หักเหลี่ยมสวาทคาสโนวา (Nc 20 )

165.0K · จบแล้ว
ปูริดา - รัตน์วรา - จิ่วเทียนอี้อี - Bobby Pin
82
บท
14.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอจากไปพร้อมกับความเจ็บช้ำจากกระทำของเขา เมื่อมีความแค้นก็ต้องเอาคืนสิ! จะสังหารแพ็คคู่...ที่ทั้งตบและต่อยให้หน้าหงาย มันก็ยังดูจะน้อยไป...นะ! จะหลอกลวงให้ต้องการแล้วรีบจากไป...“ไม่! ไม่นะ...กลัวแล้ว...อย่า...ฮือๆ อย่าทำนะ...กลัวแล้ว” เหมือนสวรรค์ถล่มลงมาตรงหน้า โลกสวยสดแตกสลายพร้อมความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านเข้ามาครอบคลุมทั่วทั้งกายา ชายหนุ่มส่งเสียงร้องครางอย่างกับสัตว์ที่ติดบ่วงแร้วนายพรานหาทางออกไม่ได้ หรือจะให้กลายเป็น...สุดที่รักฮะดีล่ะ...“แหม...เจ้านายนี่นะ ทำไมถึงได้ใจร้ายกับผมอย่างนี้ละฮะ เห็นเมื่อคืนนะ...” “แกพูดให้ดีนะไอ้ริน ใครเป็นเมียใคร ถ้าขืนแกพูดเรื่องนี้มาอีกครั้งเดียว รับรองได้ว่าฉันถีบแกลงไปทางหน้าต่างนั่นแน่” ‘คิดว่าจะมาเล่นงานฉันแล้วจะลอยนวลไปได้ง่ายๆ หรือรมย์นลิน รู้จักฉันน้อยไปแล้วแม่ตัวแสบ เธอจะต้องรับโทษอย่างสาสม!!’ คนหนึ่งก็ร้าย อีกคนก็แรง ไม่มีใครยอมแพ้ใคร แล้วงานนี้ใครจะชนะกันล่ะ?

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานเลขาพลิกชีวิตแก้แค้นโรงแรม/มหาลัย

ตอนที่ 1

1

“เทพเป็นอะไรมากไหม” เพียงแค่ประตูห้องเปิดออก รมย์นลินก็ถลากายพุ่งเข้าไปพร้อมเอ่ยถามแฟนหนุ่มด้วยความห่วงใยระคนตกใจ ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดสาว เพราะรีบวิ่งมาหาคนรักอย่างรวดเร็ว อีกทั้งผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเพราะไม่ทันจะได้หวี

หลังจากที่เธอวางโทรศัพท์แล้วก็รีบลุกจากเตียง คว้าเสื้อคลุมชุดนอนได้ก็วิ่งมาหาแฟนหนุ่มที่หอซึ่งอยู่คนละฝากฝั่งของถนนอย่างกังวลและหวาดกลัวว่าเทพกานต์จะป่วยหนัก เพราะเห็นชายหนุ่มขาดการติดต่อไปหลายวัน มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไป โทรหาก็ไม่ติด ซึ่งผิดปรกติวิสัยของหนุ่มที่รักเรียนไม่เคยขาดแม้สักครั้ง

“หลิน...ขอโทษนะที่ต้องโทรไปกวน แต่เทพไม่รู้ว่าจะโทรหาใครแล้วจริงๆ ” เทพกานต์เอ่ยบอกเสียงเบาหวิว และรีบเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม แต่ดวงตาคมวาวกลับจ้องมองร่างโปร่งบางเหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์จ้องเหยื่ออันโอชะ

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนมุมปากข้างหนึ่ง เขาสู้วางแผนการเพื่อเข้าใกล้แม่สาวจอมหยิ่ง ไม่แม้แต่จะมีสายตาหรือเข้าใกล้ผู้ชายคนใดมาเกือบจะหกเดือนถึงได้มีวันนี้ เพราะอย่างนั้นคืนนี้เขาจะไม่ยอมให้รมย์นลินหนีรอดไปได้อีกแล้ว หลังจากที่หญิงสาวอิดออดมาหลายครั้ง

“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ รู้ไหมว่าหลินเป็นห่วงเทพแค่ไหน มาหาที่หอหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เคยเจอ โทรหาก็ปิดเครื่อง มหาลัยก็ไม่ยอมไป เทพเป็นอะไรกันแน่ หรือว่าเราสองคนไม่ใช่คนรักกัน ถึงได้ทำเป็นลึกลับปิดบังกันอย่างนี้” มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า ปากก็พร่ำตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจ

วันนั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะปล่อยให้เธอกลับห้องก็รู้หรอกนะว่าเขาน้อยอกน้อยใจที่เธอไม่เชื่อใจ ถึงแม้ระหว่างที่คบกันนั้นจะยอมให้ชายหนุ่มถูกเนื้อต้องตัว แต่เพราะเธอกลัว...กลัวความผิดหวัง กลัวว่าจะถูกเมินหน้าหนี กลัวไปต่างๆ นานา สารพัดความกลัวที่มันแล่นเข้าสู่หัวใจ เลยอิดออดไม่ยอมที่จะค้างและมีอะไรกับชายหนุ่ม

“ขอโทษนะหลิน เป็นเพราะป่วย เลยทำให้หงุดหงิด อยากจะอยู่คนเดียว คิดมากไม่อยากให้ใครต้องมารับภาระกับคนที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เรี่ยวแรงก็ไม่มี เหมือนกับเป็นคนไร้ค่าอย่างไรไม่รู้”

สองแขนเล็กเรียวโอบรอบร่างหนาใหญ่อย่างรู้สึกผิดที่ทำให้เทพกานต์เป็นทุกข์กังวลกับความรู้สึกกลัวของตัวเอง “ขอโทษนะเทพ แต่หลินกลัว เทพก็เห็นว่ามีหนุ่มสาวหลายคู่ที่รักกันแล้วก็ไม่ยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้เรื่องราวมันเลยเถิดจนมีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น บ้างก็ถูกทอดทิ้งให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เพียงลำพัง หลินกลัวจริงๆ นะ...กลัวว่าระหว่างเราจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนั้น แล้วหลินจะทำยังไงล่ะถ้าเกิดเทพทิ้งหลิน หรือปล่อยให้ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นเพียงลำพัง”

เทพกานต์สะดุ้งเฮือกกับคำพูดที่ออกจากเรียวปากนุ่มและอวบอิ่มที่เขาเคยได้ลิ้มรสมาหลายครั้งแล้ว แต่เพราะศักดิ์ศรีบางประการที่มันค้ำคออยู่ก็ทำให้เขาต้องรีบสลัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไปในทันที ร่างหนาหันหน้ามาหารมย์นลิน สองมือใหญ่วางทาบบนผิวหน้าขาวนวล ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่ววงหน้าขาวสวยรูปไข่ที่สวยงามและสะดุดตาชายหนุ่มทั่วทั้งมหาวิทยาลัย

ตั้งแต่ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ จมูกโด่งเป็นสัน พวงแก้มขาวนวลเต็มไปด้วยเลือดฝาดสีชมพู และสุดท้ายนั้นคือ...ริมฝีปากอิ่มเต็มและหวานนุ่ม ทำเอาใจหนุ่มถึงกับกระเจิดกระเจิงได้ทุกครั้งยามที่ได้ลิ้มรส ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้บนพวงแก้มนุ่ม พร้อมด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตเหมือนกับกำลังสะกดจิตให้รมย์นลินนั้นหลงใหลในคำพูดที่ปั้นแต่งขึ้นมาอย่างสวยหรูและหวานฉ่ำ แต่หาความจริงใจไม่ได้สักนิด

“หลินก็รู้ว่าเทพรักหลินแค่ไหน แล้วอย่างนี้เทพจะทำร้ายหัวใจของตัวเองได้ยังไงกันล่ะ ต่อให้โลกจะแตกไปต่อหน้า ในหัวใจและสายตา” เทพกานต์จ้องเข้าไปในดวงตากลมโตราวกับต้องการสะกดจิตรมย์นลินให้หลงใหลใคร่เสน่หาในตัวเองจนยากเกินจะถอนตัวถอนใจได้

