บทที่ 4 จบตอน
“แหะๆๆ ก็มันอยากได้งานนี้นี่นา ฉันเห็นภาพเกาะของเขามันสวยและบรรยากาศดี อีกอย่างเขาจะทำรีสอร์ทที่เอื้อประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกทั้งแนวคิดเชิงอนุรักษ์พลังงานของเขาก็น่าสนใจด้วย ฉันเห็นว่ามันเหมือนความคิดตัวเองก็เลยรีบตกลงกลัวเขาไม่จ้างนี่ ” เนตรนาราบอกเพื่อนเสียงอ่อยๆ อย่างน่าสงสารและอรุณนารีก็สงสารเพื่อนจริงๆ และอีกเหตุผลคือแนวคิดการทำรีสอร์ทของชายหนุ่มผู้ว่าจ้างมันน่าสนใจที่เดียว
“น่านะแก นี่ขนาดฉันเห็นแค่ไหนไฟล์ที่เขาก๊อปมาให้ดู เกาะพราวแสงจันทร์ยังสวยขนาดนั้นถ้าไปเห็นจริงๆมันต้องสวยสุดยอดแน่ๆ และเมื่อแกไปถึงก็ต้องถ่ายรูปส่งเมลล์มาให้ฉันดูด้วย กล้องตัวเก่งฉันยกให้เลยนะ”
เนตรนาราไม่วายหาของมาหลอกล่อ และเธอรู้ว่าอรุณนารีชอบทะเลมากกว่าอะไร และงานนี้ไม่พลาดแน่ แม้ว่าเธอเจ็บตัวแต่งานที่รับไว้ต้องเสร็จสมบูรณ์โดยที่ร้านของเธอไม่เสียชื่อแน่นอนเพราะเพื่อนรักของเธอก็แต่งสวนได้สวยไม่แพ้กัน และยังมีความละเอียดอ่อนรอบคอบ ใจเย็นมากกว่าเธอหลายเท่านัก
“แล้วจะไปยังไงอะไรก็ยังไม่ได้เตรียม”
อรุณนารีพูดส่งๆ แต่ในแววตาวาววับว่างานนี้เธอจะได้ไปทำงานในที่ที่โอบล้อมด้วยทะเลซึ่งเป็นอะไรที่เธอชอบมากที่สุด ทะเล สายลม แสงแดด ต้นไม้เขียวๆ น้ำใสๆ โอยแค่คิดก็คุ้มแล้ว แต่งานนี้ต้องขูดเลือดยัยหมวยมหาภัยขี้งกให้สุดๆ
“แต่มีข้อแม้ งานนี้ฉันเจ็ดสิบ แกสามสิบ โอเคตามนี้”
เนตรนาราอ้าปากค้างเมื่อโดนมุกนี้ของเพื่อน แต่ก็ต้องยอมเมื่อเจอสายตาแบบแมงปอพิฆาตที่เธอกับอโนมารู้ดีว่าถ้าเจอสายตาแบบนี้ต้องเงียบและทำตามแม่คุณอย่าให้ขาดตกบกพร่อง
“เออๆ ก็ได้ ฉันโทรไปบอกเขาแล้วว่าเลื่อนการเดินทางไปสักสองวันเพราะประสบอุบัติเหตุ ฉันให้แกไปแทน เขาก็ไม่ว่าอะไรการเดินทางเดี๋ยวฉันบอก ส่วนของที่จะเอาไปด้วยน่ะ ส่งไปล่วงหน้าแล้ว”
“ดีมากเพื่อนรัก”
“ยัยแมงปอจอมงก”
“ฉันก็ติดนิสัยมากจากแกนั่นล่ะ นังหมวยมหาภัยจอมงก”
สองสาวทำหน้างอนๆ ใส่กันเหมือนจะโกรธกัน แต่สุดท้ายเธอทั้งสองก็หัวเราออกมาพร้อมกันด้วยและยิ้มให้กันด้วยความรักที่มันมีมากมายยิ่งกว่าคำว่าเพื่อนรัก
“อะไรของแกนักหนาวะแมงปอ”
เนตรนาราร้องถามเมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระของเพื่อนรักนั้นใบใหญ่เกินตัว และมีถึงสองใบ ไม่รวมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กที่เธอมักใช้เป็นประจำนั่นอีก
“ของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า และอื่นๆ อีกมากมายไงแก” อรุณนารีบอกเพื่อนอย่างไม่รู้สึกแปลกใจกับสัมภาระของเธอ
“เดินทางดีๆ นะลูก”
