บท
ตั้งค่า

8 ภัยร้าย

และแล้วนิษฐกานต์ก็ไม่ได้ไปตามที่นัดภาคินเอาไว้ ไม่ใช่เพราะหมดแรงจากบทรักของวัชรธร แม้นั่นจะเป็นอีกเหตุผลก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญคือ ลูกรักซึมผิดปกติ

ตรวจร่างกายทุกอย่างไปแล้ว ปกติทุกอย่างจนเธอต้องสังเกตพฤติกรรมและลงความเห็นกันว่า

“เพราะแกนั่นแหละ ชอบแย่งเวลาลูก” เสียงบ่นเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสวย ที่กำลังงอง้ำ พักหลังมานี้วัชรธรชอบเข้ามานอนห้องเธอบ่อย ๆ ไอ้นอนก็ไม่เท่าไรแต่คอยรังแกและทำเรื่องอย่างว่าจนต้องพาลูกรักลงไปนอนข้างล่าง

“อะ อ้าว ก็เวลาที่เรากระจุ๊กกระจิ๊กกันจะให้ลูกนั่งมองหรือไง”

เพียะ!! เกิดเสียงจากฝ่ามือน้อยฟาดลงเหนือกล้ามแขนแน่นตึง

“กระจุ๊กกระจิ๊กอะไรของแก” เสียงเล็กพี่พยายามเอ่ยให้เบาที่สุดเมื่อ ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่กำลังนั่งอยู่บริเวณหลังร้านดอกไม้ของนิษฐกานต์ที่มีน้อง ๆ ถึงสองคนกำลังช่วยกันจัดดอกไม้ที่หน้าร้านนั่นคือน้องแพร และเทพ

“ทำให้ดูเลยปะล่ะ พร้อมนะเว้ย” คำตอบที่ว่ากวนแล้วยังไม่เท่าสีหน้าท่าทางที่ชวนหมั่นไส้สุด ๆ แต่แล้วเมื่อกำลังจะตอบโต้คนตัวโตที่กำลังรุ่มร่ามเธอ ทั้งสองกลับต้องหยุดแล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจหนักมาจากเจ้าหมาตัวดำ

“โอ๋ ๆ ลูกรักมากอดแม่หน่อยเร็ว” มือเล็กสะบัดข้อมือออกมาจากฝ่ามือใหญ่ หันไปกอดประคองสุนัขขี้น้อยใจที่กำลังนอนมองทั้งคู่ตาแป๋ว มือน้อยตบลงเบาที่ตักก่อนที่ลูกรักจะขยับตัวขึ้นไปนอนเกยบนตักที่แสนคิดถึง จังหวะนั้นไม่ลืมที่จะสะบัดปลายเท้าขึ้นยันกับหน้าขาแข็งแรง

สายตาของลูกรักที่มองมามีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าลูกรักกำลังเยาะเย้ยเขา

ฝากไว้ก่อนเถอะ

“คืนนี้แกกลับไปนอนห้องเลยนะ หมีจะนอนกับลูกรัก”

“เฮ้ยได้ไงอะ แล้วเหนือจะนอนหลับได้ยังไง”

“ลูกรักต้องทนนอนกับพี่แตงบ้าง นอนคนเดียวบ้างตั้งหลายคืน” ดวงหน้าหวานเงยขึ้นมาสบมาเมื่อได้ยินคืนตัวโตโวยวาย

“เหนือก็พาลูกมานอนกับหมีทุกคืนแล้วไง” ก็คือการพาลูกรักกลับมานอนที่ห้องในเวลาเช้ามืด

“มันไม่พอ ลูกต้องการเวลามากกว่านั้น”

“โถ่ ทั้งวันลูกรักก็อยู่กับหมีแล้ว ห่างกันแค่เวลาเรากระจุ๊กกระจิ๊กเองเถอะ”

คนตัวโตไม่หยุดโวยวายจนเธอได้แต่ส่ายหน้า

“ไปทำงานได้แล้วเหนือ มัวแต่โอ้เอ้ เดี๋ยวก็สายกันพอดี” คนตัวเล็กเปลี่ยนเรื่องหนี ถ้ายังคุยกันต่อมีหวังไม่พ้นเรื่องอย่างว่า จนต้องไล่ให้เขารีบไปทำงาน

“เฮ้ออ ก็ได้ เจอกันตอนเย็นนะครับ”

ว่าจบพร้อมกับเสียงฟอดดังข้างแก้มของเธอก่อนจะตามด้วยหัวทุยของลูกรักที่ซบอยู่ที่ตัก ก่อนคนตัวโตจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงความอุ่นซ่านและกลิ่นหอมอ่อนจากตัวเขาที่เจืออยู่

ลูกรักที่ยังนอนซบตักเธออยู่ ยกศีรษะทุยขึ้นมองตามคนตัวสูงที่เดินหันหลังออกไป แต่พอคนตัวโตหันกลับมากลับแกล้งซบลงบนตักไม่สนใจ นิษฐกานต์ได้แต่นึกขำในใจกับความฟอร์มเยอะนี้จนอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปหยอกล้อกับลูกรัก เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังแว่วมาจากห้องด้านหลังร้านที่เขาพึ่งเดินจากมาทำให้เหนือที่ยังเดินไปได้ไม่ไกลอดไม่ไหวที่จะต้องเดินกลับมาเส้นทางเดิม เครื่องมือสื่อสารในมือถูกยกขึ้นเก็บภาพของนิษฐกานต์ที่กำลังวิ่งหนีลูกรักจนทั่วห้อง ก่อนจะยัดเครื่องมือสื่อสารลงในกระเป๋าดังเดิม แล้วเดินจากไปหากอยู่นานกว่านี้คงอดใจไม่ไหวที่จะเดินกลับไปหาทั้งคู่

“พอแล้วลูกรัก ดูตัวหมีสิ เปื้อนไปหมดแล้ว” แขนเล็กถูกยื่นออกไปตรงหน้าพร้อมกับความเปียกชื้นที่เกิดจากเจ้าตัวสีดำตรงหน้า

“เหนือนี่จริง ๆ เลยว่าไหม ไม่รู้เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” มือเล็กยกขึ้นทาบทับกับรอยจูบเบา ๆ ที่ยังรู้สึกอุ่นซ่านอยู่แม้คนตัวโตจะออกไปสักพักแล้ว ยังอดรู้สึกขัดเขินกับการกระทำของเขาไม่ได้

“เดี๋ยวหมีไปล้างมือหลังร้านแป๊บนึงนะ” คนตัวเล็กหันไปบอกเด็กดำตัวโต เธอรู้ว่าเจ้าลูกรักแค่งอนเท่านั้น เดี๋ยววันนี้พาไปเที่ยวหาของกินอร่อย ๆ ก็หายแล้ว

นิษฐกานต์จัดการพาลูกรักเข้าไปอยู่ในกรงชั่วคราว ก่อนจะเดินผ่านประตูหลังร้านออกไปเพื่อล้างหน้าตัวที่เปรอะเปื้อน จากความเหนียวของน้ำลายลูกรักที่กระจายอยู่ทั่วแขนเรียว

เสียงย่ำเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้เธอรู้ตัวมือเล็กจึงเอื้อมปิดก๊อกน้ำก่อนจะหันหลังกลับไป

“พี่คิน” เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างเบาหวิว เมื่อเห็นชายตัวโตที่เธอต้องยกเลิกนัดเขาและไม่ได้ออกไปพบ ส่วนหนึ่งเพราะเธอห่วงลูกรัก อีกส่วนเพราะเธอไม่อยากให้เหนือไม่สบายใจ แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอถึงที่ร้านดอกไม้

“ตกใจเหรอครับที่เจอพี่ที่นี่” ร่างสูงย่างเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มอบอุ่นแบบเขาชอบทำด้วยท่าทีสบาย ๆ

“ปะ เปล่าค่ะ แล้วพี่คินมาที่นี่ได้ยังไงคะ”

“พี่แค่อยากเจอลูกหมีครั้งสุดท้าย” ว่าจบดวงตาของเขาไหววูบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของนิษฐกานต์ไปได้

“หมายความว่ายังไงคะ ครั้งสุดท้าย”

“พี่ว่าน้องลูกหมีล้างมือให้เสร็จก่อนไหมครับ พี่เห็นมีร้านกาแฟใกล้ ๆ เราไปดื่มกาแฟสักแก้วกับพี่ไหม คงไม่ปฏิเสธนะครับ” เขาพูดดักคอจนเธอไม่กล้าปฏิเสธ อีกทั้งร้านกาแฟที่ว่าก็อยู่ไม่ไกล

“ค่ะ งั้นขอลูกหมีแจ้งน้องที่ร้านไว้ก่อน” ร่างเล็กเดินหายลับเข้าไปในร้านราวห้านาที ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบย่อมที่ใช้ประจำ

ที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ติดกับซอยร้านดอกไม้ของเธอ เวลานี้ที่ร้านมีลูกค้าสองคนคือเธอและภาคินเท่านั้น ส่วนอีกสองคนคือพนักงานที่ร้าน เธอสั่งลัตเตเย็นเพราะไม่รู้จะสั่งอะไรก่อนจะเดินตามภาคินเข้าไปนั่งในมุมข้างใน

“ขอโทษนะครับ ที่ต้องมัดมือชกให้ลูกหมีออกมาแบบนี้” ภาคินเปิดปากเอ่ยเป็นคนแรก

“เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ ลูกหมีก็คงไม่ยอมออกมา เหนือเขาคงหวงลูกหมีมากนะครับ”

“มันไม่เกี่ยวกับเหนือหรอกค่ะพี่คิน พอดีลูกรักไม่สบายหมีไม่อยากทิ้งไปไหน”

“ครับ พี่เข้าใจ” เขาเอ่ยตอบสั้น ๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าแค่หมาตัวเดียวจะสำคัญอย่างไร

“ที่พี่คินบอกว่าครั้งนี้จะมาเจอหมีเป็นครั้งสุดท้าย หมายความว่ายังไงคะ” นิษฐกานต์เอ่ยถามสิ่งที่สงสัย

“น้องลูกหมีเชื่อในความรักไหมครับ”

“คะ” คำตอบของเธอกลายเป็นคำถามของเขาที่เธอก็ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร

“ตอบพี่มาก่อนสิ”

“กะ ก็”

“ตอบยากใช่ไหมล่ะครับ แต่สำหรับพี่ ความรักก็เป็นเพียงนิทานหลอกเด็กมันไม่มีจริงหรอกครับ หรือต่อให้วันนี้รักก็ใช่ว่าพรุ่งนี้จะรักเหมือนเดิม” แววตาของเขาดูเศร้าจนเธอรู้สึกสงสาร

“พี่คิน”

“ไม่ต้องสงสารพี่หรอก ที่ผ่านมาไม่ว่าพี่จะทุ่มเทความรักให้กับใคร สิ่งเหล่านั้นมันก็ดูด้อยค่าอยู่แล้ว แค่ความรักของผู้ชายโง่ ๆ คนนึง”

เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้หรือปลอบใจอย่างไรต่อ ดวงตาของเขามันดูเศร้าและเดียวดายเหลือเกิน คนตัวเล็กจึงเรียบเรียงคำพูดก่อนจะยกกาแฟในแก้วดื่มแล้วจึงเอ่ย

“ลูกหมีไม่รู้หรอกนะคะว่าพี่คินเจอเรื่องแย่ ๆ อะไรมา จะรวมถึงเรื่องลูกหมีด้วยหรือเปล่า แต่ลูกหมีอยากให้พี่คินรู้ไว้ว่าพี่คินเป็นผู้ชายที่ดีคนนึง ถึงเราจะไม่สามารถเป็นคนรักกันได้ แต่เราก็ยังมีมิตรภาพดี ๆ ในรูปแบบอื่นได้นะคะ ส่วนที่พี่คินถามว่าลูกหมีเชื่อในความรักไหม ก็ตอบยากนะคะ ลูกหมีไม่เคยนั่งถามตัวเองเรื่องนี้เลย ลูกหมีแค่อยากทำทุกวันให้ดี อยู่กับปัจจุบัน ส่วนพรุ่งนี้จะยังรักกันอยู่ไหมนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตคิดไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ ค่ะ” นิษฐกานต์ร่ายยาวออกไป เธอหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ บางทีคนเราก็ต้องเอาเรื่องที่มันชวนปวดหัวออกไปบ้าง

“แล้วถ้าวันนึงเหนือเขาไม่ได้รักลูกหมีแบบเดิมล่ะครับ ถ้าเขาให้ความสำคัญกับอย่างอื่นมากกว่าลูกหมีจะทนได้เหรอ”

“มาดูกันไหมครับว่าเหนือเขาจะเลือกอะไร” แววตาเศร้าของภาคินแปรเปลี่ยนไปชั่วครู่จนเธอรู้สึกกลัว พร้อม ๆ กับเธอรู้สึกเวียนหัว และรู้สึกว่าดวงตาของเธอจะเริ่มพร่ามัวลง

“หมายความว่าไงคะ”

“พี่อยากเล่นเกมสักหน่อยครับ ไม่ต้องห่วงนะสิ่งที่พี่ถามไปพี่จะหาคำตอบให้ว่าเหนือเขาจะเลือกอะไรระหว่างหมีกับสิ่งที่เขามี” ดวงตาของภาคินเปล่งประกายเพียงแค่นึกถึงความสนุกที่จะเกิดขึ้น เขาก็ชักอยากรู้แล้วว่าวัชรธรจะเลือกอะไร ระหว่างหญิงที่หวงนักหนา เก็บไว้กับตัวและคอยกันทุกคนออกห่างจากเธอ ก่อนจะชำเลืองมองร่างบางที่กำลังนอนฟุบลงตรงข้ามเขา

“เอาตัวไป” เสียงเข้มหันไปบอกก่อนที่ชายหญิงที่เป็นพนักงานร้านจะเดินออกมาพยุงร่างเล็กออกไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel