องค์ชายรองมาเยี่ยมเยือน 2
หมิงหลิ่งฟางมองตามบิดาเงียบ ๆ แม้นตอนนี้เขาจะไม่พูดอะไรออกมาแต่นางรู้ว่าท่านพ่อไม่พอใจที่นางยังคบหากับองค์ชายรองอยู่ ดวงตาคู่งามหลุบลงต่ำก่อนจะคารวะองค์ชายรองตามพิธีการ
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก” หยางเทียนหลิวคว้าแขนเรียวเล็กของนางไว้เสียก่อน หลังจากจับให้นางมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วมือใหญ่ก็คว้ามือเรียวเล็กมากุมไว้ จากนั้นองค์ชายรองหยางเทียนก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาเรียวคมจ้องมองหมิงหลิ่งฟางด้วยความห่วงใย
"ฟางเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้างข้าได้ยินมาว่าเจ้าหายป่วยแล้ว ข้ารู้สึกดีใจมากจึงรีบมาหาเจ้าในทันทีหลังจากเสร็จราชกิจที่อำเภอชิงหลง"
เสแสร้ง! ได้ยินสิ่งที่บุรุษผู้นี้กล่าววาจาเช่นนี้แล้วหมิงหลิ่งฟางแทบอยากจะอาเจียนออกมา หากนางไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นคนอย่างไรนางคงใจอ่อนหลงคารมคนผู้นี้ไปแล้ว
แต่นางยังคงปั้นหน้ายิ้มเล็กน้อยให้กับเขา เอาสิ! เขาเสแสร้งมานางก็เสแสร้งกลับเช่นที่เขาทำ ดูซิว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ หากนางเดาไม่ผิดที่เขามาวันนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องแต่งงานกระมัง แม้ว่าในใจอยากจะไล่บุรุษหน้าหนาผู้นี้ไปให้ไกลลูกกะตานางก็ตาม
"ขอบพระทัยเพคะที่ทรงเป็นห่วง หม่อมฉันดีขึ้นมากแล้วเพคะ"
หมิงหลิ่งฟางกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบพลางยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม แล้วดึงมือของตนออกจากมือใหญ่ของเขา
หยางเทียนหลิวเห็นเช่นนั้นก็นึกแปลกใจที่ที่ผ่านมามิใช่ว่านางเพียงเห็นเขาก็ดีใจจนวิ่งเข้าหาไปแล้วหรือ แต่ตอนนี้กลับมีท่าทีเฉยชาเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร หรือว่านางน้อยน้อยใจเขาที่ตอนนางนอนป่วยเขาไม่ได้มาเยี่ยมกัน หากปล่อยไว้เช่นนี้นานเกรงว่าคงไม่ดีแน่
มารดาของเขาเองก็กำชับมาว่าทำไมวันนี้วันนี้เขาต้องคุยเรื่องแต่งงานกับนางให้สำเร็จให้จงได้หากช้ากว่านี้ แผนการที่พวกเขาวางไว้มาหลายปีคงพังไม่เป็นท่าเสียแล้ว
“เจ้าโกรธข้าหรือ ที่ข้าไม่ได้มาเยี่ยมตอนเจ้าป่วย ตอนนั้นข้าได้รับพระโองการจากเสด็จพ่อให้ไปสะสางราชกิจแทนพระองค์ที่อำเภอชิงหลงพอดี เจ้าก็รู้ราชโองการมิอาจขัด หลังจากเสร็จราชกิจข้าก็รีบมาหาเจ้านี่อย่างไร”
หยางเทียนหลิวพยายามอธิบายให้กับนาง แต่หมิงหลิ่งฟางกลับฟังดูแล้วเหมือนข้ออ้างมากกว่า เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าเขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว หากมิใช่ว่าพระสนมกุ้ยเฟยเร่งรัดมา มีหรือที่คนอย่างองค์ชายรองหยางเทียนหลิวผู้นี้จะมาหานาง ไม่แน่อาจจะอยู่กับสหายเก่าผู้นั้นของนางแล้วก็ได้ อารามร้อนใจเช่นนี้มีหรือที่นางจะคาดเดานิสัยเขาไม่ออกว่ามาด้วยเรื่องอันใด
“ที่องค์ชายรองมาหาหม่อมฉันวันนี้ มิใช่ว่ามาเยี่ยมเยียนหม่อมฉันอย่างเดียวกระมังเพคะ” หมิงหลิ่งฟางกล่าวพลางยกยิ้มมุมปากแต่ไม่ถึงดวงตา
“วันนี้นอกจากจะมาเยี่ยมแล้วข้าก็อยากจะมาคุยเรื่องการหมั้นหมายแต่งงานของเราด้วย ไม่รู้ว่าฟางเอ๋อร์จะเห็นว่าอย่างไร”
นั้นปะไรเป็นเช่นที่นางคาดไว้ไม่มีผิด คงกลัวว่าแผนการที่พวกเขาที่วางไว้จะผิดพลาดสินะ ถึงได้เร่งมาคุยเรื่องแต่งงานเร็วถึงเพียงนี่ หากเป็นเมื่อก่อนนางคงดีใจจนเนื้อเต้นไปแล้ว
“ขอเพียงเจ้าตอบตกลงข้าจะส่งของหมั้นมาให้อย่างเป็นทางการในอีกสามวันแล้วจะให้ทางวังหลวงจัดหาฤกษ์งามยามดีในการจัดงานแต่งงานให้เจ้าอย่างสมเกียรติ”
หมิงหลิ่งฟางมองใบหน้าจริงจังของบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าก็อดทอดถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ นี่มิใช่ว่าเป็นการมัดมือชกนางหรอกหรือ
นางเสมือนตกนรกมาแล้วครั้งหนึ่ง ครานี้นางจะไม่ยอมก้าวพลาดซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง แค่เห็นหน้าเขาตอนนี้นางก็ขยะแขยงมากพอทนแล้ว
“องค์ชายรอง...หม่อมฉันยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานเพคะ” หมิงหลิ่งฟางจ้องหน้าเขาแววตาคู่นั้นฉายแววเย็นเยียบอยู่ครู่หนึ่ง
“หากองค์ชายรีบร้อนขนาดนั้นมิสู้แต่งคุณหนูหวงเจียวซินดีหรือไม่เพคะ”
