8 งาน
“คุณแม่ขา ทำไมวันนี้เราถึงได้นั่งรถเมล์อีกแล้วล่ะคะ รถคุณแม่ไปไหน” เสียงเล็ก ๆ พูดออกมาด้วยความสงสัย เมื่อต้องมานั่งรถเมล์ที่มีคนเบียดเข้ามาอยู่ตลอด เธอไม่ชอบเอาเสียเลย มันทำให้เธอรู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนจะหายใจไม่ออก
“รถแม่เสียค่ะ พระพายไหวรึเปล่า” เหมือนพึ่งคิดอะไรได้ ชาลิสารีบหันไปถามลูกพร้อมกับมองสำรวจในทันที ลูกของเธอเป็นภูมิแพ้ เธอลืมไปได้อย่างไร และยิ่งตอนนี้เธอก็นั่งรถเมล์พัดลมอยู่ เพราะรถมันผ่านมาตอนที่เธอกำลังรอรถอยู่ เธอจูงมือลูกเดินขึ้นมาอย่างไม่คิดอะไร
ช่วงเวลาเลิกงานแบบนี้ คนเดินเบียดเสียดขึ้นมาเรื่อย ๆ ไหนจะฝุ่นควันอีก
“แม่ขอโทษ เดี๋ยวเราจะลงกันป้ายหน้า อดหน่อยนะคะ” ชาลิสาพูดบอกลูกด้วยความรู้สึกผิด ยิ่งเห็นผื่นแดงที่เริ่มขึ้นตามตัวลูก เธอก็ยิ่งร้อนใจ
“ค่ะ” ใบหน้าจิ้มลิ้ม พยักตอบ ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมาเกาจมูกเบา ๆ ด้วยความรู้สึกคันจมูก
“เก่งมากค่ะ” ชาลิสาพูดบอก ก่อนมือบางจะยกขึ้นพัดวีให้ลูก
“ใกล้ถึงหรือยังคะคุณแม่”
“ใกล้แล้วค่ะ” พูดพร้อมกับชะเง้อมองว่าใกล้ถึงป้ายหน้าหรือยัง และทันทีที่ถึงเธอก็รีบอุ้มลูกลงจากรถทันที
“นั่งก่อนค่ะ” ชาลิสาอุ้มลูกเดินมานั่งร้านกาแฟใกล้ ๆ ป้ายรถเมล์ เพราะคนที่ป้ายรถเมล์ตอนนี้ค่อนข้างเยอะ
“นี่ค่ะยา” หลังจากผละออกมาจากลูกสาวไม่ถึงสามนาที ชาลิสาก็กลับมาพร้อมน้ำและยาในมือ
“พระพายไม่อยากกินยา มันขม”
“ไม่ขมค่ะ กินยาแล้วก็กินขนมเค้ก แต่ถ้าไม่กินยาพระพายจะต้องไปหาคุณหมอนะ” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังขนมเค้กหน้าตาน่าทานในตู้
“พระพายไม่อยากไปหาคุณหมอ สัปดาห์หน้าก็จะมีกีฬาสี พระพายอยากเล่นกีฬากับเพื่อน” ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายไปมา
“ถ้าอย่างนั้นต้องกินยานะคะ”
“ถ้ากินยาพระพายจะไม่ต้องไปหาคุณหมอ แล้วพระพายจะได้กินเค้กด้วยใช่ไหมคะ
“ใช่ค่ะ”
“คุณแม่สัญญาแล้วนะคะ”
“ค่ะ” หลังจากแม่รับปาก เด็กหญิงก็ยอมกินยาที่แม่ยื่นให้
“เก่งมากค่ะ” หลังจากเห็นลูกกลืนยาไปแล้ว ชาลิสาก็เอ่ยปากชม ก่อนมือบางจะยกขึ้นลูบหัวลูกเบา ๆ อย่างลูกสึกผิด
“แม่ขอโทษนะคะ ที่ทำให้หนูเจ็บ” ดีที่เธอพกยาแก้แพ้ของลูกติดตัวไว้ตลอด เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนี้เธอลืมหยิบยาใส่กระเป๋าจะเกิดอะไรขึ้น
“พระพายไม่เป็นไรแล้วค่ะ” เด็กหญิงว่าเสียงสดใส ก่อนจะฉีกยิ้มให้ผู้เป็นแม่
“เรากินเค้กกันเลยได้ไหมคะ พระพายหิวแล้ว”
“ได้สิค่ะ”
“พระพายรักคุณแม่ที่สุดเลย”
...
ด้านภรัณยูหลังจากออกจากโรงพยาบาลมา เขาก็มาหาดื่มเงียบ ๆ คนเดียว คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคน ซึ่งใครคนนั้นก็คือคนที่อยู่ในความคิดของเขาอย่างน่าหงุดหงิด
“สวัสดีค่ะทันประธาน”
“มีอะไรรึเปล่าคะ” เขาเงียบฟังเธอครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไป
“ถ้าไม่มีอะไรฉันวางสายแล้วนะคะ”
“ผมลืมเอกสารไว้ที่บริษัท ช่วยเข้าไปเอาให้ผมที”
“แต่นี่มันจะสามทุ่มแล้วนะคะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม” ว่าจบก็กดวางสายในทันที ก่อนจะกระตุกยิ้มเบา ๆ ที่มุมปาก
กลับมาที่คนที่ถูกเรียกใช้งานกลางดึก ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ กำลังจะพาลูกสาวเข้านอนแล้วแท้ ๆ
“เรียกใช้ได้ทุกเวลางั้นหรอ อิตาบ้า ดึก ๆ แบบนี้ใครเขาใช้งานกันขี้ลืมนักก็ไปเองสิ” ปากก็ได้แต่บ่นใส่โทรศัพท์ แต่ก็ไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับเพื่อไปหยิบเอกสารที่เขาว่า
“มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เด็กหญิงที่เดินตามออกมาจากห้องน้ำเห็นแม่ดูอารมณ์เสียจึงเอ่ยถาม เพราะตอนอาบน้ำด้วยกันยังดี ๆ อยู่เลย
“พอดีว่าเจ้านายแม่ให้ไปเอาเอกสารที่บริษัทให้น่ะค่ะ” เธอบอกลูกไปตามจริง
“พระพายอยู่คนเดียวได้ไหมคะ แม่จะรีบไปรีบกลับ”
“พระพายไปกับคุณแม่ได้ไหมคะ พระพายไม่อยากอยู่คนเดียว”
“ได้ค่ะ” คุณแม่คนสวยตอบรับในทันทีหลังจากเห็นสายตาอ้อนวอนของลูกสาว
แต่ก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมเอาหน้ากากอนามัยมาสวมให้ลูกสาว เพื่อป้องกันฝุ่นควันจากด้านนอก เนื่องจากเธอจะต้องนั่งรถแท็กซี่ไป และการใส่หน้ากากอนามัยก็ยังป้องกันเหตุสุดวิสัยที่จะทำให้เขาเห็นหน้าลูก
“คุณแม่ทำงานที่นี่หรอคะ”
“ใช่ค่ะ” จบคำตอบรับ ก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า พอเปิดดูก็เป็นที่อยู่ของเขา อ่านจบก็ยิ่งรู้สึกคุ้น
“เรารีบเข้าไปเอากันดีกว่า จะได้รีบกลับบ้านไปนอน” คุณแม่คนสวยพูดบอกลูกสาว ก่อนจะจูงมือกันเดินเข้าบริษัท แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไป ก็มีรปภ.เรียกไว้เสียก่อน
“คุณชาลิสาเลขาของบอสใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“พอดีบอสเอ่อคุณศิวัชรน่ะครับ ฝากเอกสารนี่ไว้ให้คุณ”
“ศิวัชรหรอคะ?”
“คุณศิวัชรเป็นมือขวาของบอสครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ยินดีครับ”
หลังจากได้เอกสารและที่อยู่แล้ว ชาลิสาก็พาลูกไปตามที่อยู่ของภรัณยูทันที และทันทีที่มาถึง ความสงสัยเกี่ยวกับที่อยู่ที่มีตลอดทางก็หายไป เมื่อคอนโดหรูตรงหน้าเป็นที่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยมากับเขา คอนโดที่เขาเคยพูดบอกว่าพ่อกับแม่เคยซื้อให้เป็นของขวัญ และคอนโดนี้ก็ยัง...
“กรจะพาฟางไปไหนหรอ”
“ไปคอนโด”
“หืม? ลูกค้าให้กรช่วยดูคอมให้ถึงคอนโดเลยหรอ”
“เปล่า”
“แล้วไปคอนโดทำไมอะ”
“คอนโดกร”
“หา!” ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจในทันที แล้วพอดีกับที่รถมอเตอร์ไซต์คู่ใจมาจอดอยู่หน้าคอนโดขนาดใหญ่กลางใจเมือง ก็ยิ่งทำให้เธอตาโต เธอเองก็มีคอนโด แต่ตรงหน้านี้ใหญ่กว่าเธอมาก
“เข้าไปก่อนเดี๋ยวกรเล่าให้ฟัง” ว่าแล้วก็จับจูงมือแฟนสาวเข้าไปในทันที
“ฟางว่าถ้ากรอยากอยู่คอนโดเราไปอยู่คอนโดฟางก็ได้ ที่นี่มันใหญ่เกินไป ค่าเช่าคงแพงน่าดู ฟางไม่อยากให้ก่อนทำงานหนัก ฟางเป็นห่วง อีกอย่างห้องเช่าที่เราเช่าอยู่ด้วยกันฟางมันก็พออยู่ได้ แถมที่นี่ก็ไกลจากมหาลัยเรามากด้วย” ทันทีที่เขาพาเดินดูจนทั่วแล้วพามานั่งเล่นบนโซฟา เธอก็พูดบอกเขาในทันที
“ถ้าเรามาอยู่ที่นี่เราไม่ต้องเช่า นี่เป็นคอนโดกรจริง ๆ ฟางไม่เชื่อกรหรอ” เขาถามยิ้ม ๆ
“กรไปเอาเงินมาจากไหน ไม่ได้แอบเล่นพนันแล้วมาซื้อใช่ไหม” ดวงตากลมสวยหรี่มองอย่างจับผิด
“เห็นกรเป็นคนอย่างไงเนี่ย หืม” มือหนายืนไปบีบจมูกรั้นของแฟนสาวอย่างเอ็นดู
“ก็กรทำงานส่งตัวเองเรียน แล้วก็เลี้ยงดูฟางอีก กรจะไปเอาเงินจากไหนมาซื้อคอนโด” เธอพูดไปตามความจริง ก่อนจะส่งสายตาจริงใจให้เขา ให้เขารับรู้ว่าที่เธอพูดเธอไม่ได้ดูถูกเขาแต่อย่างไร
“คอนโดนี้พ่อซื้อให้กร ซื้อให้กรตอนกรอยู่ ม.4 ก่อนที่ท่านจะเสีย...” เสียงทุ้มเริ่มเล่าเรื่องราว ก่อนจะเล่าย้อนไปตั้งแต่บริษัทไอทีที่พ่อทำ เล่าเกี่ยวกับครอบครัวบ้างเล็กน้อย ก่อนจะปิดท้ายด้วยอุบัติเหตุที่ทำให้เขาต้องเสียพ่อแม่ไป ก่อนที่ลุงที่เป็นผู้จัดการมรดกจะฮุบเอาทรัพย์สมบัติและบริษัทที่ควรจะเป็นของเขาไป
เขาก็เลยต้องดิ้นรนสอบชิงทุน เข้าเรียนมหาลัยด้วยตัวเอง ไม่อยากไปขอร้องคนพันนั้นอีก แต่ถึงพูดเขาก็เชื่อว่าลุงจะไม่ให้ความช่วยเหลือ แล้วเหยียบเขาซ้ำ
โชคดีที่เขามีเงินติดบัญชีค่อนข้างมาก เวลาพ่อแม่ให้เงินเขาก็ไม่ใช่คนใช้เงินเก่งอะไรอยู่แล้ว จึงมีเงินเก็บให้ได้ใช้จ่าย ใช้ชีวิตไม่ลำบากอะไร แต่ที่เขาทำงานก็เพราะอยากเก็บเงินให้ได้มาก ๆ เพื่อที่จะได้เปิดบริษัทเป็นของตัวเอง อีกอย่างถ้าลุงยังไม่เห็นเขาลำบาก ลุงก็จะไม่หยุดยุ่งวุ่นวายกับเขา
“ที่แท้ฟางก็มีแฟนเป็นลูกเศรษฐีหรอเนี่ย” เธอว่าติดตลก เพื่อทำลายบรรยากาศที่เศร้าหมอง
“หึ ลูกเศรษฐีตกอับล่ะสิไม่ว่า”
“ไม่เห็นจะต้องสนใจเลย กรที่เป็นกรแบบนี้ฟางก็รักมาก ๆ แล้ว”
“ส่วนบริษัท ฟางจะช่วยกรเก็บเงินด้วย กรว่าฟางทำงานพาสไทม์กับกรด้วยดีรึเปล่า”
“ไม่ดี กรไม่อยากให้ฟางเหนื่อย” เขาตอบโดยไม่ต้องคิดเลย
“ฟางอยากช่วยกร จะให้กรเหนื่อยคนเดียวได้ไง”
“เอาแบบนี้ดีกว่า หลังเลิกเรียนฟางไปทำงานพาร์ทไทม์กับกร ตอนกลางคืนกรก็เขียนโปรแกรมของกรไป ส่วนกับข้าวเดี๋ยวฟางจัดการเอง ตกลงตามนี้” เธอพูดรวบรัดเอาเสร็จสับ นอกจากเขาทำพาร์ทไทม์แล้วเขาก็รับจ้างเขียนโปรแกรมด้วย แต่เขาก็แบ่งเวลาให้เธอได้อย่างดีเยี่ยม เพราะงั้นเธอจะช่วยเขาทำงาน และทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้เขากินเป็นการตอบแทน
“ไม่ตกลงได้รึเปล่า กรไม่อยากให้แฟนกรเหนื่อย”
“ไม่ได้” เธอพูดพร้อมกับเอามือไปจับที่หน้าเขาส่ายไปมาเบา ๆ ก่อนจะเผลอสบตากันในที่สุด บรรยากาศรอบตัวหยุดนิ่ง ก่อนที่จะเป็นชายหนุ่มที่ค่อย ๆ โน้มหน้าเข้าหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก
ริมฝีปากหนากดลงบนริมฝีปากบางของเธอแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ บดคลึงริมฝีปากบาง เขาทำทุกอย่าง อย่างใจเย็น ค่อย ๆ ละเมียดชิมความหอมหวานจากโพรงปากนุ่ม ลิ้นร้อนค่อย ๆ ลุกล้ำ ให้เธอเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบ ไม่ผละหนีไปไหน
“ขอกรนะ” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอกแฟนสาว โดยที่ใบหน้านั้นห่างกันไม่ถึงคืบ ส่วนคนถูกถามก็หน้าแดงก่ำ พยักหน้าตอบรับอย่างไม่คิดที่จะปฏิเสธ
เมื่อความรักเริ่มผลิบาน บทรักครั้งแรกระหว่างเขาและเธอจึงเริ่มต้นขึ้น
