บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ซุนฮองเฮา

สายลมพัดพาเสียงกรีดร้องและเสียงการต่อสู้ดังเข้าไปถึงตำหนักเยี่ยนหนิงที่พำนักของซุนฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเฉียน บรรดานางข้าหลวงและบรรดาขันทีภายในตำหนักต่างก็พากันหาวิธีหลบหนีออกไปจากที่นี่ มีเพียงซุนฮองเฮาเพียงเท่านั้นที่ยังคงยืนประทับนิ่งจ้องมองความวุ่นวายด้านนอกด้วยสายพระเนตรที่เย็นชา

“ต่อสู้ดิ้นรนแก่งแย่งชิงดีมาจนได้นั่งครองตำแหน่งนี้แค่เพียงสามเดือน ข้ายังไม่ทันได้มีเวลาชื่นชมกับความสำเร็จของตนเองเลย แต่ท่านกลับทำลายความพยายามทั้งหมดของข้าไปเสียจนหมดสิ้น ท่านเสนาบดีเยว่ท่านไม่คิดถึงความสัมพันธ์แต่เก่าก่อนพวกเราบ้างเลยหรือ ถึงอย่างไรข้าก็เคยเป็นญาติผู้น้องต่างสกุลที่เติบโตขึ้นมาภายในจวนของท่าน ท่านคงจะไม่ได้ลืมเลือนเรื่องนี้ไปกระมัง”

ซุนฮองเฮาทรงตรัสแล้วหันพระวรกายกลับมาทอดพระเนตรบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพระนางด้วยสีพระพักตร์อันสงบนิ่ง บุรุษตรงหน้ามีรูปร่างสูงโปร่งทั่วทั้งร่างฉาบไปด้วยความเย็นชาจนหนาวเหน็บ สายตาที่ใช้จ้องมองพระนางนั้นคมกริบประดุจคันศรทำให้พระนางต้องกำพระหัตถ์แน่นเพื่อลดทอนความหวาดหวั่นในพระทัย

“ย่อมจะไม่มีทางลืม จวนสกุลเยว่ของข้าสั่งสมคุณงามความดีมาหลายร้อยปีมีเพียงเจ้าที่ทำให้สกุลเยว่ของข้าต้องด่างพร้อย” คำพูดประโยคนี้ทำให้พระนางถึงกับแย้มพระสรวลออกมาด้วยความเย้ยหยัน

“ต้องขอบคุณสกุลเยว่ที่ให้ที่อยู่ที่กินและมอบความรู้ความสามารถให้แก่ข้า รวมไปถึงความทะเยอทะยานอันไร้ขีดจำกัดของข้าด้วย” คำพูดประโยคนี้ทำให้เยว่ซื่ออันส่ายศีรษะในทันที

“ความทะเยอทะยานเป็นเรื่องดี แต่ความภักดีต่อปวงประชาก็เป็นเรื่องสำคัญ เจ้าทะเยอทะยานเพื่อตนเองใช้เล่ห์กลสารพัดบีบบังคับให้ผู้อื่นต้องทำงานให้ รวมไปถึงล่อลวงและวางยาทำร้ายฝ่าบาทเพื่อจะได้รวบรวมพระราชอำนาจมาอยู่ในมือ เรื่องที่เจ้าทำเหล่านี้ก็เพียงเพื่อตอบสนองความทะยานอยากของตัวเจ้าเอง ซุนเจียอีในเรื่องความทะเยอทะยานจนทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้จวนสกุลเยว่ของข้าไม่ได้สอนเจ้า” คำพูดประโยคนี้ของเยว่ซื่ออันทำให้นางพลันหัวเราะออกมา

“สตรีตัวเล็กๆ ที่เข้ามาขออาศัยในจวนของพวกท่าน หากไม่รู้จักปรับตัวและเอาตัวรอดก็คงจะต้องถูกเหยียบย่ำไปชั่วชีวิต ข้าผู้นี้นับว่าโชคดีที่ได้มีความรู้ความสามารถติดตัว ดังนั้นข้าย่อมไม่มีทางยินยอมเป็นเศษดินเศษหญ้าอยู่ก้นจวนสกุลเยว่อยู่แล้ว”

“เศษดินอยู่ก้นจวนหรือ เจ้าน่ะหรือเศษดิน ท่านแม่ของข้าดูแลเจ้ามาเป็นอย่างดีไม่ต่างจากน้องสาวต่างมารดาของข้าเลย มีเพียงเจ้าที่หลอกใช้ความรักความเอ็นดูของนางเป็นเครื่องมือในการผลักดันตนเองจนสามารถแต่งเข้าราชวงศ์ได้ เจ้าคงจะไม่รู้แม้แต่ยามนี้ท่านแม่ของข้าก็ยังคงเฝ้าร้องขอให้ข้าช่วยชีวิตของเจ้าให้ได้ แล้วเจ้าเล่าในใจของเจ้าเคยคิดถึงท่านแม่ของข้าบ้างหรือไม่” คำพูดของเยว่ซื่ออันทำให้ดวงเนตรอันงดงามพลันแดงก่ำและมีหยาดน้ำตาไหลลงมา

“ข้าย่อมคิดถึงนางมากกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว ในโลกใบนี้มีเพียงท่านป้าที่รักและหวังดีต่อข้า เสียดายก็แต่ว่าข้าไร้วาสนาที่จะได้ตอบแทนพระคุณของนางแล้ว”

“กบฏซุนเจียอี เจ้าอย่าได้เอ่ยออกมาให้มากความเลย ยามนี้คนของเจ้าล้วนถูกจับกุมและถูกฆ่าตายไปจนหมดสิ้นแล้ว” คำพูดของบุรุษตรงหน้าทำให้ซุนฮองเฮาทรงส่ายพระพักตร์ในทันที

“คำก็กบฏ สองคำก็กบฏ แม้จะเป็นเวลาแค่เพียงสั้นๆ แต่ข้าก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาอย่างถูกต้อง ยามนี้ฝ่าบาททรงประชวรท่านจะมายัดเยียดข้อหากบฏให้แก่ข้าเช่นนี้ไม่ได้”

“เหตุใดจะไม่ได้เล่าหลักฐานทุกอย่างล้วนอยู่ในมือของข้าแล้ว” เยว่ซื่ออันเอ่ยพลางดึงโถยาใบเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อสีพระพักตร์ของซุนฮองเฮาจึงได้พลันซีดเผือด

“เป็นท่านนั่นแหละที่ก่อกบฏ ข้าจะป่าวประกาศให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าเยว่ซื่ออันต่างหากที่คิดกบฏ” ซุนฮองเฮาทรงตรัสออกมาแล้วก็วิ่งผ่านหน้าของเยว่ซื่ออันไปแต่เขากลับเหนี่ยวรั้งพระนางเอาไว้แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน

“อย่าได้คิดสร้างความวุ่นวายเพิ่ม คมดาบล้วนไม่มีตา ยามนี้ฝ่าบาททรงสิ้นพระชนม์แล้วผู้ที่จะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาทมีเพียงหลี่เหวินหลงโอรสของอดีตองค์รัชทายาทเพียงเท่านั้น” คำพูดประโยคนี้ทำให้ซุนฮองเฮาทรงทรุดพระวรกายลงในทันที

“สิ้นแล้วหรือ ทรงสิ้นพระชนม์ได้อย่างไรเมื่อหัวค่ำข้ายังไปตรวจพระอาการด้วยตนเองอยู่เลย”

“อย่าได้เสแสร้งอีกเลย ยานี้คือยาพิษที่เจ้าถวายฝ่าบาทมิใช่หรือข้าตรวจดูแล้วล้วนเป็นตัวยาที่มีพิษทั้งสิ้น”

“ข้าไม่ได้เสแสร้งฝ่าบาทได้รับพิษจริงแต่ยาที่ข้าถวายเป็นแค่เพียงการรักษาด้วยการใช้พิษต้านพิษเพียงเท่านั้น” พระนางทรงตรัสพลางหลั่งน้ำพระเนตรออกมา

“ข้าไม่ได้คิดที่จะปลงพระชนม์ฝ่าบาท อย่างน้อยในช่วงที่ฝ่าบาทยังทรงไม่มีพระโอรสมาสืบทอดราชบัลลังก์ข้าก็ไม่มีทางคิดร้ายต่อฝ่าบาทแน่ เยว่ซื่ออันเรื่องนี้ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว”

“จะเข้าใจผิดหรือไม่แค่สอบสวนก็รู้แล้ว พวกเจ้านำตัวนางไปสอบสวน” เยว่ซื่ออันหันไปเอ่ยกับคนของตนแต่ซุนฮองเฮากลับส่ายพระพักตร์

“ไม่ต้อง! ไม่ต้องสอบสวนข้าหรอกในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วข้าก็ไม่คิดจะฝืนชะตาของตนเองอีกต่อไปแล้ว” เมื่อตรัสจบก็ทรงดึงปิ่นประดับผมทางด้านหลังออกมา

“เจ้าจะทำสิ่งใด” เยว่ซื่ออันเอ่ยพลางก้าวเข้าไปยื้อแย่งปิ่นกับพระนาง แต่ซุนฮองเฮากลับหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยกับเขาด้วยนำเสียงที่ได้ยินกันแค่เพียงสองคน

“ญาติผู้พี่หากข้าจะต้องตาย ข้าก็ขอตายในฐานะฮองเฮาแคว้นต้าเฉียนได้หรือไม่” ถ้อยคำประโยคนี้ทำให้เยว่ซื่ออันพลันนิ่งงันไป พระนางจึงได้กดสลักที่ด้ามปิ่นแล้วใช้ด้านที่มีปลายแหลมคมแทงเข้าไปที่หน้าอกของตนเอง

“เจียอี!” เสียงเรียกของเยว่ซื่ออันดูเหมือนว่าจะล่องลอยมาจากสถานที่อันห่างไกล ความเจ็บปวดจากยาพิษที่ปรุงเองทำให้พระนางได้แต่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วสุดท้ายสติของพระนางก็พลันดับมืดไป…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel