บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 มาหาเรื่องถึงที่

อันหลินไม่ทันจะได้ปฏิเสธ เขาก็จับปลายคางนาง และให้ผ้าในมือซับน้ำรอบ ๆ ริมฝีปากนางอย่างเบามือ สัมผัสนั้นกลับทำให้นางรู้สึก ราวกับมีไฟผ่านไปทั่วทั้งร่าง มันทั้งดึงดูดและร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัว อย่างบอกไม่ถูก

“เสร็จแล้ว”

“อ้อ… ขอบใจเจ้ามาก”

“อยากไปฟังข้าบรรเลงฉินแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปสิ”

เขาพานางมาที่สวน ซึ่งจัดเอาไว้เพื่อฟังดนตรีโดยเฉพาะ ปกติบริเวณนี้ จะมีนักดนตรีหลายคนที่มาบรรเลงดนตรีให้นางฟัง แต่ตอนนี้ทั้งตำหนักดูเหมือนว่า จะเหลือเขาเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ถูกส่งไปที่กรมสังคีตทั้งหมด

“เริ่มเลยสิ ข้าอยากจะฟัง”

เขาพานางมานั่งที่เตียง และเดินไปที่ฉินตัวใหม่ ซึ่งองค์หญิงสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ

“รางวัลของเจ้า เมื่อวานนี้ซานหูบอกข้าแล้วว่า เจ้าเป็นคนอุ้มข้ากลับมา เร็วเข้าสิ ข้ารอฟังแทบไม่ไหวแล้ว”

สายตานางยั่วยวนเขา จนเริ่มคอแห้งอีกครั้ง นางเอนกายพิงกับหมอนบนตั่งสูง และจิบชาเพื่อฟังเขาบรรเลงเพลงให้ฟัง เมื่อเริ่มบรรเลง นางก็เคลิ้มไปกับดนตรี พร้อมกับเสียงน้ำตกเล็ก ที่ไหลผ่านกระทบกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งคนสวนจัดเอาไว้ เสียงเพลงที่ผ่อนคลายทำให้นางยิ้มออกมาได้

“นานแล้วที่มิได้ฟังฉินที่ไพเราะเช่นนี้ จริงสิอวี้หยาง นอกจากฉินแล้วเจ้ายังเล่นเครื่องดนตรีอย่างอื่นได้อีกหรือไม่”

“องค์หญิงอยากให้ข้า เล่นเครื่องดนตรีใดให้ฟังหรือพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าทรงเบื่อที่จะฟังฉินเสียแล้ว”

“มิใช่เช่นนั้น ข้าเพียงแค่คิดว่า ผู้ที่มีพรสวรรค์และความสามารถเช่นท่าน น่าจะเล่นเครื่องดนตรีได้หลายประเภท”

“ที่จริงข้าดีดฉินได้ไม่ชำนาญ เท่าการเป่าขลุ่ย”

“เป่าขลุ่ยงั้นหรือ เจ้าเป่าขลุ่ยได้หรือ เช่นนั้นเป่าให้ข้าฟัง...”

“เห็นทีคงจะต้องเป็นวันหลังเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่อวี้หยางพูดจบ อันหลินก็หันไปมองที่บริเวณหน้าสวนทันที นางเห็นขบวนเสด็จ ของสนมอิ่นกำลังจะมาทางนี้

“มาหาเรื่องข้าถึงที่ เช่นนี้ก็ช่วยไม่ได้ละนะ”

“องค์หญิง”

“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ถึงอย่างไรนางก็แค่ อยากจะมาดูที่ปรึกษาคนใหม่ของข้าเท่านั้น”

“พระสนมอิ่นเสด็จ”

เมื่อสนมอิ่นเดินเข้ามาถึงหน้าศาลา อันหลินมิเพียงไม่ออกมาถวายการต้อนรับ นางยังนั่งจิบชาอย่างโดยไม่สนใจ จนกงกงที่มากับพระสนมตะโกนอีกครั้ง

“พระสนมอิ่นเสด็จ!”

“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดหรอก ดูเหมือนว่าองค์หญิง จะเสมอต้นเสมอปลายเรื่องความไร้มารยาทอยู่แล้ว”

“ข้าจะมีมารยาท ก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นคู่ควร ส่วนกากเดนมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

“บังอาจ! องค์หญิงกล้าเอ่ยวาจาสามหาวเช่นนี้ กับพระสนมได้อย่างไรเพคะ”

ฟิ้ว! พรึด!