“จะมีแต่หลินคนเดียวเท่านั้น เราสองคนจะจับมือพร้อมเดินไปด้วยรักและเข้าใจ ในหัวใจเทพจะมีหลินครอบครอง สองแขนจะไม่โอบกอดใครอีกนอกจากหลินคนเดียวเท่านั้น...สัญญา”

“เทพ...” รมย์นลินผวากอดแฟนหนุ่มอย่างตื้นตันใจ

“หลินจ๋า เทพรักหลินนะ รักมาก รักสุดหัวใจเลย” เทพกานต์ไม่ยอมให้โอกาสดีหลุดลอยไป ปลายมือใหญ่จับรั้งปลายคางมนให้แหงนหงายขึ้น ดวงตาคมกริบเป็นประกายพราวระยับมองอย่างต้องการสะกดจิตรมย์นลิน ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มและหวานเชื่อมโน้มลงไปอย่างเชื่องช้าจนริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับสนิทแน่นบนเรียวปากอวบอิ่มและหวานเชื่อม

เทพกานต์กดจุมพิตเหมือนจะหยอกล้อแต่หนักหน่วง สร้างความซ่านสยิวและวาบหวามให้กับสาวน้อยอ่อนไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก ไม่เคยสักครั้งจากการแตะต้องตัวของชายหนุ่มที่จะเหมือนครั้งนี้

เพราะเธอรู้สึกเหมือนมีลูกไฟร้อนผ่าวทาบทับอยู่บนเรียวปากนุ่ม และมือใหญ่ที่เคลื่อนไหวไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนกาย และหยุดพักอยู่ตรงกลางระหว่างอก ชายหนุ่มกดคลึงอย่างย่ามใจ มือใหญ่ฟอนเฟ้นอย่างหนักหน่วงสลับแผ่วเบาอย่างต้องการดึงสติรมย์นลินให้ลุ่มหลง จนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นยินยอมที่จะเดินทางตามติดไปทุกหนทุกแห่งแล้วแต่เขาจะพาไป

“เรารักกันใช่ไหมหลิน” ริมฝีปากร้อนผ่าวประพรมจุมพิตไปทั่วใบหน้าขาวนวล ในขณะที่มือใหญ่ก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ กระดุมเสื้อนอน เพราะเสื้อที่หญิงสาวสวมใส่ออกมานั้นติดกระดุมด้านหน้าเลยเป็นโอกาสดีให้เทพกานต์ปลดกระดุมจากรังดุมและเข้าครอบครองสองเนินเนื้ออวบอิ่มและนุ่มหยุ่นอย่างรวดเร็ว จนรมย์นลินไม่ทันจะได้ห้ามปราม เพราะหัวใจก็หวั่นไหวและวาบหวามไปกับจุมพิตร้อนผ่าวที่เหมือนกับจะสูบเอาวิญญาณออกจากร่าง

มือใหญ่ดึงรั้งเอาชุดนอนออกจากเรือนกายโปร่งบางและโยนทิ้งไป สองแขนแข็งแกร่งกอดรัดร่างนุ่มนิ่มอย่างแนบชิดจนแทบไม่มีที่ว่าง พร้อมกับดันร่างที่เมื่อแรกเห็นว่าโปร่งบางแต่เอาเข้าจริงกลับกลมกลึงให้นอนลงบนเตียงนอน โดยไม่ยอมถอดถอนจุมพิตเว้าวอนและเรียกร้องให้ตอบสนอง

“เทพ...หลินกลัว” รมย์นลินสั่นสะท้านราวกับลูกนกตกน้ำ สองมือเล็กได้แต่จับอยู่บนแขนแข็งแกร่ง มองสบดวงตาเข้มอย่างเว้าวอน หัวใจเต้นแรงและเร็วเหมือนกับจะทะลุออกมาจากทรวง

“เทพรักหลินที่สุด...เราจะมีกันและกันตลอดไปนะ” ปากหนาพร่ำเอ่ยคำรักเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ...จัดการรมย์นลินให้สมรักสมปรารถนา

สัมผัสที่โลมไล้ทั่วกายาและคำรักหวานๆ ทำให้ความคิดที่จะห้ามปรามเริ่มเลือนหายไปจากสมองรมย์นลิน ด้วยปั่นป่วนและซ่านสยิว ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าออกกว้างให้ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าวซอกซอนไปทั่วโพรงปาก ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดซอกซอนตามติดลิ้นใหญ่ท่องเที่ยวไปทั่วทั้งสองโพรงปาก

สองมือเล็กเริ่มขยับเคลื่อนไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่งซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ และยิ่งวันนี้เทพกานต์ใส่เพียงเสื้อกล้ามตัวเดียวก็ยิ่งทำให้มือเล็กได้สัมผัสกับผิวหนังอุ่นๆ จนร้อนอย่างถนัดถนี่ จนสองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ปลายนิ้วเล็กๆ หยอกล้อพัวพันกับเส้นผมหนาและนุ่ม บดเบียดลำตัวเสียดสีกับกายแข็งแกร่ง

“หลินจ๋า...น่ารักมากเลยรู้ไหมคนดี”

เทพกานต์ถึงกับร้องครางในลำคอกับการตอบสนองอย่างไร้เดียงสา ใช่ว่าเขาจะไม่เคยหลับนอนกับผู้หญิง ก่อนที่จะคบกับรมย์นลินก็มีแฟนมาแล้วตั้งหลายคน กิน เที่ยวและสุดท้ายก็จบลงบนที่นอนด้วยความสนุกสนาน ไม่เคยที่จะผูกมัดตัวเองกับใคร เบื่อก็เลิกกัน ต่างคนต่างไปตามทางของตัวเอง แต่ในบรรดาผู้หญิงที่คบและมีความสัมพันธ์กัน ไม่เคยมีใครทำให้เขาร้อนเป็นไฟเหมือนกับคนในอ้อมกอดนี้สักคน

แม้กระทั่งจูบไม่เป็นสับปะรด แต่หวานฉ่ำเชื่อมยังกับน้ำผึ้งจากดอกไม้แรกแย้ม ทำเอาเขาร้อนผ่าวไปทั้งตัวจนอยากปล้ำเสียหลายครั้ง แต่เพราะกลัวไก่จะตื่นเลยต้องระงับอารมณ์เอาไว้ เคยแม้กระทั่งลับหลังหญิงสาวแล้วไปนอนกับคนอื่น แต่ทุกครั้งที่เขาจูบกับใครก็ตามความคิดก็จะวนเวียนกลับมาหารมย์นลินทุกครั้ง จนเขาถึงกับหมดอารมณ์ที่จะมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นไปในทันที

มือใหญ่ฟอนเฟ้นทรวงอกอวบอิ่มหนักสลับเบาเต็มๆ แรงก่อนจะเคลื่อนไปด้านหลังอย่างเชื่องช้าเพื่อปลดปล่อยทรวงอวบอิ่มให้เป็นอิสระ เพื่อให้มือใหญ่ฟอนเฟ้นอย่างแนบชิดกว่าเดิม อีกทั้งเทพกานต์รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นคนกระหายอยากลิ้มรสน้ำหวานกุหลาบจากเรือนกายแรกแย้ม

“ขอเทพนะหลิน” ริมฝีปากหนาร้อนพรมจุมพิตไปทั่ววงหน้าหอมนวล สองมือใหญ่ช้อนใต้ร่างโปร่งบางและดันแผ่นหลังขึ้นสูง พร้อมขับเคลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอระหง ริมฝีปากขบเม้มจนผิวกายเนียนขาวเหมือนกับไข่ปอกเป็นสีแดงช้ำเหมือนกับถูกมดกัด

สองมือเล็กจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่ม ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงเหมือนกับมีใครเอากลองมาตีรัวอยู่ภายใน ลมหายใจหอบแรงเหมือนกับคนที่ออกแรงวิ่งระยะทางไกลมา เมื่อลมอุ่นร้อนเป่ารดผิวเนื้ออ่อนไหว และใบหน้าคมคร้ามก็ประทับแน่นอยู่ระหว่างสองทรวงสล้าง

“เทพ...หยุด...เถอะนะ หลินไม่ไหวแล้ว...” รมย์นลินเอ่ยบอกแฟนหนุ่มเสียงแหบพร่าและขาดเป็นห้วงๆ ด้วยความซ่านสยิว ในท้องเหมือนกับมีลูกไฟย่อมๆ ไหลวนเวียน

แต่มีหรือที่เทพกานต์จะยอมหยุด ถึงแม้จะไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีที่ได้พนันกับเพื่อนเอาไว้ แต่เพราะเขาเองปั่นป่วนและร้อนเป็นไฟแล้วต่างหาก แขนใหญ่สอดรัดลำตัวบอบบางให้มืออีกข้างขยับเคลื่อนกลับมาด้านหน้าและเข้าครอบครองเนินทรวงอวบอิ่ม ในขณะที่ปากหนาก็เข้าครอบครองปลายยอดถันอีกข้างด้วยการตวัดปลายลิ้นไล้วนเวียนหยอกล้อรอบทับทิมผลนุ่มก่อนจะเข้าครอบครองมันอย่างเต็มปากเต็มคำ

“เทพ...” รมย์นลินกรีดร้องเสียงดังลั่น เพลิงไฟแห่งความปรารถนาและความปั่นป่วนและรัญจวนใจแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกาย สองมือเล็กที่เคยจิกทึ้งดึงศีรษะทุยให้ออกจากกลับแปรเปลี่ยนเป็นกดรั้งให้แนบชิดมากยิ่งกว่าเดิม สองเท้าเรียวยาวขยับเสียดสี จิกเกร็งปลายนิ้วบนเตียงนอนแข็งกระด้าง

เทพกานต์ยิ้มกว้าง กายใหญ่ขยับตัวโค้งงอ สองมือละจากเรือนกายโปร่งบางมาจิกทึ้งดึงเอาเสื้อกล้ามออกจากกายและโยนทิ้งไป ก่อนใบหน้าคมคร้ามจะโน้มลงไปหาสองปทุมถันอวบอิ่มซึ่งกระเพื่อมไหวเหมือนกับดอกบัวที่บานอยู่กลางสระมรกต

มือใหญ่ข้างหนึ่งครอบครองบีบเคล้นทรวงสล้างอวบอิ่ม ในขณะที่อีกข้างก็ขยับเคลื่อนลงไปตามผิวกายเนียนนุ่มหยอกล้อกับหน้าท้องแบนราบเรียบและไร้ไขมัน ก่อนจะเคลื่อนลงไปลากไล้รอยขอบกางเกงนอนตัวสั้น แม้จะเมามันอยู่กับความหวานฉ่ำเชื่อมราวกับผลไม้รสทิพย์ แต่ก็ยังรับรู้ว่ายังมีปราการอีกสองชิ้นที่ขวางกั้นไม่ให้เขาได้เห็นกายสาว

“ให้ฉันได้เห็นเธอชัดๆ นะหลิน...ให้ฉันได้สัมผัสและรักเธอนะที่รัก” มือใหญ่ลากไล้บีบนวดต้นขาเรียวยาวและสะโพกกลมมนผ่านผ้าเนื้อบางเบาส่งผ่านกระแสไฟอ่อนๆ ไปตามเรือนกายโปร่งบาง ก่อนที่มือใหญ่สอดเข้าระหว่างสะเอวและดึงรั้งอาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายออกจากกายสาวโยนทิ้งไป

เทพกานต์ค่อยๆ ส่งปลายนิ้วยาวลากไล้เหมือนกับขนนกโบยบินในอากาศไปตามผิวกายเนียนนุ่มดุจแพรไหม มือใหญ่สอดแทรกแยกลำขาเรียวยาวออกห่างจากกัน นิ้วมือร้อนลากไล้เป็นวงกลมเริ่มจากต้นขาด้านนอกและค่อยๆ ขยับเคลื่อนไปจนถึงต้นขาด้านในและขยับเข้าหยอกล้อกับเส้นไหมนุ่มที่ปกปิดบุปผานุ่มจากหมู่ภมรทั้งหลาย ปลายนิ้วยาวใหญ่และร้อนผ่าวแยกกลีบกุหลาบออกอย่างเชื่องช้าจนได้พบกับเกสรนุ่มที่ซุกซ่อนอยู่ภายในที่ชายหนุ่มไม่รอช้า ส่งปลายนิ้วเข้าไปทักทายอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล