บทที่ 1
ลมหนาวที่เย็นยะเยือกเข้ากระดูกพัดผ่านมาอีกครั้ง ใบไม้ใบสุดท้ายร่วงหล่นลงมาจากกิ่งไม้ที่เหี่ยวแห้ง
ข้านั่งกอดศพที่เย็นเฉียบของลูกสาวอยู่ใต้ระเบียง
สาวใช้ตงซวงพูดว่า “ฮูหยิน อากาศหนาว ท่านรีบกลับไปผิงไฟข้างในห้องดีกว่าเจ้าค่ะ”
ข้าราวกับไม่ได้ยิน ฮัมเพลงกล่อมเด็กที่ท่านแม่เคยร้องไห้ข้าฟังตอนเด็ก ตบลูกที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองเบาๆครั้งแล้วครั้งเล่า
สายตาของตงซวงมีความสงสาร นางพูดอย่างจริงใจว่า “ฮูหยิน คุณหนูไปสบายแล้ว ท่านจะทรมานตัวเองทำไมเจ้าคะ นางกลับมาไม่ได้แล้ว...”
“กลับมาไม่ได้แล้ว?”
ข้าเหม่อลอยครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองนางอย่างว่างเปล่า สมองที่เชื่องช้าไม่เข้าใจความหมายของนาง
เป็นไปไม่ได้
วันนี้ลูกสาวไปร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังกับท่านพ่อของนางอย่างมีความสุข แล้วยังบอกว่าจะเอาขนมกับมาให้ข้าทาน ทำไมนางจะกลับมาไม่ได้
ข้าคิดว่านางกําลังหยอกล้อข้า ยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า “ตงซวง ข้าไม่หนาว หว่านเอ๋อร์ต้องแอบออกไปเล่นข้างนอกอีกแล้วแน่นอน ข้าจะรอนางกลับมา ไม่มีข้าอยู่ด้วย หว่านเอ๋อร์จะนอนไม่หลับ”
ตงซวงน้ำตาคลอเบ้า พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ฮูหยิน คุณหนูอยู่... อยู่ในอ้อมแขนของท่านไม่ใช่เหรอเจ้าคะ”
ในอ้อมแขนของข้า?
ในอ้อมแขนของข้าไม่มีอะไรเลย...
ทันใดนั้น ข้าหยุดชะงัก จากนั้นก็ก้มหน้ามองลงตามสัญชาตญาณ เห็นใบหน้าที่ซีดช้ำของหว่านเอ๋อร์นอนหลับตาอยู่ในอ้อมแขนของข้า
“ฮูหยิน คุณหนูตายแล้ว คุณหนูถูกม้าบ้าเหยียบ ตาย...”
ข้าไม่ได้ยินประโยคหลังของตงซวง ข้าแค่รู้สึกว่าลมหนาวราวกับกลายเป็นมีดน้ำแข็ง ทิ่มแทงลงบนตัวของข้า
“ตงซวง หนาวจังเลย ไปเอาเตาผิงมา ดูสิ หว่านเอ๋อร์หนาวจนหน้าซีดหมดแล้ว”
ทำไมหว่านเอ๋อร์ที่น่ารักของข้าถึงหน้าซีดเช่นนี้? ต้องเป็นเพราะลมหนาว ทำให้นางหนาวแน่นอน
เพื่อให้หว่านเอ๋อร์อุ่น ข้ากอดหว่านเอ๋อร์เข้าไปในอ้อมแขนอีกครั้ง แต่มือกลับไม่ระวังแตะโดนเอวของนาง
ข้าหยิบสิ่งของที่ห่อด้วยกระดาษหนังวัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อข้างในของนางอย่างระมัดระวัง
ข้างในมีขนมเกาลัดที่เย็นเฉียบและมีฝุ่นเกาะเล็กน้อย
แต่เศษขนมเกาลัดเหล่านี้ราวกับลูกธนูพิษที่แหลมคม ทิ่มแทงข้าอย่างสะบักสะบอม
กลั้นน้ำตาในเบ้าตาไว้ไม่อยู่แล้ว ข้าร้องไห้อย่างสติแตก
จากนั้น ข้าก็จับเศษขนมเกาลัดเหล่านั้นยัดเข้าปาก
ตงซวงตกใจ รีบเข้ามาห้ามข้า
“ฮูหยิน ขนมเปื้อนฝุ่น กินไม่ได้เจ้าค่ะ”
แต่ข้ากลับไม่ฟัง แม้แต่เศษขนมชิ้นสุดท้ายก็กินจนหมดเกลี้ยง
ตงซวงร้องไห้สะอึกสื้น “ฮูหยิน ทําไมท่านถึงทำเช่นนี้...”
“ท่านทำเช่นนี้ คุณหนูก็ไม่กลับมา นางถูกท่านโหวฆ่าตาย!”
“บ่าวได้ยินว่า ตอนที่ม้าบ้าตัวนั้นวิ่งไปที่รถม้า ท่านโหวปกป้องคนอื่น ทิ้งคุณหนูเผชิญกับม้าบ้าบนรถม้าเพียงลําพัง”
“ใครจะคิดว่า ตอนที่คุณหนูถูกม้าเหยียบจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านโหวเชิญหมอหลวงไปดูคุณหนูสองแห่งตระกูลเสิ่นที่จวนตระกูลเสิ่น คงเพราะคุณหนูสองคนนั้นตกใจม้าบ้า”
“เมื่อคืนตอนที่ฮูหยินตามหาหมอไปทั่วเมือง แต่ท่านโหวกลับเฝ้าอยู่หน้าเตียงของผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น!”
ซ่งฉางอันเป็นคนฆ่าลูกสาวของเรา
เขาเป็นคนฆ่านาง!
ภาพที่หว่านเอ๋อร์กลับมาถึงจวนก็ตัวร้อนผุดเข้ามาในหัวของข้า ข้าหาหมอไม่ได้ จึงอุ้มหว่านเอ๋อร์ที่เต็มไปด้วยเลือด ฝ่าลมหนาวเดินไปทั่วเมืองหลวง
สุดท้ายก็รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ค่อยๆหายไปในอ้อนแขน ท่ามกลางนเสียงเสียดายของหมอคนหนึ่ง
“บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้มีเพียงหมอหลวงในพระราชวังเท่านั้นที่รักษาได้...ฮูหยินซ่ง เสียใจด้วยขอรับ”
นึกถึงตรงนี้ ข้าหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด รู้สึกว่าหัวใจเจ็บปวดจนเหมือนจะระเบิด
แต่ในตอนนี้ บ่าวรับใช้ของซ่งฉางอันก็มารายงานว่า “ฮูหยิน ท่านโหวเชิญท่านไปที่เรือนพั่นจู๋เซวียน เขามีเรื่องจะพูดขอรับ”
แต่ตงซวงรำคาญ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ท่านโหวมีเรื่องอะไรทำไมไม่มาพูดกับฮูหยินด้วยตัวเอง ยังต้องให้ฮูหยินไปหา?”
แต่บ่าวรับใช้ของซ่งฉางอันกลับเย็นชาและไร้เมตตาเหมือนเขา ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ท่านโหวบอกว่า หากท่านไม่ยอมไป ให้บ่าวเป็นคนบอกท่านก็ได้ เขากำลังจะแต่งงานกับคุณหนูเสิ่น”