“โอ๊ย! องค์หญิง…ฮือ”

อันหลินโยนจอกน้ำชาร้อน ๆ ไปที่ใบหน้าของสาวใช้อาวุโส ที่ยืนข้างกายสนมอิ่นทันที

“จะมากเกินไปแล้วนะอันหลิน”

องค์หญิงลุกขึ้นมาและเดินเข้ามาหาอิ่นซานถงอย่างท้าทาย แม้ว่าเมื่อวานนี้นางจะถูกฝ่าบาทตำหนิ แต่วันนี้ที่นี่เป็นตำหนักของนาง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์มาหาเรื่องนางได้

“เจ้าต่างหากที่มากเกินไป เป็นแค่สนมปลายแถว ที่พยายามปีนขึ้นเตียงเสด็จพ่อ กลับคิดจะลองดีกับองค์หญิงขั้นหนึ่งอย่างข้า เจ้าคงคิดมาดีแล้วสินะ สาวใช้ของเจ้าเองก็ไร้มารยาท ไม่ต่างกับผู้ที่เป็นนาย ต่อให้ข้าสั่งตัดหัวนางตอนนี้ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า เสด็จพ่อจะยังเข้าข้างเจ้า"

สนมอิ่นกำหมัดแน่น นางรู้ดีว่าอำนาจในวังหลวง แม้ว่านางจะเป็นสนมคนโปรด แต่ก็แค่ขั้นเฟยเท่านั้น หากมีเรื่องกับองค์หญิง ที่เป็นธิดาของฮองเฮาอย่างจ้าวอันหลิน อย่างไรก็เสียเปรียบอยู่ดี

"ก็อย่างว่าละนะ ไก่บ้านอยากเป็นพญาหงส์ มันจะทำได้เช่นไรกันเล่า อย่างมากก็ร้องเป็นอีกาเฝ้าศพเท่านั้นแหละ”

“เจ้า! องค์หญิงอันหลิน เมื่อวานนี้เจ้าถูกฝ่าบาทสั่งสอน ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สำนึกเลยสินะ”

“นี่สินะสิ่งที่เจ้าจะเอามาข่มขู่ข้า เจ้าคิดจริงหรือว่า ที่เสด็จพ่อกล้าตบข้าต่อหน้าเจ้า คือเจ้าชนะแล้ว ข้าคิดว่าในวังนี้ข้าโง่ที่สุดแล้วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้ที่โง่กว่าข้า"

“จ้าวอันหลินนี่เจ้า!”

"เฮ้อ…อิ่นซานถง เจ้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ มัวแต่ชี้หน้าข้าแล้วพูดจาติด ๆ ขัด ๆ เช่นนี้ ผ่านไปอีกสามวันก็ไม่รู้เรื่อง ข้าไม่มีเวลาฟังเจ้าพล่ามมากนักหรอก เห็นอยู่มิใช่หรือว่าข้ากำลังฟังดนตรีอยู่”

“เจ้า!”

เพียงแค่อิ่นซานถง หันมามองบุรุษหนุ่มตรงหน้าที่เดินมาคำนับ นางก็ตกตะลึงไปในทันที

“กระหม่อมอวี้หยาง ถวายพระพรพระสนม”

“เจ้าลุกขึ้นเถอะ”

น้ำเสียงอ่อนหวาน ผิดกับเมื่อครู่ทำให้อวี้หยางเริ่มเดาบางอย่างออก ที่แท้พระสนมก็เป็นอย่างที่อันหลินเคยพูดไว้ นางก็เป็นพวกบ้าผู้ชายไม่ต่างกัน

“เจ้าเป็นที่ปรึกษาคนใหม่ขององค์หญิงงั้นหรือ มาได้กี่วันแล้ว และ…”

“อะแฮ่ม พระสนมเพคะ”

สาวใช้อาวุโส ที่ยืนลูบใบหน้าของตัวเองอยู่ พยายามเตือนนาง อิ่นซานถงหันมามองหน้าองค์หญิงอีกครั้ง

“องค์หญิงคงได้ยินชัดเจนแล้ว ว่านับจากนี้ไป ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ามาดูแลท่านที่ตำหนัก ตามความเหมาะสม”

“งั้นหรือ เช่นนั้นข้ากำลังทำอะไรไม่เหมาะสมเล่า ข้าเห็นก็แต่เจ้า... ที่กำลังส่งสายตายั่วยวนที่ปรึกษาของข้า ทำเช่นนี้ไม่ต่างกับนางยั่วเมือง ตามหอนางโลมข้างนอกมิใช่หรือ อย่างเจ้ามีอะไรที่จะมาสั่งสอนคนอื่น แม้แต่ตัวเองยังควบคุมสติไม่ได้เลย”

“มันจะมากไปแล้วนะองค์หญิง”

ฝ่ามือของพระสนม ง้างมาเต็มที่เมื่อองค์หญิงพูดจบ อวี้หยางดึงอันหลินออกมาได้ทัน และก้าวเข้าไปขวางเอาไว้ จนถูกฝ่ามือของอิ่นซานถงฟาดเข้าเต็มแรง

เพี๊ยะ!

“โอ๊ะ! เจ้า… เหตุใดจึง”

“อวี้หยาง! อิ่นซานถง นี่คือสิ่งที่เจ้ากำลังทำหรือ เอะอะใช้กำลังตบตีคน ที่บ้านเจ้าไม่สอนหรือว่า การอบรมต้องใช้หลักคุณธรรม และจริยธรรมในการปกครองคน แม้แต่กฎเบื้องต้นเหล่านี้ยังไม่รู้ มีหน้าอะไรมาชูคอสอนผู้อื่น ทหาร!”

""พ่ะย่ะค่ะ""

“จะ เจ้าจะทำอะไร”

“เชิญสนมอิ่นกลับไป จากนี้ห้ามนางก้าวเข้ามาเหยียบตำหนักข้าอีก”

“เจ้ากล้าหรือ!”

“หริือว่าเจ้าอยากจะลองดูเล่า เอาสิอิ่นซานถง เช่นนั้นข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในตอนนี้ และรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ให้พระองค์ทราบ จะได้รู้เสียทีว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะสั่งสอนผู้อื่นหรือไม่!”

สนมอิ่นเดินถอยออกมา เมื่อเห็นว่าอันหลินโกรธจัด สาวใช้และกงกงที่มาพร้อมกับนาง ถูกทหารของตำหนักเต๋อหยวนล้อมเอาไว้นับสิบคน ทุกคนมีอาวุธและพร้อมลงมือทันที

“พระสนมเพคะ วะ วันนี้ถอยก่อนเถิดเพคะ”

ทุกคนตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า อวี้หยางหันไปมองรอบ ๆ แต่ไม่ทันจะได้พูดสิ่งใด องค์หญิงก็เดินมาพยุงเขาลุก

“เจ้าเจ็บหรือไม่ หน้าเจ้าเป็นรอยเล็บเช่นนี้ อิ่นซานถง”

องค์หญิงหันไปจะเอาเรื่องนางคืน แต่อวี้หยางคว้าข้อมือนางเอาไว้

“องค์หญิงอย่ามีเรื่องเลย ตอนนี้ท่านได้เปรียบอยู่ อย่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง”

นางเหมือนจะได้สติ ก็ตอนที่อวี้หยางเอ่ยเตือนขึ้นมา เขารู้แล้วว่าตำหนักเต๋อหยวนไม่ธรรมดา ทุกที่รายล้อมไปด้วยองครักษ์ที่มองไม่เห็น เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็พร้อมจะปรากฏตัวออกมา เมื่อเห็นว่าองค์หญิงกำลังมีภัย

“พาพวกนางออกไปจากตำหนักข้าเดี๋ยวนี้!”

""พ่ะย่ะค่ะ""

“จ้าวอันหลิน เจ้ากล้าให้พวกต่ำต้อยเหล่านี้… แตะต้องข้าหรือ เจ้าไม่กลัวว่า…”

“อิ่นซานถง เจ้ากล้าพูดว่าองครักษ์ป้ายทองของเสด็จพ่อ เป็นผู้ต่ำต้อยเลยงั้นหรือ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เอานางไปที่ตำหนักกลาง รายงานให้เสด็จพ่อทราบ เรื่องพฤติกรรมทั้งหมดที่นางทำในตำหนักนี้ ให้เสด็จพ่อตัดสินลงโทษนางเอง”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel