หวนรักเพื่อนสนิท With Benefits

106.0K · จบแล้ว
เทียนเหอ
84
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘ถ้าเป็นแฟนกันเดี๋ยวก็เลิก…เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า’ *************** “หยุดนะกิตต์ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้!” อัณณิการ้องห้ามพร้อมกับผลักเขาเต็มแรง ทรวงอกของเธอสะท้อนขึ้นลงเพราะยังเหนื่อยกับการจูบ ส่วนมือเล็กสองข้างยึดผ้าเช็ดตัวไว้แน่น ไม่อยากให้ตัวเองเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา แม้จะคุ้นเคยกันมาก่อนก็ตาม “เข้ามาในบ้านได้ยังไง!” “กุญแจบ้านซ่อนไว้ที่เดิม กิตต์ก็แค่ไขเข้ามา” ดนัยกิตต์ขยับไปหาร่างบางที่ยังตกใจไม่หาย แต่เจ้าตัวกลับถอยหนีไปอีกก้าว “กิตต์ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเรานะ!” ดนัยกิตต์ได้ยินเช่นนั้นจึงยกมือสองข้างเป็นเชิงว่าจะไม่ทำอะไรต่อ ก่อนหยิบเสื้อที่ถอดทิ้งมาสวมให้เรียบร้อยทั้ง ๆ ที่ข้างล่างอึดอัดแทบระเบิด “แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เธอถามขณะหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับ “ก็…มาทันได้เห็นน้องณดาเป่าเค้ก” ดนัยกิตต์เอ่ยเสียงเรียบ หย่อนตัวนั่งบนเตียงด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่ข้างในร้อนรุ่มโกรธเคืองที่ถูกปิดบังเรื่องที่ควรรู้เป็นคนแรกมานานหลายปี “กิตต์…” อัณณิกาไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร “ห้าปีก่อนขวัญกลับมาที่ไทย ขวัญโทรไปเล่าให้กิตต์ฟังว่าเห็นอ้อนที่ซูเปอร์ อ้อนกำลังท้องและมากับไอ้ป้อง กิตต์เลยเข้าใจผิด คิดว่าอ้อนมีลูกกับมัน ทั้ง ๆ ที่ความจริง…ณดาคือลูกสาวของกิตต์ แล้วก็ไม่ต้องปฏิเสธเลยนะ พ่อกับแม่บอกกิตต์หมดแล้ว ว่าอ้อนขู่ว่าจะพาลูกหนีถ้าเอาเรื่องนี้มาบอกกิตต์” “ตอนนั้นเราไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ” “กิตต์เข้าใจนะว่าตอนนั้นกิตต์บอกว่าคบกับขวัญ แต่กิตต์ก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ มีสิทธิ์ที่จะได้ทำหน้าที่พ่อ แต่อ้อนคงเกลียดกิตต์มากสินะ เพราะนอกจากจะไม่บอกแล้ว อ้อนยังตัดกิตต์ออกจากชีวิตด้วย” ดนัยกิตต์ยั่วยุเธอเพื่อให้ได้คำตอบและมันก็ได้ผลดีเกินคาด “พอแล้วกิตต์! ที่เราบล็อกทุกทางก็เพราะต้องการตัดใจไง! แค่นั้นแหละ! เราไม่ได้เกลียดหรือว่าอะไรทั้งนั้น!” “ตัดใจ? แสดงว่าที่ผ่านมา อ้อนรักกิตต์งั้นเหรอ?” ชายหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะโง่ถึงขั้นมองไม่ออกว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาเข้าใจคำว่ารักช้าหน่อยก็เท่านั้น “กิตต์เองก็…” “เคยรัก! แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบไปแล้ว เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับกิตต์แล้ว!”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันตลกนางเอกเก่งรักหวานๆดราม่าผู้ชายอบอุ่นนักศึกษาฟินๆ

บทที่ 1

เสียงหวานทักทายเจ้าของบ้านดังขึ้นในเวลาเจ็ดโมงเช้า ตามด้วยเสียงชื่นชมลูกสาวเพื่อนบ้านว่าน่ารักไม่เปลี่ยน ก่อนบ่นอุบถึงลูกชายจอมขี้เกียจที่กลับมาบ้านในช่วงวันหยุดยาว แต่กลับไม่ทำอะไรให้คนเป็นพ่อแม่ได้ชื่นใจ

“ฝากด้วยนะหนูอ้อน ป้าพยายามแล้ว แต่กิตต์ก็เหมือนเดิม ไม่ยอมตื่นจนกว่าหนูอ้อนจะมาปลุก” คนเป็นแม่กล่าวจบก็ตะโกนเรียกลูกที่ยังนอนหลับอุตุไม่รู้เรื่อง สุดท้ายก็ถอดใจและหันไปเร่งสามีให้รีบลากกระเป๋าออกจากบ้านเพราะถ้าช้ากว่านี้คงได้ตกเครื่องอย่างไม่ต้องสงสัย

“คุณป้าไม่ต้องห่วงกิตต์นะคะ เดี๋ยวอ้อนจัดการเอง”

อัณณิกายกมือไหว้ลาสองสามีภรรยาที่กำลังจะออกเดินทางไปยังสนามบิน ทั้งคู่มีประชุมงานที่จังหวัดเชียงใหม่และต้องจากบ้านไปหลายวัน จึงฝากฝังให้เพื่อนบ้านที่สนิทกันดีช่วยดูแลลูกชายให้ยังตื่นขึ้นมากินข้าวกินน้ำบ้าง ไม่ใช่นอนดูซีรีส์ยาวจนถึงวันที่ต้องกลับไปฝึกงาน

เมื่อส่งบิดามารดาของเพื่อนสนิทแล้ว อัณณิกาก็เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน วันนี้เป็นช่วงวันหยุดยาวก็จริง แต่เธอนัดสาว ๆ ในกลุ่มไว้ว่าจะไปคาเฟ่ร้านประจำ ใช้เวลาด้วยกันตามประสาเพื่อนเพราะอีกไม่นานก็จะเรียนจบและแยกย้ายกันไปคนละทาง แต่ดูเหมือนคนขับรถกิตติมศักดิ์ของเธอจะไม่คิดแบบเดียวกัน

“ตื่นได้แล้วกิตต์ เรานัดเพื่อน ๆ ไว้นะ จำไม่ได้เหรอ”

“ไม่เอาอะ ไม่อยากตื่น…” คนขี้เซาพึมพำ

“ถ้าไม่ตื่น คืนนี้เราไม่มาดูหนังเป็นเพื่อนนะ” หญิงสาวขู่เสียงเรียบ รู้ดีว่าเพื่อนชอบหรือไม่ชอบอะไร “แล้วก็จะไม่ให้แม่ทำกับข้าวเผื่อ อยากกินก็ไปซื้อแกงถุงป้าแมวหน้าซอยกินเอง ว้าย!”

อัณณิกาขู่ยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกเจ้าของร่างสูงเหวี่ยงตัวขึ้นคร่อมด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บอกชัดว่าเขาตื่นนานแล้ว แต่ที่ยังนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มก็เพราะอยากทำเรื่องเอาแต่ใจ

ดนัยกิตต์ชอบเอาแต่ใจ…

“ไม่เล่นนะกิตต์ วันนี้มีนัด ลืมแล้วหรือไง”

“แต่กิตต์อยากอะ ไม่ได้ทำตั้งนาน เมื่อคืนก็ได้แค่รอบเดียว”

ดนัยกิตต์ฉีกยิ้มกว้างให้กับคนที่ทำหน้ามุ่ย ไม่สนว่าเธอจะดีดดิ้นปฏิเสธเพราะสุดท้ายคนที่เรียกร้องอยากได้มากขึ้นก็คือตัวอัณณิกาเอง เมื่อเธอทำหน้าดุ ๆ ใส่เขาจึงตอบโต้ด้วยการสอดมือเข้าไปใต้กระโปรงตัวสั้น พร้อมกับกระซิบขู่ว่าถ้าไม่อยู่นิ่ง ๆ ชุดของเธอก็จะยับและต้องเสียเวลารีดอีกนาน

“พอเลยนะกิตต์! เมื่อคืนเราก็เกือบกลับบ้านช้าเพราะกิตต์เอาแต่ใจตัวเอง วันนี้เราไม่ยอมจริง ๆ ด้วย!” อัณณิกายังคงดุไม่เลิก ทั้งยังฟาดและข่วนแขนอีกฝ่ายแรงจนแสบผิว

“ถ้าไม่หยุด เราจะไม่คุยด้วยแล้วนะ!”

ไม่แน่ใจว่าเพราะคำขู่หรือแรงฟาดที่ทำให้ดนัยกิตต์ยอมหยุด เขาปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ลุกออกจากเตียงและเสยผมเร็ว ๆ ท่าทางดูคล้ายกับนายแบบจากนิตยสาร โดยเฉพาะส่วนสูงและมัดกล้ามที่ได้จากการเล่นกีฬาอย่างหนัก ยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์จนสาว ๆ มองกันตาละห้อย แต่แปลกที่เจ้าตัวไม่เคยมองหรือมีทีท่าสนใจใครเลยแม้แต่คนเดียว

“ลุกแต่แรกก็จบเรื่อง ไม่ต้องถูกเราตี” อัณณิกาเห็นอีกฝ่ายเงียบไปจึงกังวล ต้องแสร้งเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเธอเองก็รู้สึกแย่ที่ทำผิวขาว ๆ เป็นรอย

“ตั้งแต่ไอ้ป้องมาจีบเนี่ย อ้อนไม่ตามใจกิตต์เลยนะ หรือว่าอ้อนจะคบกับมันจริง ๆ กิตต์จะได้ถอยตามที่เราตกลงกันไว้…”

ดนัยกิตต์เอ่ยเสียงแข็ง มือใหญ่คว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมเข้าไปอาบน้ำโดยไม่มองคนที่ทำให้น้องชายของเขาเกรี้ยวกราดและสงบลงได้ในระยะเวลาอันสั้น ต่างแค่ครั้งนี้มันสงบเนื่องจากความโกรธ ไม่ใช่เพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างที่เคย “อ้อนยังจำได้ใช่ไหม ที่ว่าถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากคบใครจริงจังก็ให้บอก เราสองคนจะได้หยุด เอ่อ นอนด้วยกัน”

“กิตต์…” อัณณิกาไม่เคยมีความคิดว่าจะคบหาใคร แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ใจหาย รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว “เราไม่ได้จะคบกับป้องสักหน่อย กิตต์นั่นแหละ เมื่อวานตอนบ่ายได้ข่าวว่าไปดูหนังกับสาวมา มีอะไรที่เราต้องรู้หรือเปล่า”

“ไปกันหลายคนน่ะ ไม่ได้มีใครพิเศษ ก็กิตต์ชวนอ้อนแล้ว แต่อ้อนบอกว่าติดธุระกับอาจารย์”

“ก็เรื่องขอทุนไปเรียนต่อนั่นแหละ ที่เราหาข้อมูลมาให้กิตต์สมัครด้วยกันไง” อัณณิกาอธิบายเสียงแผ่ว ทว่าคนขี้งอนกลับทำเพียงพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจอย่างขอไปทีก่อนขอตัวไปอาบน้ำ และเธอไม่มีวันยอมรับความเย็นชานั้นได้

จากที่บอกว่าไม่ได้ ไม่ยอม เดี๋ยวไปเจอเพื่อนช้า หญิงสาวกลับไม่สนใจแล้วว่าเพื่อน ๆ ที่นัดไว้จะรอนาน เพราะคนที่ตัวเองแคร์มากที่สุดยืนอยู่ห่างแค่ประตูห้องน้ำกั้นและเธอรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไรให้เขาหายงอแง

อัณณิกาเดินไปล็อกประตูห้องนอนเพื่อความไม่ประมาทแม้ว่าจะไม่มีใครอยู่บ้านแล้ว ก่อนค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าและแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ เมื่อร่างกายเปลือยเปล่าจึงตามไปสมทบกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้ยิ้มไม่หุบ

“ห้ามทำผมเราเปียกนะ”

“เพื่อนใครเนี่ย น่ารักที่สุดเลย!”

ใช่แล้ว…ดนัยกิตต์กับเธอเป็นแค่ ‘เพื่อนสนิท’ กันเท่านั้นเอง