บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 การตายครั้งนี้มีเงื่อนงำ

บทที่ 6 การตายครั้งนี้มีเงื่อนงำ

“เสด็จพ่อ เหตุการณ์เป็นเช่นไรบ้างเพคะ”

เมื่อเข้ามาถึงหลินซูมี่ก็เอ่ยถามบิดาทันที และเนื่องจากยามนี้ไม่ได้อยู่ในตำหนักส่วนตัว หรือตำหนักฮ่องเต้และฮองเฮา นางจึงเปลี่ยนถ้อยคำสนทนาอย่างระมัดระวังและให้เป็นทางการมากกว่าปกติ

“บาดแผลขององค์ชายสามสาหัสมาก และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาตาย”

ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาถอนหายใจแล้วตอบกลับมา น้ำเสียงของพระองค์หดหู่อย่างเห็นได้ชัด แม้บุตรชายคนนี้จะไม่ได้เกิดจากหญิงที่เขารัก แต่อย่างไรเสียก็เป็นลูก การสูญเสียบุตรเช่นนี้ ทำให้หัวใจของพระองค์หนักอึ้ง จนไม่อาจปิดบังความโศกเศร้าได้

ทว่าเมื่อสายตาของฮ่องเต้หันไปเห็นบุตรชายทั้งสาม ที่ยืนก้มหน้าหลบอยู่เบื้องหลังหลินซูมี่ ความโกรธก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง

“พวกเจ้าเป็นบุรุษเยี่ยงไรหา! ไปยืนหลบอยู่ข้างหลังน้องสาวที่ตัวเล็กแค่นี้ พวกเจ้าไม่ละอายใจบ้างรึ แต่ละวันคอยสร้างเรื่องให้ข้าปวดหัว วันไหนที่พวกเจ้าไม่สร้างเรื่อง มันจะตายหรือยังไง!!” เสียงตวาดของฮ่องเต้ดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักเจียงฮวา

เมื่อได้ยินเสียงตำหนิเช่นนั้น องค์ชายทั้งสามทำเพียงยืนก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ไม่กล้าตอบอะไรแม้แต่คำเดียว

หลินซูมี่หันมามองบิดา โดยที่ไม่ได้สนใจคำตำหนิที่เกิดขึ้น เนื่องจากนางมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้นต้องจัดการ

“เสด็จพ่อ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเพคะ ยามนี้หม่อมฉันขอไปดูศพขององค์ชายสามก่อนได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันรู้สึกว่าการตายขององค์ชายสามอาจมีเงื่อนงำ” หลินซูมี่เอ่ยต่อรองกับฮ่องเต้ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังอย่างมาก

คำขอของนาง ทำให้องค์ชายทั้งสามเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ครู่เดียวก็หันไปยิ้มให้กันเพราะรู้สึกถึงทางรอดของตนเอง ทั้งสามคิดว่าแม้นางเพิ่งจะอายุเพียงแค่เก้าหนาวเท่านั้น แต่ความคิดความอ่านก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุ จะมีเด็กอายุแค่นี้สักกี่คน ที่กล้าต่อรองกับผู้ใหญ่ที่เป็นถึงฮ่องเต้ได้เช่นนี้ แล้วยังจะขอเข้าไปดูศพอย่างไม่หวาดกลัวอีกด้วย

ส่วนฮ่องเต้เมื่อได้ยินเช่นนั้น ด้วยความรักที่พระองค์มอบให้บุตรสาว จึงไม่ขัดคำร้องขอของนาง

“ได้สิ พ่อจะพาเจ้าเข้าไปดูศพเอง”

พระองค์ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจ จากนั้นรีบพาบุตรสาวเดินเข้าไปด้านใน พร้อมกับองค์ชายทั้งหลายที่ติดตามเข้าไปด้วยทันที โดยมีสายตานางกำนัลกับขันทีในตำหนักเจียงฮวามองตามอย่างไม่มีใครที่คิดห้ามปราม

“มี่เอ๋อร์ลูกรัก เหตุใดเจ้าถึงไม่เกิดเป็นบุรุษนะ พ่อจะได้ส่งต่อบัลลังก์ของพ่อให้เจ้าได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ” ฮ่องเต้เอ่ยตัดพ้อขึ้นมาโดยไม่สนใจเลยว่ารอบตัวนั้น จะมีผู้คนอยู่มากมายเพียงใด

คำกล่าวนี้ทำให้องค์รัชทายาทยิ่งก้มหน้าลงไปอีก แม้ในใจของเขาจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า รู้สึกอับอายที่บิดากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าผู้คน

เมื่อเข้ามาในเรือนนอนขององค์ชายสาม องค์หญิงหลินซูมี่ก็เดินเข้าไปดูศพอย่างไม่หวาดกลัว โดยที่บริเวณรอบข้างของศพ มีหมอหลวงชราคนหนึ่งกำลังตรวจสอบถึงสาเหตุการตายอยู่

“ท่านหมอตรวจพบสิ่งผิดปกติใดหรือไม่” องค์หญิงเอ่ยถามกับหมอสูงวัยที่กำลังจิ้ม ๆ จับ ๆ ศพอยู่ ด้วยท่าทางสนใจ

“ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใดเลยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง จากอาการที่องค์ชายเสียชีวิต คาดว่าน่าจะมาจากบาดแผลที่ได้รับมาพ่ะย่ะค่ะ”

หมอวัยชราได้ตอบกลับมาโดยที่ไม่กล้าสบสายตา สิ่งนี้จึงทำให้หลินซูมี่เกิดความสงสัยอย่างมาก แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยสอบถามอะไรออกมา ก็ได้มีเสียงสตรีนางหนึ่งกรีดร้องออกมาอย่างเคียดแค้น

“พวกเจ้าทำให้ลูกข้าตาย ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!!”

สิ้นคำด่าทอปนอาฆาต พระสนมเกาต้าผินก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นนางวิ่งเข้ามาพร้อมมีดเล่มใหญ่ในมือ พร้อมกับมุ่งตรงไปยังองค์ชายทั้งสามด้วยความโกรธแค้น ดวงตาของนางแดงก่ำ เต็มไปด้วยน้ำตา และความคับแค้นใจที่เกินจะรับไหวแล้ว

ทว่าก่อนที่นางจะเข้าประชิดถึงตัวเหล่าองค์ชายทั้งสาม ก็มีทหารจำนวนไม่น้อยปรี่เข้ามาจับแขนของนางเอาไว้ บางส่วนก็รีบมายืนขวางหน้าเป็นโล่มนุษย์เพื่อปกป้องเจ้านาย

“พวกเจ้าปล่อยข้า ข้าจะฆ่ามัน พวกมันทำให้ลูกข้าต้องตาย พวกมันต้องตายตามลูกข้าไป กรี๊ดดดด!!”

เกาต้าผินเอ่ยขึ้นมาอย่างเดือดดาล นางพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเหล่าทหารที่จับนางไว้ แต่มีหรือที่กำลังของสตรีจะสู้กับบุรุษหลายคนที่จับตัวเอาไว้ได้

“พานางไปขังไว้ในเรือนนอนของนางก่อน เดี๋ยวเสร็จเรื่องราวทั้งหมดแล้วข้าจะตามไป”

ฮ่องเต้ตรัสกับเหล่าทหารที่กำลังจับตัวของพระสนมไว้ แม้จะไม่พอใจการกระทำของเกาต้าผินสักเท่าไร ที่นางบังอาจจะมาทำร้ายลูกชายทั้งสามของตน แต่ฮ่องเต้เข้าใจถึงการสูญเสียบุตรดี เพราะยามนี้พระองค์ก็สูญเสียองค์ชายที่เกิดขึ้นกับนางเช่นกัน

เมื่อทหารได้รับคำสั่งก็ไม่รอช้า รีบนำตัวของเกาต้าผินไปขังไว้ในเรือนนอนทันที โดยตลอดทั้งทางเดิน นางได้แต่กรีดร้อง ดิ้นรน และก่นด่าองค์ชายทั้งสามมาตลอดทาง โดยไม่สนใจว่าคำที่นางพ่นด่าออกมานั้น อาจจะทำให้ศีรษะหลุดจากบ่าได้ก็ตาม

เมื่อเหล่าบรรดาข้ารับใช้ได้เห็นภาพนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกสังเวชใจ เนื่องจากถ้าเป็นพวกเขาที่สูญเสียบุตรไปอย่างกะทันหัน ก็คงจะมีอาการไม่ต่างจากพระสนม หรือไม่ ก็อาจจะคลุ้มคลั่งยิ่งกว่า

ส่วนทางด้านหลินซูมี่ไม่สนใจเลยว่าเสียงของพระสนมจะดังรบกวนมากขนาดไหน นางสนใจเพียงแค่หมอหลวงกับศพขององค์ชายสามเท่านั้น

“หมอหลวง ท่านแน่ใจหรือว่าองค์ชายสามสิ้นใจเพราะบาดแผลเหล่านี้” นางเอ่ยถามกับหมอหลวงด้วยเสียงราบเรียบ ซึ่งไม่ต่างจากผู้ใหญ่เลย

เมื่อหมอหลวงได้ยินคำถามนั้น สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปในทันที เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ใบหน้าของเขาดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าความลับที่ถูกเก็บงำเอาไว้ในใจ กำลังจะถูกผู้อื่นล่วงรู้

“องค์หญิงกล่าวเช่นนี้ หมายความเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงกำลังบอกว่า กระหม่อมวินิจฉัยการตายขององค์ชายสามผิดเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงวัยชราได้เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับไม่พอใจ และพยายามบ่ายเบี่ยงเรื่องที่อีกฝ่ายถาม อีกทั้งเวลานี้ดวงตาของเขายังแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าโกหก! ทหาร! จับตัวหมอหลวงคนนี้ไว้ มันไม่ใช่หมอหลวงจริง ๆ” หลินซูมี่ขยับห่างออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงดังและออกคำสั่งอย่างทรงอำนาจ

เพียงแค่สิ้นประโยคนั้นขององค์หญิงหลินซูมี่ เหล่าทหารก็กรูเข้ามาจับกุมตัวชายวัยชราทันที ทำให้บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง

รวมถึงฮ่องเต้ที่ยามนี้สีหน้าของพระองค์ ฉายแววโกรธจัดออกมา ก่อนจะปรับน้ำเสียงแล้วถามบุตรสาวออกไปว่า

“ลูกพ่อ นี่มันหมายความว่าอย่างไร สิ่งที่เจ้ากล่าวมานั้นคือเรื่องจริงหรือ” ระหว่างที่ถามก็มองบุตรสาวสลับกับชายวัยชราที่กำลังดิ้นรนอยู่ในมือของทหารอย่างสับสน

“จริงเพคะเสด็จพ่อ คนผู้นี้มิใช่หมอหลวงอย่างแน่นอน เนื่องจากตำแหน่งที่เขาฝังเข็มนั้น ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่จุดที่ถูกต้องตามตำราแพทย์แม้แต่น้อย ดูก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนจากสำนักหมอหลวง”

หลินซูมี่ตอบด้วยความมั่นใจ ดวงตาของนางจ้องไปที่ร่างของหมอหลวงกำมะลออย่างไม่วางตา

เวลานี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังชายชราที่แต่งกายเป็นหมอด้วยความสงสัยว่าเขาเป็นใครกัน ทว่าก่อนที่จะมีใครทันได้เอ่ยถามอะไรเพิ่มเติม ชายผู้นั้นกลับกัดอะไรบางอย่างที่อยู่ในปาก ก่อนที่ร่างของเขาจะกระตุกและทรุดลงกับพื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับมีเลือดสีแดงเข้มออกจากปากอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เห็นภาพนั้น ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าหมอหลวงกำมะลอคนนี้ ได้ปลิดชีพตัวเองเพื่อปกปิดความลับบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้

“ทหารจับมันออกไป แล้วตรวจสอบร่างกายของมันให้ดีว่ามีสัญลักษณ์อะไรหรือไม่ ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันคือคนของผู้ใด”

ฮ่องเต้สั่งการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนจะหันมากล่าวชมบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง

“ลูกพ่อ เจ้าช่างหลักแหลมยิ่งนัก”

“เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับท่านอาเพคะ ที่สั่งสอนหม่อมฉันมาเป็นอย่างดี หม่อมฉันจึงได้มีความรู้ความสามารถเช่นนี้” หลินซูมี่ไม่รับความชอบเพียงผู้เดียว แต่กลับส่งถึงท่านอาที่สั่งสอนนางมาตั้งแต่วัยเยาว์ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาว่า

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเพคะ เรามาดูกันต่อเถิดเพคะว่าองค์ชายสามตายด้วยสาเหตุใดกันแน่”

เมื่อกล่าวจบ นางก็เดินเข้าไปใกล้ศพขององค์ชายสามอีกครั้ง จากนั้นก็สั่งให้ขันทีช่วยแหวกเสื้อบริเวณหน้าอกของเขาออก แล้วให้ใช้มือง้างปากของศพออกและให้เปิดเปลือกตาของศพ เพื่อให้นางได้ตรวจดูอย่างละเอียด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel