โชคชะตา 3
“นั่นใคร” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยเธอเคยอ้อนวอนขอให้มีชีวิตด้วยเหรอ แต่ทว่าเสียงนั้นยังคงพูดต่อ
“เจ้ารู้แต่เพียงว่ายังคงมีใครบางคนเฝ้าอ้อนวอนขอให้เจ้าตื่นขึ้นมาในทุกคืนวัน ตัวข้าแม้นจะเป็นเทพผู้ชี้ชะตาแต่ก็ทนถูกคนผู้นั้นเฝ้าอธิษฐานจิตอยู่ทุกวี่วันจนข้ามิอาจปล่อยไปได้ จึงต้องมาเร่งรับตัวเจ้ากลับไป”
ตาแก่นี่พูดอะไรเธอไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วใครบางคนคือใครกัน? เธอก็เพิ่งอกหักมาคนที่เธอรักนอกใจเธอถึงขนาดนี้จะมีใครมาเฝ้าอธิษฐานจิตรอเธออยู่อีก บ้าไปแล้วแน่ ๆ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ไถ่ถามอะไรให้มากความ แสงสว่างจ้าวูบหนึ่งก็พุ่งเข้ามายังใบหน้าของเธออย่างเต็มแรง ภาพความจำเมื่อครั้งอดีตไหลเวียนเข้ามาในหัว จวบจนวันที่ตัวเธอในอดีตกับครอบครัวถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏและวางแผนฆ่าสตรีผู้หนึ่งซึ่งเป็นชายารองของสามี ทำให้เธอและครอบครัวต้องโทษประหารชีวิตทั้งตระกูล
เมื่อจำอดีตได้หลินฟางถึงกับนิ่งอึ้งทรุดตัวลงไปกับพื้น เรื่องราวหนักหนาถึงเพียงนี้จะให้เธอกลับไปทำไมอีก
“ท่านเทพผู้ชี้ชะตาโปรดเมตตา ฉันไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายอีกแล้ว ขอร้องอย่าส่งฉันกลับไปเลย” หลินฟางร้องไห้อ้อนวอนแต่เสียงทุ้มแหบนั้นกลับพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
“อดีตสามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวของเจ้าเอง”
“แก้ไขเหรอ...แก้ไขอย่างไร?”
“ไปได้แล้ว!”
“เดี๋ยวสิ! บอกฉันมาก่อน…”
วูบ
สิ้นเสียงของชายชราผู้นั้นก็เกิดลมแรงวูบหนึ่งราวกับคนผู้นั้นเพียงใช้มือโบกเบา ๆ สติของหลินฟางก็ดับวูบไป
แสงแดดรำไรยามเช้าตรู่ สาดส่องผ่านม่านหน้าต่างสีขาวบางเบาพลิ้วไหวกระทบเข้ากับใบหน้าขาวเนียนดุจหิมะของหมิงหลิ่งฟางที่นอนอยู่บนเตียงไม้สีดำหลังใหญ่แกะสลักลายอย่างประณีต เปลือกตาสีไข่ค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนกระพริบตาถี่ ๆ ขนตายาวแพรหนากระพือขึ้นลงราวกับปีกผีเสื้อ
ครั้นพอฟื้นคืนสติขึ้นมาหลินฟางก็ใช้สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ที่นี่คือที่ไหนกัน นางพยายามขยับร่างกายหมายจะลุกขึ้นนั่งเพื่อจะได้เห็นชัดขึ้น แต่กลับรู้สึกถึงสัมผัสอันอบอุ่นจากมือใครบางคนที่กุมมือของนางไว้แน่น
หลินฟางเหลือบมองไปยังข้างเตียงก็พบสตรีนางหนึ่ง สวมอาภรณ์สีม่วงอ่อนปักลายดอกโบตั๋นสีทองอย่างประณีต มวยผมที่เกล้าไว้ไม่ค่อยเรียบร้อยนัก ดูจากการแต่งกายแล้วคาดว่าสตรีผู้นี้คงเป็นสตรีวัยกลางคน นางกำลังฟุบหลับอยู่ข้างเตียงทั้งมือของนางก็ยังกุมมือของหลินฟางเอาไว้แน่นราวกับว่ากลัวจะสูญเสียนางไปอีกครั้งอย่างไรอย่างนั้น
ในขณะที่หลินฟางกำลังย่นคิ้วอย่างสงสัย นางมาอยู่ที่ไหนแล้วผู้นี้เป็นใคร จู่ ๆ นางก็รู้สึกปวดหัวราวกับว่ามีเข็มนับพันมาทิ่มแทงจนหัวแทบจะระเบิดออกมา
หลินฟางยกมือขึ้นกุมศีรษะไว้อย่างเจ็บปวดทรมาน ร่างกายของนางสั่นเทาเหงื่อเป็นเม็ดผุดขึ้นเต็มใบหน้า คล้ายกับว่ามีบางสิ่งถาโถมเข้ามาใส่ในหัวของนางราวกับสายน้ำเชี่ยวกรากที่ไหลพุ่งทะลักเข้ามา ความทรงจำทั้งหมดเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตไหลเวียนกลับเข้ามาอีกครั้ง
แม้ความทรงจำก่อนหน้านี้จะยังไม่ค่อยชัดเจนนักหรือฟังเองก็รู้สึกสับสนไม่น้อย แต่เมื่อเห็นสตรีวัยกลางคนที่นอนฟุบอยู่ข้างเตียงแล้ว นางก็ถึงกับน้ำตาเอ่อคลอในดวงตาคู่งาม มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นใคร
ใช่แล้วนางคือหลีซูฮวามารดาผู้ให้กำเนิดของนางในอดีต มารดาของนางยังมีชีวิตอยู่ ดีจริงๆ
แม้ว่านางจะพบกับเรื่องราวอันเจ็บปวดและโหดร้ายจนต้องตายจากโลกปัจจุบัน แต่การที่ได้กลับมาพบกับมารดาได้มาอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้มันกลับทำให้นางรู้สึกตื้นตันใจอยู่ไม่น้อย คุ้มแล้วเท่านี้ก็คุ้มแล้วนางไม่ขออะไรอีกต่อไปจะรักษาครอบครัวที่รักนางไว้ให้ดี
หากอดีตสามารถแก้ไขได้จริงตามที่ตาแก่ผู้นั้นว่า นางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวที่สมบูรณ์ของนางแม้จะแลกด้วยชีวิตก็ตาม
“อ้าว! ฟางเอ๋อร์เจ้าตื่นหรือเหตุใดจึงไม่ปลุกแม่เล่า แล้วเจ้าร้องไห้ทำไมกันเจ็บตรงไหนหรือ เดี๋ยวแม่จะให้คนไปเรียกหมอมา”
ฮูหยินหลีตื่นขึ้นมาเมื่อพบว่าบุตรสาวของนางฟื้นขึ้นมาแล้วก็ดีใจมาก แต่ก็แอบตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นว่าใบหน้างามของบุตรสาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางกลัวเหลือเกินว่าบุตรสาวจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก
“ท่านแม่!”
