บทที่ 1
บ้านรามบดินทร์
สมาชิกทุกคนในรามบดินทร์ตื่นเต้นที่จะได้พบกับบุคคลสำคัญซึ่งกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีนี้ หญิงวัยกลางคนประมุขของบ้านเผยรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กน้อย เมื่อเห็นบุคคลในรถคันหรูก้าวลงมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณลมมาแล้วค่ะ” นมนิ่มหันหน้ามาบอกประมุขของบ้านที่ยืนรอด้วยความตื่นเต้น
ทันทีที่รถจอดสนิทร่างของชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีก้าวลงมาจากรถ เดินตรงมาสวมกอดคุณหญิงนาถที่อ้าแขนรอรับด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
“ตาลม ตาลมของแม่”
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว” วายุ รามบดินทร์กอดมารดาแน่นด้วยความคิดถึง เฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้กลับบ้าน บ้านที่มีความสุขและคนที่รักรออยู่
วายุถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบห้าปีและกลับมาพร้อมกับปริญญาโทด้านบริหารให้มารดาได้ชื่นใจ ตระกูลรามบดินทร์เป็นยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสิ่งพิมพ์ของประเทศไทย ภายใต้การนำของหญิงเหล็กแห่งวงการคือคุณหญิงนาถ ซึ่งต่อจากนี้ไปวายุคือเลือดใหม่ที่จะนำความเจริญก้าวหน้าให้กับกิจการของตระกูลในอนาคต
“น้ำกระเจี๊ยบค่ะ คุณลม” นมนิ่มพี่เลี้ยงคนเก่าแก่วางน้ำกระเจี๊ยบสีแดงสดตรงหน้า
“สาวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ นม” วายุโอบเอวที่หนาขึ้นเล็กน้อยเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเป็นยาหอมให้กับพี่เลี้ยงของตน
“แก้มคนแก่จะหอมได้ยังไงคะ สู้แก้มแหม่มผมแดงของคุณลมได้หรือเปล่า” หญิงวัยกลางคนค้อนขวับให้ ดีใจที่วายุรักตนไม่เสื่อมคลายแม้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน
“แก้มสาวที่ไหนก็ไม่หอมเหมือนแก้มของนมหรอก”
“หลอกให้คนแก่ดีใจอีกแล้ว ตาลม” มารดายิ้มอย่างเอ็นดู
เพราะรู้จักนิสัยของวายุดี เขาเป็นสายลมที่แปรปรวนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เป็นทั้งลมเย็นให้คนแก่ชื่นใจ เป็นดั่งพายุในยามที่โกรธเกรี้ยว หรือแม้แต่เป็นลมหวานหูที่ออดอ้อนให้ใจอ่อนได้ตามที่ต้องการ
“ไม่ต้องมาปากหวานให้คนแก่ดีใจยังไงเย็นนี้ก็มีของโปรดคุณลมแน่ค่ะ นมให้เด็กๆ เร่งมือทำอยู่ในครัว” นมนิ่มดักคออย่างรู้ทัน
วายุหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสายตาพี่เลี้ยงที่ดูจะรู้ทันไปซะทุกเรื่อง เขาเป็นพายุพัดให้ใครต่อใครให้กระเด็นกระดอนหนีหน้าไม่เป็นท่า มีแต่นมนิ่มเท่านั้นที่ทำให้พายุร้ายกลายเป็นสายลมเย็นได้ทุกทีซิน่า
นมนิ่มจัดเสื้อผ้าในกระเป๋าเข้าตู้ให้วายุเรียบร้อย ในขณะที่เจ้าตัวอาบน้ำอาบท่าเตรียมเข้านอน หลังจากที่ทานอาหารเย็นมื้อพิเศษจนอิ่มแปล้และส่งคุณหญิงนาถเข้านอนเรียบร้อยแล้ว
“นมอุ่นๆ อีกสักแก้วไหมคะ คุณลม” นมนิ่มถามด้วยความเคยชิน
“ผมอิ่มจนกินไม่ไหวแล้วนะนม” วายุเอามือลูบท้องเบาๆ
จากบ้านไปนานไม่ได้มีโอกาสทานของที่ถูกปาก ดังนั้นมื้อแรกที่ได้กลับบ้านนมนิ่มจึงจัดการของโปรดทุกอย่างมาให้ เป็นการต้อนรับการกลับบ้านอย่างอบอุ่นที่สุด
“คุณลมไปอยู่เมืองนอกเป็นสิบปีไม่ได้กินของโปรดเลยนี่นา พรุ่งนี้นมจะทำให้อีกนะคะ ดูซิ สูงขึ้นแต่ผอมไม่มีเนื้อเลยสักนิด” นางจับเนื้อตัวของวายุพลิกซ้ายพลิกขวาราวกับเป็นเด็กๆ เหมือนเมื่อก่อน
“โธ่ นม สมัยนี้ใครเขาอ้วนกัน มันต้องแบบนี้ครับ” ชายหนุ่มก้มลงมองดูหน้าท้องเป็นลอนไร้ไขมัน เรือนร่างกำยำที่ดูแลสุขภาพเป็นอย่างดีด้วยความภูมิใจ
“คุณลมจะเข้าบริษัทวันไหนคะ นมจะได้เตรียมเสื้อผ้าให้ถูก” หญิงวัยกลางคนเปลี่ยนเรื่องคุย
วายุกลับมาคราวนี้ไม่ใช่แค่เรียนจบ แต่ชายหนุ่มต้องการมาช่วยงานมารดาที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ อีกไม่กี่สัปดาห์คุณหญิงนาถก็จะต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกที่หัวเข่าทั้งสองข้าง หลังจากที่ประสบปัญหาข้อเข่าเสื่อมมาเป็นเวลาหลายปี
“เริ่มพรุ่งนี้เลยครับ อยากให้คุณแม่ได้พักเต็มที่ก่อนผ่าตัด ว่าแต่ ระหว่างพักฟื้นใครเป็นคนดูแลคุณแม่ นมนิ่มเหรอ”
คงไม่ดีแน่ถ้าจะให้คนวัยใกล้กันสองคนมาดูแลกันเอง คุณหญิงนาถผ่าตัดหัวเข่าไม่สามารถเดินได้เหมือนปกติ ดังนั้นควรหาใครที่มีเรี่ยวแรงมากกว่ามาดูแลแทนจะเป็นแม่นมคนเก่งที่สังขารร่วงโรยตามกาลเวลาแล้ว
“คุณหญิงให้จ้างพยาบาลพิเศษค่ะ ส่วนเรื่องอาหารก็ให้นมดูแลเหมือนเดิม”
“ทำไมต้องจ้างพยาบาลพิเศษ คนบ้านเราก็ตั้งเยอะ” วายุฟังแล้วไม่เข้าท่า
ในบ้านนอกจากมารดา นมนิ่มแล้วก็ยังมีสาวใช้อีกหลายคนที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ แต่วายุเข้าใจว่าทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบแต่ละคน ดังนั้นคนที่ว่างที่สุดน่าจะเป็น...
“เด็กคนนั้นไปไหนแล้ว” วายุนึกถึงเจ้าหล่อนขึ้นมาได้
วันนี้ทั้งวันตั้งแต่กลับมายังไม่เห็นหน้า ไปไหน ทำไมไม่มาต้อนรับการกลับมาของเขาเหมือนคนอื่น
“เด็กคนไหนคะ” นมนิ่มทำไก๋ พอเดาออกว่าชายหนุ่มถามถึงใคร
“ก็เด็กของคุณแม่ไง ลูกสาวสุดที่รักนอกไส้ไปไหนเสียแล้วล่ะ อย่าบอกนะว่าไปตามทางที่ชอบแล้ว” ไม่วายที่เขาจะเหน็บแนมขนาดไม่เห็นหน้าค่าตากันเกือบสิบปี
“อ๋อ ก็ทำไมไม่พูดชื่อตั้งแต่แรกล่ะคะ เรียกเด็ก นมก็นึกว่าเด็กที่ไหน บ้านเราไม่มีเด็กมาเป็นสิบปีแล้วนะคะ ถ้าจะมีอีกทีก็ได้เลี้ยงลูกคุณลมแน่” หญิงวัยกลางคนอมยิ้ม
นมนิ่มรู้ดีว่าวายุถามถึงใครแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ เรื่องราวในสมัยเด็กของลูกไล่กับลูกชายเจ้าของบ้าน ยังเป็นเรื่องที่พูดถึงทีไรก็หัวเราะได้ทุกทีเสมอ
คนหนึ่งถืออำนาจบาตรใหญ่ว่าเป็นลูกเจ้าของบ้าน ในขณะที่อีกคนเป็นนางฟ้าตกจากสวรรค์และต้องมาอยู่ในการดูแลของตระกูลรามบดินทร์ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือถูกพายุร้ายคนนี้มอบตำแหน่งลูกไล่ที่คอยเดินตามและอยู่ในโอวาททุกสิ่ง
ลูกไล่ที่สมัยเด็กมีอะไรนิดอะไรหน่อยก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้น ผ่านไปสิบกว่าปีวายุจะรู้หรือไม่ว่า ลูกไล่คนเดิมเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว
“ตกลงไม่อยู่แล้วใช่ไหม ไปไหนล่ะ หรือว่าตามยุคสมัย” วายุหันมาถามด้วยความอยากรู้
สิบปีที่ไปเรียนต่อเขาไม่มีโอกาสได้กลับเมืองไทยสักครั้ง จึงไม่ได้รู้ว่า ลูกไล่ ของตนเป็นอย่างไรบ้าง ครั้นจะถามถึงเวลาที่มารดาไปเยี่ยมก็ไม่สบโอกาส
ที่สำคัญคำมั่นที่เคยให้ไว้กับตน เจ้าหล่อนยังจดจำและรักษาไว้หรือไม่ หรือว่าโยนมันทิ้งไปเสียแล้ว
“อยู่ค่ะ ไม่ได้ไปไหน” นมนิ่มตอบทันควัน
“แล้วทำไมวันนี้ไม่เห็นหน้า ทุกทีชอบเสนอ...” เขาเว้นวรรคไว้ไม่อยากพูดคำเหน็บแนมที่ติดปาก
“วันนี้ไปทำงานค่ะก็เลยไม่ได้อยู่รอรับคุณลม”
“งานอะไร วันนี้วันอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ ทำไมยังทำงานอีก”
