บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

หมอหวงที่ตรวจดูอาการของจือลู่ก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะในยุคนี้ยังไม่มีการเย็บบาดแผล แผลด้านหลังของจือลู่เลือดก็ยังไหลไม่หยุด เขาได้แต่สั่งยาให้เท่านั้น

"ต้มยาให้นางกิน หากเลือดหยุดไหลนางก็รอด" หมอหวงให้หนิงเฉิงตามเขาเพื่อกลับเรือนไปรับยา

จ้าวเหยียนเมื่อส่งท่านหมอหวงไปแล้วตัวนางก็รีบปิดประตูห้องและเริ่มทำการรักษา นางเจาะแขนจือลู่เพื่อให้น้ำเกลือ และฉีดยาเพื่อระงับเลือดให้หยุดไหล เมื่อทำความสะอาดบาดแผลเรียบร้อย จ้าวเหยียนก็ลงมือเย็บแผลให้นางอย่างรวดเร็ว

กว่าจ้าวเหยียนจะเสร็จหนิงเฉิงก็กลับมาเรียบร้อยแล้ว

"ท่านแม่ ต้องต้มยาหรือไม่ขอรับ"

"ไม่ต้อง" จ้าวเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า หนิงเฉิงจึงเดินออกไปเตรียมอาหารให้มารดาและพี่สาวแทน

"ลู่เออร์เจ้าอย่าทำให้แม่กลัวเช่นนี้" จ้าวเหยียนร้องไห้ออกมาเมื่อมองสีหน้าที่ซีดขาวของจือลู่ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

ผ่านไปสองสามวันจือลู่ก็ยังมิตื่นขึ้นมา จ้าวเหยียนและหนิงเฉิงจึงไม่กล้าทิ้งนางไว้คนเดียว ถังเช่าที่เก็บไว้จึงไม่ได้นำไปขาย จ้าวเหยียนเฝ้าจือลู่มิได้ห่าง

วันที่สี่จือลู่ก็ลืมตาขึ้น จ้าวเหยียนที่รู้ตัวว่าบุตรสาวขยับตัวก็รีบลุกขึ้นจุดเทียน แล้วเข้าไปประคองนางขึ้น ส่งน้ำให้นางดื่ม

"คุณเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน" จ้าวเหยียนมองจือลู่แล้วถอนหายใจ

เรื่องที่นางคิดว่าคงไม่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นเสียแล้ว นางมิได้ตอบคำถามในทันที แต่ปล่อยให้จือลู่ได้ทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเสียก่อน

"จือลู่ เธอย้อนมาในยุคโบราณ เหมือนกับฉันที่ย้อนกลับมา" จือลู่หันมามองจ้าวเหยียนที่ขึ้นชื่อว่ามารดาอย่างตกใจ

"หมายความว่ายังไง" จ้าวเหยียนจึงเล่าเรื่องของนางให้จือลู่ฟัง และบอกว่าในภพนี้จือลู่คือลูกของนาง

"เจ้าคงเหมือนกับข้าที่มาถึงที่นี่ในวันแรก แต่ยอมรับเสียเถอะ เจ้ากลับไปไม่ได้แล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นบุตรที่ดีของข้า" จ้าวเหยียนมองจือลู่อย่างจริงจัง

นางเดินออกจากห้องไปเพื่อให้จือลู่ได้อยู่กับตัวเอง เพราะนางรู้ดีว่าความรู้สึกที่หลงยุคเป็นเช่นไร คงได้แต่ปล่อยให้จือลู่อยู่กับตัวเองสักพัก โชคชะตาที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ หากจือลู่ไม่ข้าวภพมา เว่ยหยางก็คงมิอาจพบเจอนางที่เป็นคู่ชะตา

หนิงเฉิงที่เห็นมารดาเดินออกมาจากห้องของพี่สาวอย่างเหม่อลอยก็เดินเข้าไปดูอย่างเป็นห่วง จ้าวเหยียนจึงปรับสีหน้าแล้วบอกเรื่องที่จือลู่ฟื้นแล้ว หนิงเฉิงจึงเข้าไปในห้องของพี่สาวอย่างรวดเร็ว

จือลู่ที่นั่งกอดเข่าอยู่บนที่นอนก็มองผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยสายตาประหม่า จากความทรงจำเดิมเด็กชายที่เดินเข้ามาต้องเป็นหนิงเฉิงน้องชายของนางด้วยแน่ แต่เขาคงไม่ได้ย้อนมาเช่นเดียวกับนางและมารดาหรอกนะ

"พี่หญิงท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่" หนิงเฉิงนั่งลงข้างนางและมองอย่างเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรแล้ว" นางส่ายหน้า และเริ่มจะยอมรับความจริงได้ เพียงแต่ไม่รู้จะทำตัวเช่นไรดี

สองวันผ่านไปที่จ้าวเหยียนปล่อยให้จือลู่ปรับตัวเพื่อให้ชินกับนางและหนิงเฉิง แต่นางก็ไม่ได้ทำตัวเหินห่างจากจือลู่ ยังทำหน้าที่ของมารดาเช่นปกติ และพูดคุยกับนางเหมือนกับนางคือบุตรของตนเอง

"ทะ ท่านแม่" จือลู่เดินออกมาจากห้อง แล้วเอ่ยเรียกจ้าวเหยียนที่ทำความสะอาดเรือนอยู่

"ลู่เออร์ ยังปวดหัวอยู่หรือไม่" จ้าวเหยียนวางผ้าในมือลงแล้วเดินเข้าไปประคองจือลู่ให้มานั่งลง

"ไม่เจ้าค่ะ" จือลู่มองจ้าวเหยียนอย่างซึ้งใจ แม้จะรู้ว่านางมิใช่วิญญาณของบุตรสาวก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจนาง

จือลู่กับจ้าวเหยียนต่างกันที่นางมาแทนที่ร่างเดิมของจือลู่ แต่จ้าวเหยียนเป็นการย้อนกลับมา

"ดี เช่นนั้นพรุ่งนี้แม่จะพาพวกเจ้าเข้าเมืองแต่เช้าเพื่อไปขายหญ้าหนอน" จือลู่จึงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

เมื่อทั้งหมดแยกย้ายกันกลับห้องของตนก็ต้องตกใจเมื่อจือลู่ร้องตะโกนขึ้นมา จ้าวเหยียนและหนิงเฉิงพุ่งตัวไปที่ห้องของจือลู่อย่างรวดเร็วเพื่อดูว่านางเป็นอะไร

คนที่ตกใจคือหนิงเฉิงที่เห็นกล่องหน้าตาประหลาดตั้งอยู่ที่กลางห้องเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับมารดา จ้าวเหยียนจึงเดินไปลูบหัวเขาแล้วพาไปนั่งที่เตียงของจือลู่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel