บทที่ 3 ต่อ 1
“ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเป็นใคร แต่อย่ามายุ่งกับคนรักของผม ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน” เหมันต์พูดจบก็เดินตึงๆ จากมาด้วยความเคืองขุ่น ริค ได้แต่มองตามแผ่นหลังแกร่งของคนที่เดินจากไปด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก จะเย็นชาก็ไม่ใช่จะสะใจก็ไม่เชิง ชายหนุ่มเพียงยกริมฝีปากบางสวยขึ้นคล้ายจะยิ้มนิดๆ อันเป็นกิริยาที่เขาทำมันเป็นประจำเท่านั้นที่ประดับใบหน้าหล่อเหลา แต่รอยยิ้มนั้นช่างดูมีลับลมคมนัยเหลือเกิน
เหมันต์ดินกลับมาที่บ้านก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นคนรักเดินลากกระเป๋าเดินทางใบหรูออกมาที่หน้าบ้านและการแต่งกายของเธอก็เหมือนกับคนที่เตรียมตัวพร้อมเดินทางอีกด้วย
“แอนนี่ นี่คุณกำลังจะไปไหน ไม่ได้นะมาร์คไม่ให้ไป” ชายหนุ่มขวางเอาไว้ไม่ให้เธอเดินลงเรือนจากไปเมื่อดูทีแล้วแอนนิต้ากำลังจะไปจากเขาแล้วจริงๆ
“ถอยไปค่ะมาร์คแอนนี่จะกลับแล้ว ไม่อยู่ที่นี่แล้ว” หญิงสาวสะบัดตัวหนีจากการเกาะกุมของร่างสูงใบหน้างามบูดบึ้งและพยายามสะบัดกายให้หลุดจากการเกาะกุมดึงรั้งของชายคนรัก ไม่สิ ตอนนี้เหมันต์ได้กลายเป็นอดีตไปแล้วสำหรับเธอต่างหากหญิงสาวคิดอย่างย่ามใจเมื่อนึกถึงที่หมายใหม่ในใจตน
“ถ้าแอนนี่โกรธเรื่องเมื่อว่านก่อนมาร์คขอโทษนะ แอนนี่ขอโทษมาร์ค ขอโทษ มาร์ครักแอนนี้นะ เรารักกัน”
“ไม่มีประโยชน์แล้วค่ะมาร์ค แอนนี่ตัดสินใจแล้วเราเลิกกันเถอะค่ะ แอนนี่ทนอยู่บนเกาะที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าผืนน้ำ ท้องฟ้า สายลมและแสงแดดไม่ได้หรอกค่ะ มันเงียบเหงาเกินไปและถ้าแอนนี่มัวแต่รอคุณให้คุณทำงานพัฒนาเกาะบ้าๆ นี่ของคุณ แอนนี่คงเฉาตายพอดี แล้วตอนนี้แอนนี่ก็ไม่ได้รักคุณแล้วมาร์ค” หญิงสาวบอกอย่างไม่กักเก็บกักความรู้สึกอีกต่อไป
“ไม่จริง ทำไมแอนนี่พูดแบบนี้ ทำไม เพราะไอ้หมอนั่นรึเปล่าแอนนี่ คุณเห็นว่าริครวยกว่าผมหรือแอนนี่ หรือเพราะอะไรกัน ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าที่พูดมาทั้งหมดคือความจริง แอนนี่ไม่รักมาร์คแล้ว แอนนี่รักคนอื่น” ชายหนุ่มถามอย่างปวดร้าวเมื่อได้ฟังคำตัดรอนจากคนรัก แววตาสี้น้ำเข้มบัดนี้ขุ่นมัวด้วยอารมณ์อันอ่อนไหว
“ใช่แอนนี่พูดความจริงค่ะ แอนนี่ไม่รักคุณแล้ว และ ริคเขาก็รวยกว่าคุณค่ะมาร์ค แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือแอนนี่ทนไม่ได้ที่จะมาอยู่ในที่ห่างไกลความเจริญ และไอ้ความคิดอนุรักษ์นิยมบ้าบอของคุณ วันๆ ขลุกอยู่กับลิงค่างอยู่แต่ในป่าในสวนไม่สนใจแอนนี่เลยว่าเหงามั้ยอยากไปเที่ยวรึเปล่า หรือแอนนี่อยากไปเดินห้างหรูไหม กินอาหารดีหรูๆ ในภัตคารระดับห้าดาวหรือเปล่า ที่นี่ไม่มีอะไรเลยสักอย่างมองไปทางไหนก็มีแต่ป่าๆๆ ท้องฟ้า กับทะเล แอนนี่ทนไม่ได้หรอกนะมาร์คหวังว่าคุณคงเข้าใจ” หญิงสาวตอบเป็นชุด ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่อยู่ในใจเธออยู่แล้วแล้วเธอก็สามารถพูดมันได้โดยไม่ต้องปรุงแต่งและไม่ติดขัดเมื่อต้องให้เหตุผลแก่เหมันต์
“แต่เมื่อก่อนแอนนี่บอกว่าชอบที่นี่และอยากจะอยู่ที่นี่กับมาร์ค”
“ใช่นั่นมันเมื่อก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมาอยู่ที่นี่ชั่วนานตาปีนี่นา แค่มาอยู่ช่วงพักผ่อนหรือมาฮันนีมูนแต่จะให้อยู่ตลอดไปเหมือนคุณแอนนี่ทนไม่ได้และไม่ทนหรอกนะจะบอกให้ ถอยไปค่ะแอนนี่จะไปแล้ว เดี๋ยว คุณริคจะรอนาน” หญิงสาวบอกย้ำชื่อชายหนุ่มอีกคน แล้วผลักอกชายหนุ่มแรงๆ ให้พ้นทางและเขาก็ยอมปล่อยเธอให้ผ่านไปโดยดี เพราะตอนนี้ทุกๆถ้อยคำที่หญิงสาวบอกมามันช่างเสียดแทงใจที่แข็งแกร่งให้ร้าวระบม
เกาะบ้าๆ น่าเบื่อ ที่ห่างไกลความเจริญ อนุรักษ์บ้าบอ ไม่มีห้างให้ชอปปิ้ง ไม่มีภัตคารหรูๆ อย่างนั้นหรือแค่นั้นหรือที่เธอต้องการแค่นั้นจริงๆ หรือ แล้วที่สำคัญคือเธอไม่รักเขาและเบื่อที่นี่อย่างนั้นหรือ ไหล่แข็งแกร่งที่เคยสง่าผึ่งผายห่อลู่ลงอย่างอ่อนแรงร่างสูงเซซังพิงเสาหินและมองดูร่างบางของหญิงสาวที่กำลังเดินจากไปช้าๆ ด้วยความรู้สึกที่ปวดปร่าเกินกว่าจะมีแรงวิ่งไปฉุดรั้งเธอ
ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองอยู่อย่างนั้น ขณะมองดูคนรักที่กำลังจะกลายเป็นอดีต ที่กำลังเดินตามสะพานไม้อันแข็งแรงที่ทอดตัวยาวสู่ท้องทะเลสีฟ้าใสงดงาม ในขณะดวงใจของเจ้าของเกาะแสนสวยนี้แหลกร้าว ที่ปลายสะพานมีเครื่องบินเจ็ทลำเล็กที่สามารถวิ่งบนผิวน้ำได้ติดเครื่องรออยู่จนผิวน้ำบริเวณนั้นเกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมไหวขยายวงกว้าง พร้อมกับชายหนุ่มผมสีทองสะท้อนแดดเจิดจ้ารออยู่ที่นั่นด้วย แม้เขาไม่อาจเห็นสีหน้าและแววตาของชายคนนั้นได้เพราะระยะทางที่ห่างเกินไปแต่เขารู้แน่ๆ ว่าผู้ชายคนนั้นคือ ริค เวลส์ อย่างแน่นอน
ร่างสูงถึงกับเข่าอ่อนเมื่อเครื่องบินเจ็ทลำหรูบินขึ้นเหนือน่านน้ำและกำลังเคลื่อนออกไปเรื่อยๆ ไกลออกไปทุกทีทุกที และเหมือนหัวใจของเขาจะบีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก และเหมือนมันมีน้ำอุ่นๆไหลออกมาจากดวงตาคมกล้า ชายหนุ่มนอนแผ่หมดท่าอยู่หน้าชานเรือนร่างกายแกร่งนอนนิ่งอยู่นานนับหลายชั่วโมงจนฟ้าที่สว่างไสว บัดนี้มีดวงดาวมาเยี่ยมเยือนแล้ว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มว่างเปล่า มีเพียงน้ำใสๆ ที่ไหลออกจากดวงตาและร่างกายที่สั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นไห้ในอกเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ มือหนาหยิบแหวนทองคำขาวที่ประดับเพชรเม็ดเล็กชูขึ้นแล้วมองดูประกายเพชรที่สะท้อนแสงจันทร์วับไหวอยู่ในความมืดด้วยดวงใจที่แตกร้าว
หากมีใครสักคนถามว่าหากเขารักแอนนิต้ามากมายขนาดนั้นทำไมไม่ฉุดรั้งและทำทุกวิถีทางให้เธออยู่กับเขาตลอดไป และทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนเรารักอยู่กับเรา เหมันต์คงตอบได้แต่เพียงว่าเขาทำไม่ได้ เพราะการที่เขารับรู้ว่าเธอหมดรักเขาแล้วมันก็เจ็บปวดมากมาย และหากเขาต้องทนอยู่กับคนที่หมดรักตนและต้องทนเห็นดวงตาที่มองมาด้วยความเย็นชาและไร้ซึ่งความรัก เขาเองก็คงทนไม่ได้ และเขารู้จักแอนนิต้าดีว่า หากว่าเธอพูดออกมาอยางนั้น นั่นก็หมายความว่ามันคือความต้องการของเธอ และใครก็ห้ามเธอไม่ได้ แม้แต่ตัวเขา