“ค่ะคุณพ่อกับคุณแม่ไม้ต้องห่วง แมงปอจะไม่ดื้อไม่ก่อปัญหาแน่นอนค่ะ สัญญา”
หญิงสาวทำท่าให้คำปฏิญาณแบบลูกเสือ จนผู้เป็นแม่และเพื่อนรักที่มาส่งอดหมั่นใส้ไม่ได้ แต่ก็รู้สึกใจหายเล็กน้อยที่บุตรสาวซึ่งไม่เคยห่างจากอกไปไหนไกลต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำงานไกลถึงเกาะพราวแสงจันทร์
“จ้า แม่คนเรียบร้อย ฉันคิดผิดรึเปล่าวะที่ให้แกไปแทนนี่ ฉันล่ะกลัว สังหรณ์ใจยังไงชอบกลว่ะ”
“อ้าวนี่แกดูถูกฝีมือเพื่อนเหรอเนตร”
“เปล่าแค่เป็นห่วงคนที่นั่นนิดหน่อยที่ต้องต้อนรับแก มีแกอยู่ด้วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงน่ะกลัวเขาจะเฉาปากแกตายซะก่อนน่ะสิ ฮ่าๆ”
“ไอ้เพื่อนบ้าแกว่าฉันเหรอ”
“อ้าวพอๆ เลยทั้งคู่โตเป็นสาวแล้วยังจะมาเล่นเป็นเด็กๆ ไปๆ ไปขึ้นเครื่องได้แล้ว เดี๋ยวตกเครื่องกันพอดี”
นางเอื้ออารีผู้เป็นมารดาห้ามปรามสองสาวที่ทำท่าว่าจะเลยเถิดเล่นกันเพลินจนไม่รู้เวลา เพราะการเดินทางไปเกาะพราวแสงจันทร์ นั้นต้องเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศไปลงที่ภูเก็ตแล้วจะมีเครื่องบินเล็กของเกาะมารับที่สนามบินโดยที่การเดินทางนั้นจะมีความเป็นส่วนตัวอย่างที่สุด
“ค่ะแมงปอไปนะคะแม่ ไปนะเนตร ฝากดูแลแม่กับพ่อแล้วก็ร้านฉันด้วยนะ อย่าทำเจ๊งล่ะ”
“โธ่มือชั้นนี้แล้ว อย่าห่วงเลยน่า”
อรุณนารีมองเพื่อนรักที่ยืนข้างมารดาอย่างใจหายนิดๆ เมื่อต้องเดินทางจริงๆ เพราะในใจหญิงสาวรู้สึกเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้มันจะเป็นการเดินทางที่ยาวไกลและจะเปลี่ยนโลกของเธอไปทั้งใบ
ภาพเกาะแสนสวยรายล้อมด้วยน้ำทะเลสีเขียวมรกตและแนวปะการังที่เห็นรางๆ ใต้ผิวน้ำ หมูนกนางนวลที่โผบินนวยนาดบนผืนฟ้ากว้างทำให้อรุณนารียิ้มกว้างกับภาพที่เห็น ไม่เสียแรงที่ตัดสินใจมาเลยจริงๆ
“ใกล้ถึงแล้นะครับคุณแมงปอ”
เด่นดัง ชายหนุ่มที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอที่ทำหน้าที่ขับเครื่องบินลำเล็กของเกาะพราวแสงจันทร์มีไว้สำหรับโดยสารและติดต่อโลกภายนอก เอ่ยบอกเธอ หญิงสาวพยักหน้าตอบและมองคนที่โดยสารมาด้วยอย่างทึ่งๆ ไม่นึกว่าคนที่ไปรับเธอที่สนามบินภูเก็ต ที่แต่งตัวได้แสบสัน ร่างผอมสูง หัวหยิกฟูฟ่องแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาดกางเกงทรงเดปสีเหลือง เสื้อสายดอกสีแดง ตัดกับผิวที่คล้ำแดดอย่างแรง แต่ชายหนุ่มก็ไม่แคร์สายตาใครเดินยืดอกอย่างมันใจแม้จะถูกมองจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
เมื่อเครื่องบินจอดสนิทบนลานจอดที่ก่อสร้างเป็นลานกว้างขนาดใหญ่กลางผิวน้ำพอที่จะจอดเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กสองลำ และมีสะพานไม้สวยหรูแข็งแรงที่ทอดยาวพาเดินไปสู่เกาะพราวแสงจันทร์ที่มองเห็นบ้านหลังใหญ่ที่ก่อสร้างอย่างเรียบหรูหันหน้าเข้าสู่ทะเลและฉากด้านหลัง มีน้ำตกสายเล็กที่มองเห็นสายน้ำกระเซ็นสาดเป็นสายเล็กๆ อยู่หลังบ้านหลังงาม
โอ...นี่มันเกาะในฝันชัดๆ อรุณนารีอุทานในใจ เธอเคยคิดและจินตนาการไว้ว่าสักวันจะได้มาเยือนเกาะที่มีทั้งน้ำตก ทะเล สายลมและแสงแดด เกาะที่มีบ้านหลังงามที่หลังบ้านมีน้ำตกสายเล็กๆ รินไหลไม่ขาดสาย มันมีจริงๆ
เมื่อหญิงสาวที่มัวแต่เดินชื่นชมความงามของเกาะที่มองเห็นเพียงด้านหน้าเพราะเพิ่งมาถึงจนไม่ทันสังเกตว่าตัวเองเดินลงมาถึงพื้นทรายนุ่มแล้ว และไม่ห่างกันนั้นที่โขดหินใหญ่ซึ่งตอนนี้เจ้าของเกาะร่างสูงใหญ่ก็ยืนกอดอกมองเธออย่างเฉยเมย พร้อมกับเจ้าคอบร้า ซึ่งนอนหมอบอยู่แทบเท้าเจ้านายของมัน และดวงตาของมันก็จ้องเขม็งไปที่หญิงสาวแปลกหน้าที่กำลังเดินชื่นชมความงามของเกาะโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าตนเองกำลังอยู่ในอาณาเขตของใคร
โฮ่ง ๆ!!! เจ้าคอบร้าส่งเสียงเมื่อเห็นหญิงสาวแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้เจ้านายหนุ่มโดยที่เธอเองก็ไม่ทันสังเกต แต่เพราะเสียงเห่าของมันทำให้ร่างบางชะงักตัวแข็งทื่อ ก่อนจะค่อยๆ หันมาทางต้นเสียงและต้องตกตะลึงเมื่อเห็นร่างสูงทะมึนของผู้ชายที่หน้าตารกครึ้มด้วยหนวดเครายืนมองเธอด้วยแววตาวาววับน่ากลัว และข้างๆ กันก็คือ สุนัข!!!
ใช่แล้วมันคือสุนัข หรือหมา และมันเป็นสุนัขพันธ์ไทยหลังอานที่ตัวใหญ่มากๆ ยืนแยกเขี้ยวครางแฮ่ๆ ใส่เธอ และที่สำคัญเธอกลัวสุนัขเป็นที่สุด และทุกครั้งที่เข้าใกล้เธอมักจะเป็นผื่นและเป็นไข้ไปหลายวันเลยทีเดียว และตอนนี้อาการเหล่านั้นกำลังจะกลับมาเพราะเธอเห็นว่าเจ้าหน้าขนใหญ่ยักษ์กำลังลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน แล้วค่อยๆ เยื้องย่างอย่างช้าๆ มาที่เธอท่าทางของมันเหมือนราชสีห์ที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อที่สุด แต่มันเป็นสุนัขไม่ใช่ราชสีห์ และเธอก็กลัวสุนัขเป็นที่สุดในชีวิต ร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ ก้าวขาไม่ออก เหงื่อเม็ดโตๆ ผุดพราวตามไรผม มือเท้าเย็นเฉียบ และเหมือนหัวใจหยุดเต้นก่อนจะกรีดร้องสุดเสียงเมื่อภาพที่ห็นเห็นก่อนสติสุดท้ายจะระลึกได้ คือภาพเหมือนเจ้าสุนัขตัวใหญ่ยักษ์มันกระโจนเข้าหาเธอและแยกเขี้ยวคมใส่ราวจะขย้ำเธอให้แหลกเหลวด้วยคมเขี้ยวของมัน แล้วร่างเล็กๆ ของเธอก็อ่อนระทวยลงกับผืนทรายนุ่มพร้อมกับสติที่ดับวูบ...
