บท
ตั้งค่า

2. หนุ่มฝรั่งแปลกหน้ามารับ

บุญญิสา นั้นไม่เคยคิดอยากจะมีสามีฝรั่งมาก่อนเลย แต่เมื่อถูกเพื่อนรักอย่างดุจเดือนโทรทางไกลข้ามประเทศเป่าหูอยู่บ่อย ๆ ว่า หนุ่มฝรั่งนั้น สุดแสนจะเพอร์เฟ็กต์ แสนดี ขยันมีเซอร์ไพรส์

โดยยกตัวอย่างชื่นชม โจเซฟ ผู้เป็นสามีของเจ้าหล่อนว่า ช่างโรแมนติกอย่างนั้น ช่างเอาใจใส่ภรรยาอย่างนี้ ประกอบกับ บุญญิสา ก็เห็นบรรดาแฟนของเพื่อน ๆ ที่เป็นหนุ่มไทย ต่างก็เจ้าชู้ประตูดิน ทำให้เพื่อน ๆ ของเธอต้องช้ำใจอยู่เสมอ ตอนหลังก็ชักจะเริ่มเห็นคล้อยตามคำพูดของดุจเดือนไปทีละน้อย จนถึงกับยอมตกปากรับคำ เดินทางมาดูตัวว่าที่สามีในอนาคตถึงนิวซีแลนด์

บุญญิสา ใช้เวลาตัดสินใจอยู่เพียงเดือนเดียว ก็ลาออกจากเจ้าหน้าที่บัญชีที่บริษัท แล้วก็ตอบรับที่จะเดินทางมานิวซีแลนด์ ตามที่พอลลาร์ด กับ ดุจเดือนต้องการ

สาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นหาใช่กลัวจะเป็นสาวแก่ขึ้นคานแต่อย่างใด ทว่า..เกิดจากความเบื่อหน่ายในหน้าที่การงานที่ทำอยู่

บุญญิสา ทำงานที่บริษัทมาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี เธอมีความสุขกับการทำงานในช่วงสี่ปีแรก แต่สองปีหลังมานี้ มีปัญหามากมาย บุญญิสา ทำงานอย่างทุ่มเท แต่ผลที่ได้ไม่เป็นไปตามที่มุ่งหวัง คนที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามกลับได้เลื่อนตำแหน่ง ได้ขึ้นเงินเดือนมากกว่า เพียงเพราะประจบสอพลอตอแหลเจ้านายเก่ง ทำให้บุญญิสาท้อแท้อยากจะลาออกไปหางานทำที่อื่น

แต่งานใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ เธอจึงได้แต่อดทนทำงานไปอย่างคนที่ไม่มีทางเลือก จนกระทั่งดุจเดือน ได้เสนอตัวเป็นแม่สื่อ ให้เธอได้รู้จักกับพอลลาร์ด และเขา ก็หยิบยื่นโอกาสให้บุญญิสา ได้มีทางเลือกขึ้นมาในช่วงเวลาที่เธอกำลังมีปัญหาเช่นนี้ จึงถือเป็นการประจวบเหมาะ ที่ทำให้เธอตัดสินใจรับโอกาสนั้นไว้

ซึ่งพอตอบตกลงกับ พอลลาร์ดไป เขาก็ให้ดุจเดือน เป็นคนจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ บุญญิสา เดินทางมานิวซีแลนด์ทันที

ความจริงบุญญิสา อยากจะให้ดุจเดือน เป็นคนมารับเธอที่สนามบินนี้มากกว่า แต่เจ้าเพื่อนตัวดีอยากจะให้เธอได้พบหน้าว่าที่สามีฝรั่งเป็นคนแรก เพื่อจะได้ทำความรู้จักสนิทสนม สานสัมพันธ์กันให้แนบแน่นก่อนที่จะแต่งงานกัน

“พอล ลาพักร้อนเป็นเดือนเชียวนะแก เพื่อจะได้พาแกท่องเที่ยวดูบรรยากาศของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นการซ้อมฮันนีมูนเอาไว้ก่อน”

ดุจเดือน บอกกับ บุญญิสา ก่อนที่จะเดินทางมานิวซีแลนด์ ซึ่งบุญญิสาก็แย้งไปว่า

“แล้วแกจะให้ฉันเที่ยวสองต่อสองกับอีตาพอลนั่นน่ะเหรอ..แกไม่ห่วงว่าฉันจะถูกเขาปลุกปล้ำระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวหรือยังไงยะ”

“พอลเขาขอแกแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือ จะกลัวอะไรล่ะ ฝรั่งน่ะเขามีอะไรกันก่อนแต่งทั้งนั้นแหละ”

“แล้วถ้าเกิดฉันเที่ยวกับเขาครบเดือนแล้วเขาเปลี่ยนใจไม่แต่งงานด้วยล่ะยะ ฉันไม่เสียหายแย่เหรอ”

“พอล เขาเป็นคนดีไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกน่ะ แกอย่าเพิ่งวิตกจริตไปล่วงหน้าก่อนได้ไหม ยัยโบว์”

“แล้วแกแน่ใจได้ไงว่าอีตาพอลนั่น จะเป็นฝรั่งนิสัยดีเป็นสุภาพบุรุษ”

บุญญิสา ยังไม่วางใจอยู่ดี

“เท่าที่ฉันรู้จักพอลมา เขาเป็นคนน่ารักนิสัยดี แล้วอีกอย่าง คุณโจ สามีของฉันก็ทำงานอยู่ที่เดียวกับพอล เขารับรองว่าพอลเป็นผู้ชายที่ดีแน่นอน ไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นแม่สื่อจับคู่ให้แกเหรอ”

ดุจเดือน ให้การรับรอง แต่บุญญิสา ก็ยังอดหวาดหวั่นใจไม่ได้อยู่ดี เพราะการที่ตกปากรับคำจะแต่งงานกับพอลลาร์ด โดยที่ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน ได้แต่เห็นภาพถ่ายและติดต่อผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่นั้น มันจะไปดีกว่าการได้พบเจอหน้ากัน ได้พูดคุยเรียนรู้อุปนิสัยกันได้อย่างไร

“เอาเถอะน่า..เวลาหนึ่งเดือนที่เราจะได้อยู่ใกล้ชิดเขาคงจะทำให้เรียนรู้กันได้พอสมควร”

บุญญิสา ปลอบใจให้กำลังใจตัวเอง พร้อมกับสอดส่ายสายตาหาพอลลาร์ดด้วยความตื่นเต้นระคนกังวลใจ เกรงว่าคนที่มารับจะจำเธอไม่ได้ เพราะรูปของบุญญิสาที่ส่งให้พอลลาร์ด ดูทางออนไลน์นั้น เธอคัดเลือกรูปที่สวยที่สุด มีการใช้แอปตกต่างภาพให้สวยงามเกินจริงไปบ้าง แต่ตอนนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าทาปาก ไม่รู้ว่าพอลลาร์ด จะคิดว่าเป็นคนเดียวกับผู้หญิงในภาพที่ส่งไปให้ดูหรือเปล่า

แต่ถึงอย่างไร บุญญิสา ก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถจำพอลลาร์ด ได้ อย่างน้อย เธอก็สังเกตเห็นไฝเม็ดหนึ่งที่อยู่ตรงมุมปากซ้ายของเขาได้ และที่สำคัญ ดุจเดือน บอกว่า พอลลาร์ด จะต้องหอบดอกไม้มามอบให้เธอด้วยนี่นา..เธอก็เลยต้องมองหาคนที่ถือดอกไม้เอาไว้ให้ดี

“ขอโทษ..คุณคือ..บุญญิสาที่มาจากประเทศไทยหรือเปล่า”

จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มหน้าตาฝรั่ง ผมสีน้ำตาลออกทอง ๆ นัยน์ตาสีฟ้าอมเทา เปล่งประกายเจิดจ้าสะดุดตา เขาตัวสูงบุคลิกหน้าตาดูดีมากคนหนึ่ง เดินเข้ามาทักทายด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งโชคดีที่บุญญิสา เดาออกว่าเขาพูดว่าอะไร อย่างน้อยก็มีชื่อเธอกับคำว่าไทยแลนด์ให้เดาได้ไม่ยาก

“ใช่ค่ะ..ฉันชื่อบุญญิสา มาจากประเทศไทย”

เธอก็ตอบภาษาอังกฤษด้วยความมั่นใจไปเช่นกัน เพราะคำนี้ท่องมาแล้วเป็นอย่างดี จึงไม่น่าจะผิดได้ แต่ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉิน เธอก็จะใช้มือถือขึ้นมาช่วยแปลได้

“เชิญตามผมไปที่รถได้เลยครับ”

หนุ่มหล่อบอก พร้อมกับถือวิสาสะ เข็นกระเป๋าเดินทางให้เธอเสียด้วย

“เดี๋ยวค่ะ..คุณเป็นใครคะ..ฉันไม่ไปกับคุณหรอก”

บุญญิสา สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษที่สำเนียงไม่ดีนัก เขาน่าจะพอฟังออก

เธอมองรูปร่างหน้าตาของผู้ชายฝรั่ง ตรงหน้านี้แล้ว ไม่มีส่วนใดที่จะคล้ายกับพอลลาร์ด สักนิด

ถ้าเป็นพอลลาร์ด ต้องดูมีอายุมากกว่านี้ ไม่ใช่หนุ่มหน้าใสวัยละอ่อน มาดดีเหมือนนายแบบเช่นนี้ บุญญิสา คิดว่าเขาน่าจะอ่อนกว่าเธอด้วยซ้ำ หรืออย่างน้อยก็น่าจะรุ่นเดียวกัน

“พอลให้ผมมารับคุณ คุณคงรู้จักพอลลาร์ด ใช่ไหม”

เขาย้อนถาม คราวนี้บุญญิสา ชักลังเลขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อของ พอลลาร์ด หรือว่าอีตาพอล นั่นส่งน้องชายมารับเธอแทน แต่เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกหลอกไปขาย

“คุณเป็นน้องชายของพอลหรือคะ”

เธอลองตั้งคำถามดูซึ่งประโยคนี้ก็พอจะพูดได้

“ผมหน้าตาเหมือนเขาหรือเปล่าล่ะ”

เขาย้อนถามเสียงรัวเร็ว ทำให้คนถามขมวดคิ้วเพราะไม่ค่อยเข้าใจ

“ถ้าคุณไม่ใช่น้องชายหรือญาติของพอล ฉันก็จะไม่ไป”

เธอเรียบเรียงประโยคนี้บอกเขาไป ส่วนเขาจะเข้าใจหรือไม่ ก็ต้องคอยลุ้นเอา แต่ถ้าตอบมาแบบรัวเร็วคล้ายสำเนียงปักต์ใต้ เหมือนเมื่อสักครู่ เธอก็คงจะต้องใช้เวิร์บทูเดา

“ถ้าคุณไม่ไปก็ตามใจนะ ผมจะได้กลับ”

เขาพูดเหมือนไม่สนใจ ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนพวกหล่อแล้วหยิ่งจนน่าหมั่นไส้ ในความรู้สึกของบุญญิสา

“ว่าไงคุณ..จะไปหรือไม่ไป”

เขาหันมาก้มมองหน้าเธอ ศีรษะของบุญญิสา สูงแค่เลยไหล่เขาไปนิดเดียวเท่านั้นเอง

บุญญิสา อยากจะร้องไห้เหลือเกิน นี่เธอตัดสินใจถูกหรือผิดกันแน่ ที่กล้าเสี่ยงเดินทางมาต่างประเทศตัวคนเดียวแบบนี้ แถมเจ้าเพื่อนตัวดีก็ผลักภาระให้คนอื่นมารับแทนเสียอีก

