บทที่ 3
วันงานก็เป็นเช่นที่ฉีหนิงเฉิงกังวล สาวใช้ของซูมี่ตามจ้าวเหยียนเพื่อไปหาซูมี่ที่ศาลาริมน้ำ เพราะมีเรื่องจะพูดคุยด้วย ฉีหนิงเฉิงที่เพิ่งมาถึงก็แอบติดตามทั้งคู่ไปก็พบว่าสาวใช้ได้ผลักจ้าวเหยียนตกลงไปในน้ำ
เคราะห์ดีที่ฉีหนิงห่าวเห็นเหตุการณ์จึงได้ช่วยนางไว้ได้ทัน ซูมี่ที่เข้ามาเห็นก็แทบเสียสติเพราะบุรุษที่นางเตรียมไว้ได้กระโดดตามจ้าวเหยียนลงไปเช่นกัน แต่ไม่ทันจะถึงตัวจ้าวเหยียน ฉีหนิงห่าวก็พานางขึ้นจากน้ำมาเสียแล้ว
"กรี๊ดดดดดดดด" เสียงกรีดร้องของซูมี่ทำให้คนในงานเร่งออกมาที่เกิดเหตุ
ทั้งหมดที่มาถึงก็แทบจะล้มลงไปนั่งกลับพื้นด้วยความหวาดกลัว เพราะในมือของหนิงห่าวถือดาบที่เปื้อนไปด้วยคราบเลือด และจ้าวเหยียนที่ถูกประคองอยู่ในอ้อมแขนของเขา
"เกิดอันใดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายห้า" เสนาบดีเซี่ยที่เดินตามมาก็เอ่ยถามขึ้น
"บ่าวของคุณหนูเซี่ย ผลักเหยียนเหยียนตกน้ำ จวนเซี่ยควรหาคำตอบดีดีไว้ให้ข้า มิเช่นนั้น" หนิงห่าวชี้ปลายดาบไปที่เสนาบดีเซี่ย และซูมี่ ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยโทสะ
ก่อนที่เขาจะพาจ้าวเหยียนกลับจวน หนิงห่าวเดินไปใกล้ซูมี่จนนางถอยหลังด้วยความหวาดกลัวจนตกลงไปในน้ำ หนิงห่าวจึงถีบชายที่กระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยจ้าวเหยียนให้ลงไปช่วยซูมี่ขึ้นมา
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เสนาบดีเซี่ยพูดไม่ออก เซี่ยซูมี่จำต้องแต่งให้ชายที่นางหามาแทนจ้าวเหยียนที่นางวางแผนไว้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ฉีหนิงห่าวต้องเข้าวังเพื่อขอสมรสพระราชทานกับจ้าวเหยียน
จ้าวเหยียนตื่นขึ้นอย่างตกใจ เพราะเธอเหมือนคนที่สำลักน้ำจากการจมน้ำจริงๆ เธอลูบใบหน้าที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะความฝันที่เหมือนจริงดูดพลังของเธอไปจนหมด
เธอเหม่อมองไปทางหน้าต่างอย่างใจลอย และคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น นางเหนื่อยกับเรื่องทั้งหมดที่ฝันวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ไม่จบสิ้นเสียที จึงคิดว่าหากกลับบ้านจะนำเรื่องราวไปบอกกล่าวให้พ่อกับแม่ของนางช่วยออกความคิด
และวันที่เธอได้หยุดพักเพื่อกลับบ้านก็มาถึง จ้าวเหยียนก็เก็บของแล้วขับรถกลับบ้านของเธอ เพียงแค่ถึงบ้านก็พบคุณแม่ที่ยืนรอรับเธออยู่ จ้าวเหยียนลงจากรถได้ก็ตรงเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง
"กินอะไรมาหรือยังลูก" ทั้งคู่เดินพูดคุยกันเข้าไปในบ้าน จ้าวเหยียนที่กลับมาถึงก็ลืมเรื่องที่นางจะเล่าให้แม่ของเธอฟังไปเสียสนิท
จ้าวเหยียนใช้ชีวิตกับครอบครัวของเธอจนวันหยุดหมดลง เธอก็เดินทางกลับหอพักที่ปักกิ่งของเธอ ระหว่างที่เธออยู่ที่บ้านก็ไม่เคยฝันเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคโบราณอีกเลย เธอจึงลืมเรื่องที่เธอฝันมาตลอด
"เหยียนเหยียน ข้ารักเจ้ายิ่งนัก ข้าจะมีเจ้าเพียงหนึ่งเดียวจวบจนชั่วชีวิต" จ้าวเหยียนและหนิงห่าวที่อยู่ในชุดแดงมงคลภายในห้องหอ
ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ภายในตำหนักของหนิงเฉิงจนฮ่องเต้พระประชวรอย่างหนัก แต่ยังไม่ได้แต่งตั้งองค์รัชทายาท เหล่าองค์ชายทั้งหลายก็เริ่มเตรียมการของตนเอง
"เหยียนเหยียน เจ้าคงต้องหลบออกจากเมืองหลวงไปเสียก่อน" หนิงห่าวเดินเข้ามาหาจ้าวเหยียนที่นั่งเล่นกับบุตรสาวอยู่ในเรือนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
"เพราะเหตุใดเจ้าคะท่านพี่" จ้าวเหยียนให้แม่นมหยุนพาจือลู่ออกไปแล้วเอ่ยถามหนิงห่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง
หนิงห่าวจึงเล่าเรื่องที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดที่เมืองหลวง เขาให้จ้าวเหยียนรีบเก็บข้าวของเพื่อพาบุตรสาวและบุตรในท้องหลบหนีไปก่อน
"เจ้ารอให้พี่ไปรับอย่างสบายใจเถิด" หนิงห่าวกอดลาจ้าวเหยียนแล้วส่งนางขึ้นรถม้าอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาหันไปกำชับองครักษ์และทหารให้ดูแลนางให้ดี หนึ่งในนั้นมีจางเหล่ยทหารข้างกายของเขาอีกคน
"เจ้าคอยอารักขาพระชายาและบุตรีของเปิ่นหวางให้ดี รอที่จุดนัดหมาย เมื่อจบเรื่องข้าจะไปรับนางด้วยตนเอง" หนิงห่าวตบไปที่บ่าของจางเหล่ยที่ยืนฟังคำสั่งของเขาอยู่
"เหยียนเหยียน ข้าจะรีบไปรับเจ้า" หนิงห่าวเปิดผ้าม่านรถม้าขึ้น แล้วบรรจงจูบหน้าผากของนางและบุตรสาวก่อนจะเร่งให้ทั้งหมดออกเดินทาง
