ตอนที่ 2 คณิกาชายคนใหม่
เมื่อนักดนตรีบรรเลงฉินจบแล้ว องค์หญิงจึงเดินไปรอจิ้งมาม่าในห้องส่วนตัว ซึ่งอยู่อีกเรือนหนึ่งด้านหลังหอหรูเยว่
“มาแล้ว ๆ เพคะองค์หญิง”
“จิ้งมาม่า”
นางหันไปมองบุรุษหนุ่มตาคม ที่เดินตามหลังจิ้งมาม่ามา เมื่อครู่ที่เห็นตอนบรรเลงฉิน คิดว่ารูปงามแล้ว แต่เมื่อมามองใกล้ ๆ จึงพบว่า เขาหล่อเหลาสะดุดตามากกว่านั้น คิ้วที่คมเข้มดุจหมึกจรด สายตาดุจเหยี่ยวที่นิ่งและมั่นคง จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้าเรียวยาวนั่น ยิ่งทำให้อันหลินจ้องไม่กะพริบตา จนสาวใช้ต้องเรียก
“องค์หญิงเพคะ!”
“อ๊ะ อ้อ.. เจ้ามีนามว่าอะไร”
“ทูลองค์หญิง ข้าน้อยมีนามว่า… อวี้หยางพ่ะย่ะค่ะ”
“อวี้หยาง เป็นนามที่เพราะมาก เจาอิน”
“นี่เจ้าค่ะจิ้งมาม่า เช่นนั้นข้าขอรับตัวคุณชายอวี้ไปเลยนะเจ้าคะ”
“เอ๊ะเดี๋ยวก่อนเพคะองค์หญิง ที่จริงยังมีอีกเรื่อง ที่จะต้องแจ้งให้ทราบ คือว่า…”
อันหลินหันไปขมวดคิ้วให้กับจิ้งมาม่า ที่ทำท่าอึกอัก และหันไปมองคณิกาชาย ราวกับเกรงใจคนผู้นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ว่าอย่างไรเล่า ข้าไม่มีเวลาทั้งวันหรอกนะจิ้งมาม่า มีอะไรก็รีบเอ่ยมา หรือว่าห้าร้อยตำลึงนั่น ยังไม่พอสำหรับไถ่ตัวเขา”
“มิได้ ๆ เพคะ เพียงแต่ว่าคุณชายอวี้ติดสัญญากับทางหอหรูเยว่ก่อนหน้านั้น ดังนั้นราคานี้จึงมิใช่… ราคาที่ขายขาดเพคะ”
“ว่าอย่างไรนะ จิ้งมาม่าท่านกับข้าทำการค้ากันมานาน รู้ใจกันเป็นพิเศษ ครั้งนี้ท่านเรียกมาห้าร้อยตำลึง ข้าจ่ายโดยมิได้ลังเล คนก่อนหน้านี้ข้าไถ่ตัวพวกเขา ไม่เคยเกินสามร้อยตำลึงด้วยซ้ำไป”
“เอ่อ คือว่าเรื่องนี้...”
“องค์หญิง ขออภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท เพียงแต่ว่าข้าน้อยกับหอหรูเยว่ มีพันธสัญญาบางอย่าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับบุญคุณ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถขายตัวข้าน้อยได้ แต่เพราะจิ้งมาม่ากับองค์หญิงคุ้นเคยกันดี จึงไม่อยากเสียลูกค้าเก่าก่อน”
“พูดมากอ้อมไปอ้อมมา สุดท้ายแล้วห้าร้อยตำลึงที่ข้าจ่าย มิสูญเปล่าหรอกหรือ”
“มิใช่แบบนั้นเพคะ องค์หญิงสามารถเรียกใช้... คะ คุณชายอวี้หยางได้ และพาตัวเขากลับไปได้ทุกเมื่อ แต่หากว่า…”
“หากว่าอันใด”
“หากว่าองค์หญิงเบื่อ และต้องการคนอื่น คุณชายอวี้ผู้นี้ต้องกลับมาที่หอหรูเยว่ ไม่สามารถส่งไปที่สำนักสังคีตในวังได้เพคะ”
“แค่นี้หรือ”
“อีกเรื่องหนึ่งเพคะ”
“ว่ามา”
“คุณชายอวี้มิอาจพักอยู่ในวังได้ตลอดเวลา ทั้งนี้เขาจะต้องหาเวลากลับมา เพื่อช่วยข้าดูแลหอหรงอวี้เป็นครั้งคราวด้วยเพคะ”
อันหลินนั่งฟังและนิ่งไป นางหันมามองหน้าชายหนุ่ม ที่ยืนยิ้มอย่างสุภาพกลับมาให้นาง เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเขา นางก็แทบจะลืมทุกอย่างแล้ว
‘สมกับเป็นสตรีที่ไร้ปัญญาแห่งเสิ่นตู ไม่เอาไหนและยังตามเล่ห์เหลี่ยมคนอื่นไม่ทัน คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ใช้นางเป็นสะพานเข้าวังหลวง’
“เอาเถอะ ถือว่าคุ้นเคยกันมานาน อนุญาตตามที่ท่านพูดมา แต่หากข้ายังไม่เบื่อเขา และยังต้องการอยู่ จะไม่จ่ายเพิ่มเป็นอันขาด เข้าใจตรงกันนะจิ้งมาม่า”
“เพคะ ๆ ตามที่องค์หญิงรับสั่งเลยเพคะ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเวลาที่คุณชายอวี้พักอยู่ในวังเพคะ”
“เช่นนั้นเขาจะกลับมาที่นี่บ่อยแค่ไหน”
“องค์หญิงมิต้องกังวลพระทัย ข้าน้อยจะกลับมาตามเหตุการณ์ หากองค์หญิงยังต้องการใช้งานข้าน้อยอยู่ ก็จะไม่กลับมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ดี พูดแบบนี้ค่อยน่าฟังสักหน่อย เช่นนั้นพวกเรากลับกันเถอะ เจ้านั่งรถม้าไปกับข้าเลยก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
ตำหนักเต๋อหยวน
“พวกเจ้าเอาสัมภาระของคุณชายอวี้ไปเก็บ”
“ให้เอาไว้ที่ห้องใดพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ที่ห้องรับรองเช่นเดิมดีหรือไม่”
“ไม่ดี ห้องนั้นต้าเฟิ่งเคยอยู่ อืม… ตรงข้ามห้องของข้าก็แล้วกัน”
“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ซานหูเจ้ามีปัญหาอะไรงั้นหรือ ก็ตอนนี้ห้องนั้นมิได้ใช้ประโยชน์ อีกอย่างเจ้าก็เห็นว่า ข้าโปรดปรานเขามากแค่ไหน”
“องค์หญิง เช่นนี้มันจะไม่เหมาะนะพ่ะย่ะค่ะ หากว่าพระสนมอิ่นรู้เรื่องเข้าละก็”
“นางรู้ก็ดีน่ะสิ ข้าอยากให้นางรู้เร็ว ๆ เสียด้วยซ้ำไป ชอบแอบกินของเหลือเดนจากข้านักมิใช่หรืออย่างไร”
“องค์หญิง! อย่าได้พูดอย่างนั้นสิพ่ะย่ะค่ะ”
“หรือว่าข้าพูดผิดเล่า “อิ่นซานถง” แต่ไหนแต่ไร ก็เอาแต่อิจฉาข้า นางเห็นว่าข้ามีคณิกาชาย เสด็จพ่อไม่เหลียวแลนาง ก็แอบไปเรียกคนในสำนักสังคีต ไปเล่นดนตรีให้ฟังที่ตำหนักบ่อย ๆ ปากทำเป็นว่าให้ข้า แต่สุดท้ายก็…”
“พอแล้ว ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบเอาสัมภาระของคุณชายอวี้ ไปเก็บให้เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องพูดแล้ว”
“ดีมากซานหู”
“ซานหู” เป็นทั้งกงกงประจำตำหนัก ผู้ดูแลองค์หญิง และเขายังเป็นคนที่ฮ่องเต้ ส่งมาเพื่อดูแลองค์หญิง มิให้ออกนอกลู่นอกทางมากเกินไป ซึ่งหากว่าอันหลินจะทำสิ่งใด อย่างน้อยก็เกรงใจซานหูอยู่บ้าง เพราะเขาถือเป็นตัวแทนของฝ่าบาท
“อวี้หยาง ต่อไปที่นี่จะเป็นห้องพักของเจ้า”
“อวี้หยาง” เดินดูรอบ ๆ ห้องด้วยความสนใจ เหตุเพราะเขารู้มาก่อนหน้านี้ว่า ห้องพักของเหล่าคณิกาชาย ส่วนใหญ่จะพักอยู่รวมกัน อย่างน้อยก็สองหรือสามคน แต่นี่นางกลับจัดห้องส่วนตัวให้เขา ซึ่งก็นับว่าไม่ผิดจากที่คาดการณ์เอาไว้
‘หากว่าองค์หญิงพอใจผู้ใด นางก็จะจัดห้องให้อย่างดี ท่านก็จะไม่ได้ไปพักรวมกับคนอื่น ๆ อีกอย่างนะหากว่า นางถูกใจท่านมาก ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะให้ท่านติดตามตลอดเวลา และร่วมห้องนอนทุกคืนเลยก็เป็นได้’
องค์หญิงผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องอื้อฉาว ในการหาที่ปรึกษาชายเข้ามาในตำหนัก บ่อยครั้งที่ถูกฝ่าบาทเรียกไปตักเตือน แต่สุดท้ายนางก็รอดตัวไปได้ทุกครั้ง และยังทำตัวไม่เอาไหนเช่นนี้มาโดยตลอด
“อวี้หยาง!”
“องค์หญิง”
“เหตุใดเจ้ายืนเหม่อลอย ไม่พอใจห้องนี้หรือ”
“คือว่า... มิใช่เช่นนั้น เพียงแต่ว่าข้าน้อยไม่ทราบว่าหลังจากนี้ ต้องดูแลท่านเช่นไร ขอท่านโปรดชี้แนะ”
“ก็ไม่มีอะไรมาก หากข้าเบื่อเจ้าก็อ่านนิทานให้ข้าฟัง บรรเลงฉิน หรือไม่ก็ไปเที่ยวเป็นเพื่อนข้า”
“เพียงแค่นั้นหรือ”
“ข้าเรียกเมื่อใดเจ้าก็ต้องมา”
“แล้ว…”
“แล้วอันใดอีก เหตุใดเจ้าจึงถามมากความเช่นนี้ หากมีอะไรเพิ่มเติมข้าจะบอกเจ้าเองก็แล้วกัน แต่ตอนนี้เจ้าเก็บของไปก่อน ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ระหว่างนี้เจ้าก็เดินดูรอบ ๆ ตำหนักเพื่อความคุ้นเคย แต่อย่าเดินเลยไปเล่า นั่นเป็นตำหนักของสนมอิ่น ระวังนางจะจับเจ้ารวบหัวรวบหางเข้าตำหนักไป”
“อะไรนะ”
“ข้าล้อเล่นน่ะ ไปก่อนนะ ค่อยพบกันใหม่ตอนเย็น”
นางเดินออกมาจากตำหนัก และทิ้งเขาเอาไว้ตามลำพังในห้องพัก เมื่ออวี้หยางเดินเข้ามานั่ง ก็เริ่มทบทวนสิ่งที่รู้มาก่อนหน้านี้
“นางชอบสะสมที่ปรึกษาชาย แต่ละคนมีหน้าที่ปรนนิบัติต่างกัน หากว่าเป็นนักดนตรี ก็จะเล่นดนตรีอย่างเดียว ไม่เอาขึ้นเตียง แต่หากเป็นชายอุ่นเตียง ไม่เคยได้ยินว่านางให้ทำอย่างอื่น”
“ชายอุ่นเตียงงั้นหรือ หึ ช่างเป็นสตรีที่น่าเกลียดเสียจริง ไร้ยางอายยิ่งนัก เป็นถึงองค์หญิงสูงศักดิ์ แต่กลับทอดกายให้เหล่าคณิกาชายเชยชม น่าขยะแขยง”
“แต่ว่าทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่พระองค์จำเป็นต้องทำ หากอยากจะเข้าไปสืบข่าวในวังหลวงนะพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“ใครบอกว่าข้าทำไม่ได้ ก็แค่จัดการกับสตรีบ้าตัณหาเพียงคนเดียวมิใช่หรือ มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าเท่าใดนักหรอก เรื่องบนเตียงข้าก็มิได้ด้อยไปกว่าผู้ใด ไม่ต้องห่วงหรอก”