ตอนที่ 6 ถือว่าข้าเอาคืน
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ พระสนม เชิญเสด็จ!”
“เจ้า! จ้าวอันหลิน… เจ้าหลอกข้า!”
ทหารพาตัวอิ่นซานถงเดินออกไปแล้ว พร้อมกับเสียงกรีดร้องตลอดทาง ที่เดินออกจากตำหนักเต๋อหยวนของนาง อันหลินแค่กอดอกและยิ้มออกมา
“พึ่งจะมาฉลาดเอาตอนนี้ ไม่คิดว่ามันช้าไปหน่อยหรือ ถือว่าข้าเอาคืน ที่เจ้าบังอาจทำให้ข้าทะเลาะกับเสด็จพ่อเมื่อวานนี้ก็แล้วกัน”
“นี่ท่าน… จงใจจะหลอกให้นางลงมืองั้นหรือ องครักษ์นั่น…”
“เฮ้อ หากนางมาดี ๆ ข้าก็คงไม่ทำเช่นนี้ แต่เรื่องบาดหมางระหว่างข้ากับนาง คงยากที่จะเดินทางเดียวกันได้ มานั่งก่อนเถอะ แผลบนใบหน้าเจ้าไม่น้อยเลย เหตุใดจึงเอาตัวเองมารับแทนข้าเช่นนี้”
“ข้าไม่ยอมให้พระสนมตบท่านหรอก ที่ท่านโดนมาก็มากพอแล้ว… ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยไม่ตั้งใจ”
นางใช้ผ้าเช็ดหน้า และยาที่พกติดตัวมาทาให้เขา ยาของนางมีกลิ่นหอมของดอกไม้ ซึ่งเขาเผลอให้นางทาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าเห็นเมื่อวานนี้สินะ ถูกต้องข้าก็แค่อยากแก้แค้นสักหน่อย นางมักจะหาเรื่องข้าอยู่บ่อย ๆ ที่จริงข้าก็พึ่งจะรู้ว่า นางอายุไม่ได้ต่างจากข้ามากนัก แต่กลับต้องเข้าวัง มาเป็นพระสนมของเสด็จพ่อ ช่วงวัยสาวของนางหายไปเพราะเข้าวัง เมื่อเห็นข้าจึงได้รู้สึกริษยาเล็กน้อย ก็เลยคอยหาเรื่องข้า เรื่องที่ข้าไม่มีแม่คอยสั่งสอน”
อวี้หยางแอบเห็น สายตาตัดพ้อของนางแวบหนึ่ง และอันหลินก็รีบเปลี่ยนสายตาไปในฉับพลัน ราวกับต้องการซ่อนปมลึก ๆ นี้เอาไว้ในใจ เขาเผลอใจอ่อนกับนางอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าเพราะกลิ่นยาที่หอม หรือว่าริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า ที่เขาเอาแต่นึกถึงจนนอนไม่หลับทั้งคืนกันแน่
“เจ้านี่ก็เหลือเกิน เอาตัวเข้าไปรับฝ่ามือนางเช่นนั้นทำไมกัน ข้าหลบทันอยู่แล้ว”
“หากว่าข้าไม่เข้าไป ท่านจะทำสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ จะใช้จอกชาสาดนางอีกหรือ”
“ข้าไม่โหดร้ายขนาดนั้น เจ้าไม่เห็นหรือว่าด้านหลังข้าคืออะไร”
“สระบัวอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกต้อง ข้าก็แค่จะล่อให้นางลงมือและพลาดตกสระไปเอง”
“นั่น… มันมากกว่า การสาดน้ำชาใส่นางอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“หากทำให้เป็นอุบัติเหตุ นางก็ไม่สามารถเอาเรื่องข้าได้ นางมีพยานข้าก็มีเช่นกัน ทั้งเจ้าและองครักษ์รอบตำหนัก เสียดายที่เจ้าทำข้าเสียแผนเสียได้ แล้วยังต้องมาเจ็บตัวอีก เอานี่ไป”
“นี่คือ…”
“ยาสมานแผลสดที่ข้า… ได้มาจากร้านดี ๆ น่ะ ไม่มีขายทั่วไป รักษาได้ดีเลยละ”
“ข้านึกว่าองค์หญิง เก่งและมีวิชาแพทย์เสียอีกพ่ะย่ะค่ะ เพราะข้าน้อยไม่เคยเห็นยาสมานแผลที่ไหน ที่มีกลิ่นหอมและทาแล้วไม่แสบเช่นนี้มาก่อนเลย”
“เรื่องนั้น… ฮ่า ๆ ช่างเถอะ ข้าไม่เก่งตำราเรียนไม่เอาไหน บู๊ไม่เก่งบุ๋นก็ไปไม่รอดสมองทื่อออกเช่นนี้ จะเอาความรู้ที่ใดมากันเล่า”
“แต่ว่าในตำหนัก ก็มีห้องหนังสือมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ เอ่อ คือข้าน้อยเดินหลงไปเมื่อวานนี้ คิดว่าจะมีตำราเกี่ยวกับดนตรีบ้าง เผื่อจะได้นำมาบรรเลงให้ท่านฟัง แต่กลับไม่เจออะไรเลย มีแต่ตำราที่ข้าน้อยอ่านไม่ออก”
“เจ้าอ่านหนังสือไม่ออกหรอกหรือ”
สีหน้าของนาง เมื่อรู้ว่าเขาอ่านหนังสือไม่ออกนั้น ราวกับโล่งอก เขาเองก็เล่นตามน้ำ เพราะตอนแรกที่นางรู้ว่า เขาแอบเข้าไปในห้องหนังสือ ก็ทำท่าตกใจเช่นกัน
“ข้าน้อยเบาปัญญา อีกทั้งเป็นกำพร้า ถูกหอหรูเยว่เลี้ยงมาแต่เล็ก รู้เพียงการบรรเลงฉินและเล่นดนตรี ส่วนเรื่องอักษรนั้น รู้เพียงไม่กี่คำ ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับดนตรีเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนี้นี่เอง ช่างเถอะ ๆ ในห้องนั้นไม่มีสิ่งใดน่าสนใจหรอก ตำราในนั้นก็เป็นของพี่ใหญ่ข้า เขาเอามาฝากไว้ เขาคงคิดว่าเผื่อสักวันข้าเบื่อเที่ยวเล่นกับพวกเจ้า จะนึกอยากอ่านขึ้นมา ก็เลยเอามาเก็บไว้ที่นั่นก็เท่านั้นเอง”
‘นางโกหก จ้าวหานเซียวน่ะหรือจะอ่านตำราแพทย์ เขาไม่ชอบวิชาเหล่านี้ ขนาดเรียนกลยุทธ์ศึก ยังแทบไม่อยากแตะตำรา จะสะสมตำราแพทย์มากขนาดนี้ได้เช่นไรกัน จ้าวอันหลิน เจ้ามีความลับอยู่อีกมากเท่าใดกันแน่’
“อวี้หยาง ทำไมเจ้าเงียบไปเลยเล่า เหม่ออะไรอีก”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่หากข้าเป็นองค์หญิง ก็คงไม่เผลอเข้าไปหรอกพ่ะย่ะค่ะ ที่นั่นมีแต่ตำรา ไม่มีอะไรน่าสนใจ เข้าไปแล้วหลงทิศทาง แทบหาทางออกไม่ได้”
“ฮ่า ๆ ใช่แล้วล่ะเจ้าพูดถูก เฮ้อ ช่างเถอะไหน ๆ วันนี้ก็อารมณ์ดีแล้ว เจ้าไปเดินเล่นกับข้าดีกว่า ข้าอยากฟังข่าวสักหน่อยว่า ตอนนี้คนในวังสนใจเรื่องอะไรกัน อีกอย่างจะได้รู้ด้วยว่าอิ่นซานถง จะถูกลงโทษอย่างไร”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เขาพานางเดินออกไปจากตำหนัก เพื่อจะไปที่อุทยานหลวง ซึ่งที่นั่นไม่ต่างกับแหล่งข่าวซุบซิบชั้นยอด สำหรับเหล่าพระสนมและองค์หญิง ที่มักจะมาเดินเล่น เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวคราวในวังหลวง
“ได้ยินหรือไม่ ฝ่าบาทสั่งลงโทษสนมอิ่น ที่กล้าเข้าไปล่วงเกินองค์หญิงอันหลินถึงในตำหนัก และตบคนของที่นั่น จนองครักษ์ป้ายทองจับมาที่ตำหนักกลาง”
“ข้าได้ยินว่า เพราะนางอยากได้บุรุษคนใหม่ขององค์หญิง ก็เลยเกิดเรื่องขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะสั่งลงโทษรุนแรงเช่นนี้”
“เห็นว่าสั่งโบยไปยี่สิบที และยังสั่งให้กักบริเวณนางมิใช่หรือ”
“เท่านั้นที่ใดกันเล่า ยังรับสั่งลดขั้นนาง ให้เหลือเพียงขั้นเหม่ยเหริน” (สนมขั้น 4 แต่งตั้งได้ 9 คน)
“ตายจริง จากสนมขั้นชงอี๋ (สนมขั้น 2) ลงไปถึงสองขั้นเช่นนี้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ก็กล้าไปมีเรื่องกับองค์หญิงอันหลิน รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นถึงองค์หญิงขั้นหนึ่ง ฝ่าบาทย่อมเลือกองค์หญิงอยู่แล้ว นางแส่หาเรื่องเองแท้ ๆ"
“สมน้ำหน้า ก่อนหน้านี้เป็นเพียงสนมชงอี๋แต่กลับยืดคอ ราวกับเป็นพระสนมกุ้ยเฟย สมควรแล้ว”
“อีกาอยากข้ามเป็นหงส์ ก็เป็นเช่นนี้แหละ”
อันหลินฟังมาพอแล้ว นางเดินออกมาจากอุทยานในทันที อวี้หยางไม่เข้าใจว่า เหตุใดนางจึงได้พอใจนัก ที่ได้แอบฟังเหล่าสนมระดับล่าง พูดคุยซุบซิบกันเรื่องนี้ แต่ก็รู้สึกเลื่อมใสนางขึ้นมาด้วยเช่นกัน ที่จ้าวอันหลินหาแหล่งข่าวที่รวดเร็ว แม่นยำให้ตัวเองได้ตลอด
“เอาละข้าพอใจแล้ว กลับกันเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หนึ่งเดือนถัดมา
อวี้หยางใช้ชีวิต อยู่ในตำหนักเต๋อหยวนขององค์หญิง มาหนึ่งเดือนเต็มแล้ว โดยที่เขายังคงทำหน้าที่บรรเลงดนตรี และแลกเปลี่ยนแนวคิด เกี่ยวกับสังคมด้านนอกและดนตรีกับนาง เขาพบว่าจ้าวอันหลิน ที่ตามข่าวลือด้านนอก กับตัวตนของนาง แทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าเริ่มง่วงแล้ว พวกเจ้ากลับไปเถอะ”
""พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง""
ข่าวลือว่านางปล่อยเนื้อปล่อยตัว เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น และชอบเปลี่ยนที่ปรึกษาทุก ๆ หนึ่งเดือน แต่เขาอยู่มาได้ครบเดือนแล้ว ยังไม่เคยก้าวเข้าไปในห้องบรรทมของนางอีกเลย หลังจากที่อุ้มมาในวันแรกที่เขาเข้าวัง
นางมักจะยั่วยวนเหล่านักดนตรี และทำให้ดูเหมือนมีงานรื่นเริงตลอดเวลาในตำหนัก แต่เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ก็มักจะส่งทุกคนกลับออกไป แม้แต่เขาก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้ตัวนาง
“ส่งข้าแค่นี้ก็พอ เจ้าเองก็รีบพักผ่อนเถอะ”
“ให้ข้าไปส่งท่านที่เตียงเถอะ ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะเดินไม่ไหวนะ”
“ไม่เป็นไร ข้าเดินเองได้ สุราเพียงแค่นั้น ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
“เช่นนั้นทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
นางเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว เขาจึงหันกลับไปที่ห้องของตัวเองอีกครั้ง ข่าวจากนอกวัง เงียบหายไปเกือบครึ่งเดือน เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว
สองวันถัดมา
“องค์หญิง วันนี้ท่านไม่ค่อยสบายใจหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหยุดเป่าขลุ่ย ซึ่งปกตินางชอบฟังและทำให้ใจสงบ แต่วันนี้กลับมาอาการกระสับกระส่าย
“คืนนี้ฝนต้องตกเป็นแน่ ข้าได้กลิ่นหญ้าชื้น อากาศก็เริ่มอบอ้าวขึ้น”
“ท่านไม่ชอบคืนฝนตกหรอกหรือ”
“ไม่ชอบ เกลียดมากที่สุด”
“เช่นนั้นคงต้องสั่งซานกงกงให้ปิดหน้าต่างให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงฟ้าคะนองด้านนอก”
“ไม่ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ผล คืนนี้เจ้ามานอนกับข้าที่ห้องเถอะอวี้หยาง”
“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”