๓.๒ ง้อรัก
คำว่า ‘คิดถึง’ ซึ่งเต็มไปด้วยการตัดพ้อของเขา ทำเอาอนุรดีรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ แล่นขึ้นมาจุกที่คอ หัวใจกระตุกวาบด้วยความหวั่นไหว แต่ก็ยังทำตัวเป็นคนปากแข็ง พยายามคิดถึงคำพูดของเขาที่ว่าเขาจะไม่ตอแยเธออีก เพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองใจอ่อน
“เห็นแล้วก็ไปสิคะ หนูดีจะได้เข้าบ้าน” อนุรดีไล่เขาอีกรอบ ทำให้เตชินท์ยิ้มเยาะตัวเอง จากนั้นก็หันหลังให้เธอโดยไม่ยอมพูดอะไรอีก คล้ายกับเขาเองหมดแรงที่จะทลายกำแพงทิฐิของเธอแล้วเหมือนกัน
ร่างบางยืนนิ่งไม่ไหวติง หลังจากเตชินท์ยอมกลับไปง่ายๆ ตามคำไล่สองสามรอบของเธอ กำแพงทิฐิที่สั่นคลอนตั้งแต่ตอนหัวค่ำบัดนี้แทบจะพังทลายลงในพริบตา โดยเฉพาะตอนที่เห็นว่าร่างสูงซึ่งกำลังเดินกลับไปยังประตูรั้วบ้านตัวเองนั้นมีสภาพไหล่ตก และเดินเซเป๋ไปมาจนเธอนึกกลัวว่าเขาจะหัวล้มกระแทกพื้น
“พี่เต!”
เสียงหวานเอ่ยอุทานชื่อเขาด้วยความเป็นห่วงระคนตกใจ รีบเปิดประตูรั้วแล้วถลาไปช่วยประคองร่างสูงใหญ่ที่เสียหลักจนเกือบจะล้มหัวฟาด
“มาช่วยทำไม ทำไมไม่ปล่อยพี่ล้มไปซะ จะได้สะใจหนูดี”
“เงียบไปเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นหนูดีจะปล่อยให้ล้มอยู่ตรงนี้จริงๆ ด้วย” อนุรดีเอ็ดเสียงเขียวอย่างไม่ชอบใจเมื่อถูกคนเมาประชดประชันแบบนั้น และดูเหมือนว่าคนเมาจะกลัวเธอเสียด้วย เพราะหลังจากที่เธอพูดแบบนั้นเขาก็เงียบ ซ้ำยังยอมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะที่เธอยกแขนของเขาข้างหนึ่งพาดบนบ่าตัวเอง แล้วพาเดินไปยังประตูรั้วหน้าบ้านเขา
“ให้ผมช่วยไหมครับคุณหนูดี” รปภ.ซึ่งนั่งอยู่ป้อมหน้าบ้านถามหญิงสาวหลังจากเปิดประตูรั้วให้เธอเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ต้องนายคม หนูดีเก่ง หนูดีจะพาฉันเข้าบ้านเอง” คนตอบไม่ใช่อนุรดีแต่เป็นเตชินท์ซึ่งทำเสียงดุๆ ใส่รปภ. ทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในอาการอ้อแอ้ แค่นั้นนายคมก็รู้แล้วว่า คุณเตไม่อยากให้ตนเป็นก้างขวางคอ จึงถอยไปยืนรอปิดประตูรั้วอย่างคนเข้าใจอะไรง่าย
“ทำไมไม่ให้น้าคมมาช่วย พี่เตตัวหนักจะตาย” อนุรดีต่อว่าเขา ขณะประคองร่างใหญ่เดินไปตามถนนที่ลาดไปยังตัวบ้าน
“ไหนๆ หนูดีก็เวทนาพี่แล้ว ช่วยสงเคราะห์อีกสักนิดจะเป็นไรไป พี่ไม่อยากให้นายคมมาแบ่งบุญจากหนูดีในการช่วยสงเคราะห์คนเมาครั้งนี้”
อนุรดีนึกอยากจะต่อปากต่อคำกับคนเมาขี้น้อยใจและช่างประชดนัก แต่รู้ว่าป่วยการเปล่าๆ จึงเลือกที่จะเงียบ แล้วตั้งใจประคองเขาเข้าไปในบ้านจนสำเร็จ เธอพาเขาไปนั่งลงที่โซฟาตัวยาวในห้องโถง จากนั้นตัวเองก็ลุกขึ้นเพื่อจะกลับบ้าน แต่กลับถูกมือใหญ่ฉุดข้อมือเอาไว้เสียแน่น
“อย่าเพิ่งกลับสิหนูดี”
“มีอะไรอีกคะ”
“พี่ขึ้นห้องเองไม่ได้ พาพี่ไปส่งบนห้องเถอะนะ” เขาอ้อนด้วยเสียงอ้อแอ้ สายตาเว้าวอน ต่างจากคนช่างประชดเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง
“เดี๋ยวหนูดีไปเรียกป้าแม่บ้านมาให้ค่ะ”
“ไม่มีใครอยู่หรอก เขาไปทอดกฐินกันหมด พ่อแม่พี่กับยัยตวงก็ไปด้วย กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ โน่นแน่ะ”
“อ้อ...คนอื่นไปทำบุญกันหมด มีแต่พี่เตคนเดียวที่ไปทำบาปด้วยการผิดศีลข้อห้า” ว่าจะไม่ประชดแต่อนุรดีก็อดไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ทำไงได้ก็พี่มันคนบาป ถูกสาปให้รักผู้หญิงที่ทั้งใจร้ายใจแข็ง”
“ห้ามพูดคำว่ารักพล่อยๆ กับหนูดี”
“ถ้าไม่อยากให้พี่พูด หนูดีก็รีบพาพี่ขึ้นไปส่งสิ หลังจากนั้นหนูดีจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียง ไม่ต้องเห็นหน้าพี่ให้รำคาญใจอีก”
“ก็ได้ค่ะ”
ในเมื่อช่างประชดและกล่าวหาเธอดีนัก อนุรดีจึงเข้าไปยกแขนแกร่งใส่บ่าเล็กของตัวเองอีกครั้ง เพื่อจะได้กลับบ้านตัวเองเร็วๆ จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงไม่ต้องเห็นหน้าคนที่วาจาร้ายกาจอีก
ร่างบางประคองคนที่ตัวใหญ่กว่าไปยังบันได บอกให้เขาใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันไดเพื่อผ่อนน้ำหนักช่วยเธออีกทาง โดยไม่รู้หรอกว่าคนเมาแอบลอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และสมใจแค่ไหน
คนเมาและคนไม่เมาก้าวขึ้นบันไดมาด้วยกัน ในลักษณะคนหนึ่งประคอง อีกคนทิ้งน้ำหนักมาทางร่างบางซึ่งตัวเล็กกว่า พร้อมกับฉวยโอกาสฝังจมูกสูดเอาความหอมจากผมและซอกคอขาวละมุนที่ตัวเองโหยหามานานหลายวันอยู่เป็นระยะ
“หอมจัง”
“เดินดีๆ สิคะพี่เต เดี๋ยวก็ได้ตกบันไดกันหรอก” เธอเอ็ดเขาเสียงเข้ม ทั้งที่ร่างกายทุกส่วนขานรับการฉวยโอกาสของเขาอย่างเริงร่าเบิกบานราวกับดอกไม้ได้ฝน
