ตอนที่หนึ่ง ใกล้แตกสลาย
ตอนที่หนึ่ง
ใกล้แตกสลาย
เฮือก!....
เกิดเหตุใดขึ้น เมื่อครู่มิใช่ว่านางหมดลมหายใจสุดท้ายไปแล้วหรือ
“ลี่เซียน เจ้าไม่ต้องกลัว ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดข้าจะต้องยื้อดวงจิตของเจ้าไว้ให้ได้”
เสียงที่ได้ยินอยู่ข้างหูราวอยู่ไกลแสนไกล หญิงสาวรู้สึกตัวเบาหวิว ทั้งร่างดุจดั่งล่องลอยอยู่ในห้วงอากาศอันเคว้งคว้างแสนมืดมิด
ร่างน้อยหอบหายใจอย่างแรงอีกหลายครั้ง เมื่อลืมตาอีกทีกลับพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่งโดยริมฝีปากของเขายังคงแนบชิดกับเรียวปากนุ่มของนาง
“ซูหย่งจื้อ” เสียงเรียกชื่อที่ได้ยินอย่างแผ่วเบาทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นโดยเร็ว
ทันทีที่เห็นดวงตากลมโตลืมขึ้นเผยลูกตาดำอันสะท้อนถึงความใสซื่อบริสุทธิ์อย่างชัดเจนจึงจับมือนุ่มขึ้นแนบใบหน้าเคร่งขรึมของตนเองอย่างตื่นเต้นดีใจทั้งโล่งใจอย่างที่สุด
“ลี่เซียน เจ้าฟื้นแล้ว ในที่สุดก็กลับมา”
กลับมา?
ใช่ เมื่อครู่คล้ายว่านางใกล้แตกสลายแล้ว
“เกิดเหตุใดขึ้น”
เสียงอ่อนแรงซึ่งคงความนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างเช่นลี่เซียนคนเดิมโดยไม่มีวี่แววของความเศร้าโศกเสียใจแม้สักน้อยทำให้ซูหย่งจื้อหรือองค์ชายใหญ่ต้องเงยหน้าขึ้นมาจับจ้อง
“เจ้าจำไม่ได้หรือ?”
“ข้า...คล้ายว่าจะกำลังร้องไห้อย่างหนัก จากนั้น ก็มาอยู่ที่ชายป่าแห่งนี้ แล้ว...ต่อมา ต่อมา...ข้า...ข้าจดจำสิ่งใดไม่ได้แล้ว”
ลี่เซียนออกอาการสับสนด้วยภาพในหัวช่างสลับไปสลับมาไม่ปะติดปะต่อ
ท่าทีเบะปากคล้ายจะร่ำไห้พลางโคลงหัวไปมาอย่างมึนงงของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มไม่คิดคาดคั้น
“เอาล่ะ ข้าเพิ่งช่วยเจ้ากลับมาจึงอาจงุนงงอยู่มาก ข้าจะพาเจ้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
ร่างสูงใหญ่อุ้มเรือนร่างอรชรขึ้นแล้วก้าวยาวๆโดยไม่ได้เดินพ้นออกจากเขตแนวป่า
“พวกเราไปพักที่เรือนหลังเดิมก็แล้วกัน” องค์ชายใหญ่ตัดสินใจไม่เร่งรีบออกจากสถานที่ซึ่งเรียกว่า ‘ป่าเสน่หา’ ด้วยร่างน้อยยังออกอาการอ่อนแรงอยู่มาก
หากให้นางฟื้นตัวอยู่ภายในป่านี้น่าจะเป็นผลดีมากกว่า
“เดี๋ยวก่อน เหตุใดเจ้ากับข้าจึงมาอยู่ที่นี่ แล้วเจ้าทำอย่างไรข้าจึงกลับมาได้” ลี่เซียนอดทนกับความอยากรู้ไม่ได้จึงถามขึ้นระหว่างทาง
แม้จดจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ลี่เซียนยังคงรู้ตัวว่านางไม่อาจดำรงอยู่หากมิใช่ว่าองค์ชายใหญ่ผู้นี้ช่วยเหลือไว้ แต่เขาทำได้อย่างไรกัน
“โชคดีที่ข้าเคยได้รับจิตภูตจากเจ้ามาหลายครา จึงทดลองแลกลมหายใจเพื่อต่อชีวิต แม้ไม่แน่ใจว่าจะได้ผล แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าปล่อยเจ้าให้สลายหายไปต่อหน้าโดยไม่ลงมือ”
