บทที่ 6
เซอร์เกอยากใช้เวลาอยู่กับสาวผมน้ำตาลให้มากกว่านี้ ทว่าเขามีนัดตีกอล์ฟกับเพื่อนชาวรัสเซียที่มาทำธุรกิจในเมืองไทย อาหารเช้าของทั้งสองจึงต้องพึ่งรูมเซอร์วิส
“ผมจะให้คนไปส่งคุณนะบัว”
เขากับเธอมีรสนิยมตรงกันที่ดื่มเพียงกาแฟเป็นมื้อเช้า เซอร์เกหันไปสั่งเป็นภาษารัสเซียกับอลันซึ่งยืนเยื้องอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะอาหารริมระเบียง สักพักหนุ่มจมูกโตนายหนึ่งก็มายืนโค้งคำนับให้สโรชา
“เขาจะพาคุณไปส่ง บอกทางเขาหน่อยละกัน แล้วนี่ นามบัตรผม”
เธอพินิจกระดาษสีเทาเข้มพิมพ์ตัวหนังสือสีทองในมือ ตำแหน่งเจ้าของนามบัตรคือประธานบริหารบริษัทลงทุน ... ระบุไว้แค่นั้น ไม่บอกเป็นธุรกิจอะไร
“อยากอยู่กับคุณมากกว่านี้ แต่ผมต้องไปแล้ว” ชายหนุ่มขอตัวอย่างสุภาพ
“ฉันไปด้วยดีกว่าค่ะ ไม่ต้องให้คนของคุณไปส่งหรอก กลับแท็กซี่ สะดวกดี”
เช้าฟ้าหลังฝนสดใส ถนนหน้าโรงแรมคนไม่เยอะนัก เพราะนักท่องเที่ยวยังหลับใหล หลายคนตระเวนราตรีกรุงเทพฯจนดึก
สโรชาอารมณ์ดีที่งานเสร็จ มีวันหยุด จะได้เจอแม่ ปราณบุรีอยู่ไม่ไกล ขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ระหว่างทางแวะซื้อผลไม้สักหน่อย ฝากแม่ พยาบาลผู้ดูแล และธนนท์
“ปัง!”
พลันความคิดทุกอย่างหยุดลงเมื่อได้ยินเสียง
“เอี๊ยด ... โครม” แล้วก็ตามด้วยปังๆ รัวอีกหลายรอบ เสียงหวีดร้องตะโกนต่อๆ กันดังทั่วบริเวณ
“คนยิงกัน!”
ผู้คนวิ่งหนีลูกหลงกันจ้าละหวั่น สโรชาเข้าไปหลบในร้านเดิมที่เคยมาซื้อร่ม
“ใครยิงกันน่ะ” เพื่อนสมาชิกหนีตายถามให้เซ็งแซ่
“ไม่รู้ จู่ๆ ก็มีทั้งมอเตอร์ไซด์ ทั้งรถเก๋งถล่มยิงรถที่เพิ่งเลี้ยวออกมาจากโรงแรม”
ผู้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเล่าเสียงสั่น คนมาหมอบออกันอยู่หน้าตู้แช่เครื่องดื่ม เพราะเป็นมุมอับสายตาคนภายนอกที่สุดของร้าน
“คนในรถก็ตอบโต้ ยิงกันกลางถนนนี่แหละ รถคันอื่นเลยโดนลูกหลงชนกันระเรระนาดด้วย เหมือนในหนังเลย”
ยามเป็นภาพยนตร์ ผู้ชมสะใจกับฉากวินาศสันตะโรแบบนี้ แต่เมื่อมาเจอในชีวิตจริงทุกคนใจสั่น ภาวนาหาที่พึ่งกัน ผ่านไปไม่กี่นาทีแต่เหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ของคนกลัว เสียงปืนสงบลง ... เสียงรถหวอตำรวจดังเข้ามาแทน
“ตื๊อ... ดื่อ” ทั้งร้านสะดุ้งเฮือก มองประตูเป็นตาเดียว
“ปลอดภัยไหมครับ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
ตำรวจวัยกลางคนสอดส่ายสายหาคนเจ็บ ท่ามกลางอาการโล่งอก มีแรงถามสถานการณ์จากผู้มาใหม่ สโรชาไม่ได้ร่วมวงถามด้วย เธอเอามือกุมหน้าอกเพื่อคุมอาการเต้นรัวของหัวใจ หูได้ยินคำบอกเล่าแว่วๆ
“มีคนมายิงฝรั่งแขกโรงแรม...”
ชื่อโรงแรมเดียวกับเธอเพิ่งจากมา โชคดีแล้ว ที่ออกมาก่อน ... เฉียดไปนิดเดียว เสี้ยววินาทีแห่งวิกฤติเธอคิดถึงแม่
“คุณป้าเฟื่องฟ้าไปดูดอกไม้ค่ะคุณบัว”
พยาบาลเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เนอร์สซิ่งเฮลท์แคร์ตอบเสียงหวาน เมื่อสโรชาโทรศัพท์หาแม่ดังใจคิด
“เพิ่งออกไปค่ะ เดี๋ยวไปตามให้”
“ไม่ต้องหรอก ขอบคุณค่ะ บอกแม่ด้วยนะคะว่าวันนี้ฉันจะไปเยี่ยม”
สโรชาก้าวออกจากร้านโดยไว เธอจะขับรถยาวรวดเดียวถึงปราณบุรี ... ไปกอด เล่าให้ฟังถึงความโชคดีที่ยังมีชีวิตได้ดูแลท่าน แต่การจราจรก็ติดขัดเหลือเกิน ตำรวจกั้นทางเพื่อเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุ รถต่อคิวยาวเป็นกิโล ทุกคนพร้อมใจกันหาทางออกจากถนนเส้นนี้
สโรชาทำใจไว้แล้วว่าต้องเหมาแท็กซี่ ติดตรงไม่มีคันไหนฝ่าการจราจรมาได้นี่สิ ไม่เป็นไร เรียกวินมอเตอร์ไซด์ให้พาลัดออกไปถนนเส้นอื่นแล้วค่อยต่อแท็กซี่ก็ได้
คิดได้ดังนั้นเธอจึงเดินไปตามตรอกเล็กในซอยใหญ่เพื่อหารถที่หมาย เห็นป้ายอยู่วินหนึ่งแต่ไม่มีคน ข้างๆ กันเป็นถังขยะกทม.ใบใหญ่สองถัง สกปรกไปหน่อย แต่ป้ายเขียนคิวยังสะอาดและใหม่เอี่ยม
‘สงสัยไปส่งคน’
สโรชาคิดพลางยืนรอ เมื่อยขาที่ต้องเดินแล้วเหมือนกัน สุนัขจรจัดสองตัววิ่งเฉียดเธอไปนิดเดียว เพื่อเข้าไปคุ้ยขยะ ใจหญิงสาวภาวนาให้วินมอเตอร์ไซด์มาเร็วๆ จะได้พ้นจากสภาพนี้เสียที
“แง่ง...” สุนัขฮึมฮัม ทีแรกคิดว่ามันกัดกัน
“ออกไปนะ” ... ที่เปล่งออกมาคือเสียงมนุษย์และเป็นภาษาอังกฤษ!
“คุณ...” สโรชามาที่ถังขยะ ร่างนั้นมองเธออย่างตกตะลึง
“บัว พาผมออกไปจากที่นี่ที”
เซอร์เก อินาเซวิช นอนอยู่ พร้อมเลือดแดงฉานเปรอะเสื้อบริเวณหน้าท้อง
“เร็ว” ... และมืออีกข้างของเขาถือปืน!
