองการณ์ไกลได้ขาดว่ากิจการของเธอคงไปได้ดีถ้าทำให้ถูกวิธีและมีผู้สนับสนุน
“…..”
“ถ้าพิงเปิดคาเฟ่ตรงนี้ เราสองคนจะได้มาทำงานพร้อมกันแถมยังอยู่ใกล้กันมากแบบนี้ผมว่ามันสะดวกดีนะ”
“ที่อยากให้เปิดร้านเพราะอยากให้พิงมาอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลาเลยใช่ไหม”
“รู้มาก” ชรัณอมยิ้มเล็กน้อนพลางเลื่อนมือไปบีบปลายจมูกของคนตัวเล็กเบาๆ อย่างมันเขี้ยวที่เธอเริ่มรู้ทันขึ้นมาบ้างแล้ว
“แล้วมันจริงหรือเปล่าคะ?”
“เรื่องจริง”
ลูกน้องคนสนิทยืนอมยิ้มมองเจ้านายทั้งสองกำลังที่คุยกันกระหนุงกระหนิงแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตั้งแต่มีพักพิงเข้ามาดูเหมือนว่าชรัณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นราวกับเป็นคนละคน
“อาทิตย์หน้าผมจะเรียกสถาปนิกเข้ามาคุยนะ ถ้าพิงชอบแบบไหนต้องการยังไงก็บอกเขาได้เลย ส่วนงบประมาณทั้งหมดผมจะเป็นคนจัดการให้เอง”
“แล้วถ้าเราสองคนต้องแยกกันไป มันจะ…เอ่อ…” หญิงสาวจินตนาการไปถึงวันที่สัญญาสิ้นสุดลง ถ้าหากวันนั้นมาถึงชรัณจะทวงทุกอย่างคืนไหม
“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม อะไรที่ให้คือให้ไม่เอาคืน ทุกอย่างจะเป็นของพิง ถึงต่อให้เราสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วยังไงมันก็เป็นของพิง ผมไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น คุณสบายใจได้”
ชรัณพูดขึ้นราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้จุดอ่อนของเธอทุกอย่างเลยใช้จิตวิทยาเข้าครอบงำคนตรงหน้า
ยิ่งทำดีกับเธอมากเท่าไหร่ เท่ากับว่าเขาจะได้เป็นเจ้าชีวิตเธอมากเท่านั้น ไม่ว่าจะใส่ปอกคอหรือสั่งให้เดินไปทางไหน พักพิงก็ต้องทำตามคำสั่งอย่างไม่มีข้อแม้
“ตกลงตามนี้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“…..”
-PT GROUP-
แกร้ก~ เลขาสาวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นเจ้านายกำลังจูบนัวเนียโดยมีพักพิงนั่งอยู่บนตักในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย
พักพิงรู้สึกตกใจไม่ต่างกัน ก่อนจะรีบถอยห่างออกจากชายหนุ่ม ต่างจากชรัณที่ทำสีหน้าท่าทางเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
‘นังผู้หญิงหน้าด้าน หน้าไม่อาย’ ถึงแม้จะยิ้มให้ แต่ภายในใจกลับสบถด่าพักพิงอย่างไม่มีชิ้นดี ถ้าพักพิงไม่เข้ามาอ่อยชรัณถึงในห้องนี้ มีเหรอที่เจ้านายของเธอจะทำแบบนั้นในบริษัทของตัวเอง
“มีอะไร?” ชรัณถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อโดนขัดจังหวะ
“แหวนจะมาแจ้งตารางงานช่วงบ่ายค่ะ”
“ว่ามา”
“ตอนบ่ายโมงครึ่ง นายมีประชุมกับฝ่ายการตลาด ส่วนสี่โมงเย็นต้องไปตรวจงานที่อาคารใหญ่ค่ะ”
“ขอบใจมาก”
“…..”
“ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้แล้ว” มาเฟียหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเลขาสาวเอาแต่ยืนจ้องหน้าพักพิงอยู่แบบนั้น
“เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ….คุณพักพิงสวยมากเลยค่ะ แหวนอยากสวยเหมือนคุณพิงบ้าง”
“ขอบคุณค่ะ” พักพิงยิ้มให้อย่างเป็นมิตรโดยไม่ได้ระแคะระคาย เธอยังคงมองโลกในแง่ดีและไม่เคยคิดร้ายกับใคร
“พิงซื้อขนมมาเยอะแยะเลย พิงให้คุณแหวนกับพนักงานคนอื่นเอาไว้ทานช่วงกลางวันนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” แหวนปั้นสีหน้ารับขนมจากมือของหญิงสาว แล้วรีบเดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“เกือบไปแล้วนะ คราวหลังห้ามทำแบบนี้อีก” พักพิงทำเสียงดุใส่มาเฟียหนุ่ม ถ้าเกิดว่าแหวนเข้ามาช้ากว่านี้ ชรัณคงทำมากกว่าจูบเธอเป็นแน่
“แล้วจูบเมียมันผิดตรงไหน?”
“มันไม่ผิดค่ะ แต่มันไม่สมควรทำ ชรัณเป็นถึงผู้บริหารเลยนะ ถ้าลูกน้องคนอื่นเห็นจะคิดยังไง”
“ถ้าคิดว่าไม่สมควรแล้วยอมทำไม”
“คนเจ้าเล่ห์! พิงไม่ได้ยอมสักหน่อย ชรัณนั่นแหละที่บังคับพิงให้จูบเอง”
“แผลตรงนั้นดีขึ้นหรือยัง?” ไม่พูดเปล่าแต่ยังเลื่อนมือมาจับที่จุดซ่อนเร้นของเธอเบาๆ ทำเอาคนตัวเล็กถึงกลับหยุดนิ่งไป
“ดะ…ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“งั้นคืนนี้เอากันอีกไหม”
“ชรัณพูดอะไรน่ะ น่าเกลียด!”
“…..” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของคนตัวเล็ก
“เดี๋ยวพิงไปชงชาร้อนมาให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
หญิงสาวรีบเปิดประตูห้องออกมาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว เธอตั้งใจจะหนีหน้าเพราะเขาชอบแกล้งทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอยู่เรื่อยเลย
-คลับหรูใจกลางเมือง-
ดวงตากลมโตวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นเคย พอตกดึกก็พาเธอติดสอยห้อยตามมาที่คลับแห่งนี้
“นึกว่าหายหัวไปอยู่ที่ไหน ที่แท้ก็หนีไปมีเมียนี่เอง”
พักพิงรีบเดินไปหลบอยู่ทางด้านหลังของชรัณเมื่อมีผู้ชายแปลกหน้าเข้ามาทัก ท่าทางของคนที่มาใหม่ดูน่าเกรงขามไม่ต่างจากชรัณเลยสักนิด
“มีเมียแล้วมันทำไม ดีกว่าพวกมึงที่ไม่มีใครเอา” ชรัณตอบกลับสั้นๆ แค่นั้น ก่อนจะไล่สายตามอง ‘เจมีไนน์,เปลว,หมอเซป’ เพื่อนสนิทของเขาทีละคน
“มึงก็ใช่ย่อยที่ไหน ได้ข่าวว่าทุ่มเงินไปตั้งเท่าไหร่เพื่อให้ได้คนนี้มาไม่ใช่เหรอ?” เจมีไนน์ที่เป็นเจ้าของคลับแค่นหัวเราะในลำคอด้วยความเย้ยหยัน พอชรัณหายหัวไป เขาก็ส่งให้ลูกน้องไปตามสืบว่าอยู่ที่ไหนอยู่กับใครแล้วทำอะไรอยู่ จนได้เรื่องว่าตอนนี้เพื่อนชายกำลังติดพันหญิงสาวคนนึงนั่นคือพักพิง
“พวกมึงอยากรู้เรื่องของกูมากจนถึงให้ลูกน้องตามเสือกกันเลยหรือไง ไอ้พวกขี้เสือก!”
“อะ…ไอ้ชรัณ! มึงนี่ปากดีมากนะ” เมื่อถูกด่าตรงๆ แบบนั้น เจมีไนน์ถึงกลับรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาแต่ไม่ได้จริงจังมากนัก
“ชรัณมันให้เธอเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันให้มากกว่ามันสองเท่าเลย สนใจมาอยู่ด้วยกันไหม?” เปลวที่นั่งอยู่นานพูดแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามสไตล์ เขารู้ว่าชรัณหวงพักพิงมากเลยอยากแกล้งเพื่อนบ้างแค่นั้น
“สวยๆ แบบนี้ได้ข่าวว่ามันให้แค่ห้าสิบล้านเองนะ กระจอกฉิบหายเลย” เจมีไนน์หัวเราะกระซิกๆ อยู่แบบนั้น จะมีก็ต่อหมอเซปที่เอาแต่นั่งกอดอกเงียบไม่พูดไม่จาคล้ายกับรำคาญคนรอบข้างนักหนา
“มาอยู่กับฉันดีกว่า เดี๋ยวให้ร้อยล้านเลย”
“เอ่อ…” ร่างบางที่ถูกแซวถึงกลับทำอะไรไม่ถูก พวกเขาดูเหมือนจะโกรธและเกลียดกันมาก แต่ทำไมถึงยังเป็นเพื่อนสนิทกันได้
“ถ้าไม่อยากให้กูเผาคลับโง่ๆ ของมึงทิ้งตอนนี้ก็หุบปากไปซะ!” ชรัณรีบกระชากแขนคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นมานั่งบนตักอย่างหึงหวงเมื่อเห็นสายตาแทะโลมของพวกเพื่อนชายที่มองมาทางผู้หญิงของเขา
“เธอก็เหมือนกันพักพิง เลิกทำตัวน่ารักใส่คนอื่นสักที!”