บุญญิสา ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศมาก่อนเสียด้วย ครั้นจะสื่อสารบอกอีตาฝรั่งหน้าใสนี่ว่า เธอขอโทรหาเพื่อนก่อน ก็ไม่รู้จะใช้รูปประโยคเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไงดี เพราะที่ท่องเอาไว้ดันลืมไปเสียหมด เมื่อเจอเจ้าของภาษาจริง ๆ

น่าโมโหตัวเองนัก เวลาชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษ แล้วชอบหลับทุกที พอเรียนจบมาทำงานเห็นฝรั่งมาติดต่องาน ก็รีบหาทางหลบแกล้งปวดฉี่ขึ้นมาทันทีทันใดให้เพื่อนร่วมงานรับหน้าแทนทุกที คราวนี้เป็นไงล่ะเจอฝรั่งเต็ม ๆ หนีไม่พ้นเสียด้วย บุญญิสาเอ๋ย...ครั้นจะควักดิกชันนารีที่พกติดตัวขึ้นมาเปิด หรือ เปิดแอปแปลภาษาในมือถือก็คงจะเสียเวลานาน

“อีตาฝรั่งบ้า..ฉันจะไว้ใจแกได้ยังไง ฉันจะโทรหาเพื่อนฉัน”

เมื่อนึกภาษาอังกฤษไม่ออก ก็ขอบ่นเป็นภาษาไทยก็แล้วกัน แต่ไม่รู้ว่าอีตาฝรั่งที่เธอว่านั้นจะเข้าใจหรืออย่างไร เขายื่นมือถือของเขา ส่งให้เธอราวกับฟังภาษาไทยรู้เรื่อง แต่ บุญญิสา มัวแต่ดีใจ จึงไม่สนใจว่าเขาฟังเธอออกได้อย่างไร เธอรีบกล่าวขอบคุณ แต่ส่งมือถือคืนให้เขาไป แล้วก็เอามือถือของตัวเองขึ้นมาโทรหาเพื่อนทันที

“ฮัลโหล...นี่ฉันเองนะยัยเดือน”

พอมีคนรับสายบุญญิสาก็รีบกรอกเสียงด้วยความตื่นเต้น

“ยินดีต้อนรับสู่นิวซีแลนด์จ๊ะโบว์เพื่อนรัก..พอลเป็นไงบ้าง เขามารับเธอแล้วใช่ไหม”

ดุจเดือน เอ่ยถามน้ำเสียงตื่นเต้นไม่แพ้กันกับคนโทรไป

“พอลบ้า พอลบอ ที่ไหนล่ะ..ตั้งแต่มาถึงสนามบิน ฉันยังไม่เห็นหน้าอีตานั่นเลย ไหนเธอบอกว่าทันที ที่ฉันเดินออกมาจากประตูเครื่องบิน ก็จะเห็นอีตาพอล หอบดอกไม้มาต้อนรับไงล่ะ ฉันอุตส่าห์นึกภาพตามที่แกเคยบอกเอาไว้ว่าผู้ชายฝรั่งสุดแสนจะโรแมนติกเหมือนกับโจเซฟสามีของหล่อน แต่ที่ไหนได้ นอกจากไม่เห็นหน้าอีตาพอล หอบดอกไม้มาให้แล้ว ฉันต้องเป็นฝ่ายนั่งรอเขาจนก้นจะเป็นแผลกดทับอยู่นี่ไง”

บุญญิสา ใส่อารมณ์กับยัยแม่สื่อเพื่อนรักเป็นการระบายที่ปล่อยให้เธอเคว้งคว้างรอนาน แถมยังให้ใครก็ไม่รู้มารับเธอที่สนามบิน

“อ้าว..ตายจริง พอลไม่ได้มารับเธอด้วยตัวเองเหรอ..แล้วคนที่มารับเธอเป็นใครกัน”

ดุจเดือน มีน้ำเสียงตกใจระคนแปลกใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel