หวนคืนครานี้ ข้าจะเป็นมารดาที่ดี

122.0K · จบแล้ว
ภัคจิรา,แม่ลูกหมี,muli89
51
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หวนคืนครานี้ ข้าจะกอบกู้เกียรติยศ พลิกชะตา และเป็นมารดาที่คู่ควร เรื่องย่อ หยาดน้ำตาหยดลงบนแก้มที่ร้าวราน ขณะที่หวังลู่ฉีกอดร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวไว้ในอ้อมกอด หัวใจของนางเหมือนถูกบดขยี้จนแทบจะเป็นผุยผง เสียงร้องห่มร้องไห้สะท้อนในห้องสี่เหลี่ยมทึบ มันเหมือนกับทำนบที่แตกพังลงมาจากความโศกเศร้าอันไม่มีที่สิ้นสุด น้ำตาของนางไม่รู้จักหยุดหย่อน ไหลรินราวกับสายน้ำที่ไม่อาจบรรเทาความเจ็บปวดในหัวใจ หวังลู่ฉีมองดูใบหน้าของบุตรสาวที่เคยสดใสในวันวานตอนนี้กลับกลายเป็นเย็นชา เย็นเยียบจนหัวใจของนางแทบจะหลอมละลายไปกับความผิดบาปที่ก่อขึ้น ด้วยอารมณ์ชั่ววูบที่ทิ่มแทงใจจนทำให้บุตรสาวที่ไร้เดียงสาต้องล้มลงในสภาพนี้ นางสบถคำด่าตัวเอง ด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดและเต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวเองว่า “ข้า... ข้าเป็นมารดาแสนชั่วช้า ทำไมข้าถึงทำกับลูกได้เช่นนี้... ทำไม?!” หัวใจของนางแตกสลายไปกับความผิดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ความเสียใจที่ท่วมท้นจนแทบจะขาดใจ และคำสาบานที่ก่นด่าตัวเองออกมาจากหัวใจอย่างแท้จริง “หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ข้าได้เกิดมาเป็นมารดาที่ดีให้สมกับความรักที่ลูกควรได้รับ หากข้าได้พบกับลูกอีกครั้งในชาติหน้า ข้าจะเป็นมารดาที่คอยปกป้องและชดใช้ทุกความผิดที่ข้าก่อขึ้น” คำพูดเหล่านี้ดังก้องอยู่ในหัวของหวังลู่ฉี มันไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดที่เกาะกุมหัวใจของนางได้เลยแม้แต่น้อย แต่ในทุกคำสัญญาที่เอื้อนเอ่ยออกมา นางหวังว่า สวรรค์จะโปรดเมตตาให้หญิงชั่วคนนี้ได้กลับตัวกลับใจ ให้การบรรเทาความผิดของตนในสักวันหนึ่งได้เกิดขึ้น “ขอให้ลูกกลับมาหาข้า... อีกครั้ง...” นางร่ำไห้ในใจขณะที่กอดร่างของบุตรสาวไว้แนบอกเป็นครั้งสุดท้าย

นิยายจีนโบราณแม่ทัพองค์หญิงดราม่าจีนโบราณหลายตัวตนพาลูกกหนีคู่หมั้นชายแม่เลี้ยงเดี่ยวสัมพันธ์ครอบครัว

ตอนที่1 หวนคืน

หวังลู่ฉี คุณหนูสาม นางถูกเลี้ยงดูประดุจไข่มุกบนฝ่ามือของบิดา เนื่องจากมารดาจากไปตั้งแต่ยังแบเบาะ นางถูกตามอกตามใจ จนกลายเป็นคนเย่อหยิ่งผยอง ยังลำพองว่าตนเองงดงามดุจนางเซียนน้อย

อยากได้สิ่งใดเพียงแค่เอ่ยปาก ไม่นานสิ่งนั้นจะมาอยู่เบื้องหน้าของนาง กระทั่งเกิดหมายปองบุรุษผู้หนึ่ง เขาเป็นคนมีหน้ามีตา มีตำแหน่งหน้าที่การงานมั่นคง ซ้ำยังเป็นยอดบุรุษ

หากนางได้แต่งเข้าจวนตระกูลเจียง คงจะดีไม่น้อย ดังนั้นนางจึงวิงวอนท่านพ่อ ทำอย่างไรก็ได้ ให้เจียงหยางแต่งงานกับนาง ท่านพ่อกลับบ่ายเบี่ยงไม่เห็นด้วย ยืนกรานเสียงแข็งอย่างไรก็ไม่ได้ นั่นเพราะเขามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว แล้วจะไปแทรกกลางความรักของพวกเขาได้อย่างไรกัน

ทว่าแม่รองกลับยื่นมือช่วยเหลือ ออกอุบายจนทำให้นางแต่งเข้าตระกูลเจียงดั่งที่ปรารถนาไว้ ถึงจะแต่งเข้าเป็นเพียงแค่ฮูหยินรองก็ช่าง นางยังมีพยานรักตัวน้อยน่ารักน่าชังไม่แน่เขาอาจจะรักนางขึ้นมาก็ได้

ถึงบุตรสาวจะน่ารักเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้เจียงหยางรักนางเพียงแค่คนเดียว เขากลับทอดทิ้งนางไว้ในเรือนเล็ก เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว นางจึงเอาความโกรธชัง ความเจ็บปวดนั้นมาลงกับบุตรสาว สั่งให้ลูกสาวคุกเข่าหน้าเรือนใหญ่ วิงวอนขอร้อง ให้บิดาเยี่ยมนางสักครา

สุดท้ายบุตรสาวขอร้องไม่สำเร็จ จึงถูกมารดาทำโทษให้คุกเข่า เด็กน้อยอายุแค่สามขวบปี จะทนความหนาวได้เยี่ยงไรกัน เด็กตัวเล็กเพียงแค่นั้น ซ้ำอาภรณ์ที่สวมใส่ก็บางเหลือเกิน เด็กหญิงล้มฟุบลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวโพลนลมหายใจขาดห้วง สิ้นใจไปในที่สุด

หวังลู่ฉี กอดร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวเอาไว้แนบอก หยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มราวกับทำนบแตก หัวอกของมารดาแตกสลายกลายเป็นผุยผง เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบลงโทษบุตรสาวจนกลายเป็นเยี่ยงนี้

หญิงสาวร้องไห้เสียใจด้วยความทุกข์ระทม เจ็บปวดใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ นางดื่มสุราย้อมใจไปหลายกา ก่อนจะใช้พู่กันเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษ บรรยายความรู้สึกทั้งหมด

นางคือปีศาจร้าย กล้าทำร้ายกระทั่งลูกตนเอง มิหนำซ้ำยังเป็นต้นเหตุทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวสิ้นใจ ไปต่อหน้าต่อตา หลังจากเขียนคำสั่งเสียลงบนกระดาษเรียบร้อยแล้ว

นางยิ้มเยาะเบา ๆ มองดวงหน้าอันขาวซีดไร้ชีวิตชีวาในกระจกขัดเงาบานใหญ่ สะท้อนให้เห็นร่างไร้วิญญาณของบุตรสาว จึงหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ประทินโฉมอีกคราเป็นครั้งสุดท้าย

ก่อนจะหยิบผ้าขาวขึ้นมา ปลายเท้าเหยียบบนเก้าอี้ เหวี่ยงผ้าขาวขึ้นบนขื่อคาน แล้วสอดลำคอ ลงร่วงหล่นสีขาวนั่น ปลายเท้าเตะเก้าอี้ตัวนั้นล้มลงจนเกิดเสียงดัง... ร่างบอบบางลอยเหนือพื้น ดิ้นทุรนทุรายกว่าสิ้นใจไปในที่สุด

ลมหายใจเฮือกสุดท้ายล่องลอยออกมา ขณะที่หัวใจของนางแตกสลาย นางก่นด่าตนเองในใจอย่างแสนเจ็บปวด ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวเองว่า “ข้า... ข้าเป็นมารดาแสนชั่วช้า ทำไมถึงทำกับลูกเช่นนี้...” เสียงร่ำไห้ของนางดังขึ้นในใจจนแทบจะท่วมท้นทุกความรู้สึก หัวอกของนางเหมือนจะขาดออกจากกันในทุกลมหายใจ

นางภาวนาในใจด้วยความหวังเพียงน้อยนิด “หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ข้าได้เกิดมาเป็นมารดาที่ดี ขอสวรรค์โปรดเมตตานางสักครา ข้า... ข้าจะชดใช้ทุกความผิดที่ก่อขึ้น” คำขอที่ดังลั่นในจิตใจเหมือนเสียงสะท้อนจากความมืดมิดที่ไม่มีทางออก เพียงแค่ขอให้ได้พบกับบุตรสาวอีกครั้ง ขอสวรรค์ให้โอกาสนางได้แก้ไขความผิดบาปที่ทำไป

ในความมืดมิดนั้น หญิงชั่วคนนี้คุกเข่าลงในใจ ภาวนาและขอร้องให้สวรรค์เห็นใจให้โอกาสนางกลับตัวกลับใจ ความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดทำให้ทุกสิ่งในโลกนี้ดูเหมือนจะพร่าเลือน แต่ในใจยังมีความหวังที่ยิ่งใหญ่… หากเพียงได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ทว่าในช่วงเวลาที่คับขันนี้ สวรรค์กลับมอบโอกาสแก่นางอีกครั้ง! สติของนางเริ่มฟื้นคืนกลับมา ลืมตาขึ้นอีกครา ความมืดมิดค่อยๆ สลายหายไป ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงเริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ท่ามกลางความเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลือ นางรู้ดีว่ามันเป็นการเริ่มต้นใหม่ ที่ไม่อาจจะย้อนกลับได้

..............................................................

ณ.เรือนเล็กด้านหลังของจวนตระกูลเจียง มีหญิงสาวนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงกว้าง เนื่องจากเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินหวังได้ก่อเรื่องที่เรือนใหญ่ ถูกนายท่านส่งมายังเรือนเล็กเพื่อดัดนิสัย

แต่กลับกลายเป็นว่าฮูหยินไม่สำนึก กลับก่อเรื่องราวอีกครั้ง นายท่านทนไม่ไหวจึงสั่งโบยไปสามสิบไม้ แล้วยังประกาศหากนางทำผิดอีกจะหย่ากับนาง แผ่นหลังที่ถูกตีจนเกิดรอยแผล เป็นทางยาว มีโลหิตไหลเอื่อย ๆ ออกมาให้เห็น ทุกคนต่างก็พากันร้อนใจ วิ่งวุ่นตามท่านหมอมาดูอาการ

ทว่าฮูหยินช่างใจดำนัก กระทั่งถูกตีจนบาดเจ็บเยี่ยงนี้แล้ว ยังใช้ให้คุณหนูน้อยไปเรือนใหญ่ วิงวอนให้นายท่านยกโทษและให้อภัย หากนายท่านไม่ยินยอม เช่นนั้นก็ห้ามกลับเรือนนี้เป็นอันขาด

นางนอนคว่ำหน้า หายใจรวยริน คล้ายคนสิ้นใจก็ไม่ปาน ยังร้องไห้สะอึกสะอื้น จนสาวใช้รีบเข้ามาสอบถาม แต่กลับได้ยินคำพูดจาแปลกประหลาด บอกว่าตนเองทำให้ลูกสาวต้องตาย

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน” สาวใช้ถือถ้วยสมุนไพรเข้ามา ในถ้วยนี้คือยาลดไข้ ส่วนยาสมานแผลนั้นก็ใส่แล้ว แต่ว่าจะเปลี่ยนอาภรณ์ให้เจ้านายก็ไม่กล้า จึงใช้กรรไกรตัดผ้าออกแล้วใส่ผงสมานแผลแทน

หวังลู่ฉีคล้ายหูฝาดได้ยินเสียงเรียกขานก็คิดว่าตนเองนั้นตายแล้ว “คนตายยังฝันได้อีกหรือ” นางพึมพำเบา ๆ แต่กลับรู้สึกเจ็บแปลบยังกลางแผ่นหลัง ในไม่ช้าจึงค่อย ๆ กะพริบตาอย่างเชื่องช้า ไล่ความมืดมัวออกไป เผยให้เห็นพื้นห้องที่เคยพักอาศัย

“ฮูหยินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ ดื่มยาหน่อยเจ้าค่ะ” สืออิงวางถ้วยยาอุ่นร้อนลงบนโต๊ะอย่างเบามือ ทั้งห่วงหน้าพะวงหลัง มิรู้ว่าป่านนี้แล้วคุณหนูน้อยจะเป็นเยี่ยงไร หิมะก็ตกหนักเสียด้วย เด็กตัวเล็กแค่นั้น จะแบกรับภารกิจอันใหญ่หลวงนี้ได้อย่างไร

หวังลู่ฉีไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ในเมื่อนางตายไปแล้ว แต่เหตุใดนางจึงรู้สึกเจ็บได้เล่า ซ้ำยังมองเห็นพื้นของเรือนเก่า ๆ หลังนี้อีกด้วย แล้วยังมีสืออิงสาวใช้ของนางนั่งจ้องทำตาแป๋วใส่อยู่อีก “สืออิง ข้าเป็นอะไรไป”

“ฮูหยินถูกนายท่านโบยจนเป็นไข้ ท่านลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ” สืออิงอยากตัดพ้อตำหนินายท่านนัก เหตุใดต้องรุนแรงก็ฮูหยินด้วย

“เล่อเอ๋อร์เล่า นางอยู่ไหน” ถ้าเป็นเช่นนั้น นางก็ยังไม่ตาย ลูกสาวนางก็ยังไม่ตาย ครั้งจะลุกก็ลุกไม่ได้ เจ็บปวดบาดแผลเลยทำให้ต้องนอนคว่ำหน้าอยู่เยี่ยงนี้

“ฮูหยินยังจะถามอีกหรือเจ้าคะ นั่งคุกเข่าหน้าเรือนใหญ่เจ้าค่ะ” สืออิงประชด นางหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก คุณหนูไม่ได้สวมเสื้อคลุม ใส่เสื้อบางเยี่ยงนั้นจะป้องกันความหนาวได้อย่างไร บนพื้นก็เต็มไปด้วยหิมะ หายใจยังยากลำบาก เด็กตัวเล็กแค่นั้นจะทนความหนาวได้อย่างไร

“เร็วเข้า รีบพยุงข้าไปหานาง เร่งให้คนไปรับนางเร็วเข้า เล่อเอ๋อร์ อย่าเป็นอะไรนะ เล่อเอ๋อร์” ด้วยความร้อนใจ ไม่สนสี่สนแปดแล้ว ถึงแม้ร่างกายจะบาดเจ็บ แต่บัดนี้ลูกสาวของนางกำลังจะตาย

สืออิงไม่เข้าใจ แต่ก็ยังช่วยประคองฮูหยินไปเรือนใหญ่ กว่าทั้งสองจะเดินไปถึง ก็ใช้เวลาเกือบสองถ้วยชา เกล็ดหิมะปลิวว่อน ลมโชยอ่อนนำพาความเยือกเย็นเพิ่มพูนเข้าไปอีก

เด็กหญิงตัวเล็กคุกเข่าอยู่หน้าเรือนใหญ่ ร่างน้อยสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บที่กัดกร่อนไปถึงกระดูก เกล็ดหิมะขาวโพลนเกาะพราวอยู่บนเส้นผมดำขลับและแก้มซีดขาวจนแทบไร้สีเลือด ดวงตากลมใสที่เคยสดใส บัดนี้เหม่อลอยมองแสงไฟจากภายในเรือน แสงอบอุ่นส่องประกาย พร้อมเสียงหัวเราะสนุกสนานที่แว่วมา ทว่าสำหรับนาง กลับมีเพียงความเงียบงันและความขมขื่นที่กัดกินหัวใจอย่างทรมาน

ความหนาวเย็นคืบคลานลึกลงไปในสรรพางค์กาย เนื้อตัวของนางแข็งทื่อจนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ เปลือกตางามปิดลงช้าๆ เกล็ดหิมะเกาะพราวบนแพขนตา เสมือนทั้งร่างกำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นตุ๊กตาหิมะไปเสียแล้ว ลมหายใจแผ่วบางลงทุกขณะ ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายราวกับไม่มีวันหยุด

เจียงอันเล่อเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา สุดจะทานทนความหนาวเหน็บได้อีกต่อไป ร่างบอบบางล้มฟุบลงกับพื้นหิมะขาวโพลน หิมะหนานุ่มรองรับกายที่กำลังจะสิ้นสติ เวลานั้นเอง ร่างของนางถูกโอบประคองด้วยอ้อมแขนที่สั่นระริกไม่แพ้กัน

หวังลู่ฉี มารดาผู้โศกเศร้าโอบรับบุตรสาวไว้แนบอก ราวจะใช้ไออุ่นสุดท้ายของตนหลอมละลายความเย็นเยียบที่เกาะกินกายของลูก นางตะโกนสั่งเสียงสั่นเครือ “รีบนำถ่านมามากหน่อย! เร็วเข้า!” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความร้อนรนและสิ้นหวัง

ทว่าในหัวใจของนาง กลับรู้สึกว่าความอบอุ่นใดๆ ในโลกนี้ก็อาจไม่เพียงพอจะกอบกู้ชีวิตน้อยๆ ที่แสนบอบบางนี้ได้อีกแล้ว...

“เล่อเอ๋อร์... เล่อเอ๋อร์ อย่าเป็นอะไรไปนะ แม่กลับมาแล้ว แม่จะเป็นมารดาที่ดีของเจ้า แม่กลับมาแล้วนะ... ได้ยินหรือไม่ เล่อเอ๋อร์...” เสียงสะอื้นปนสั่นเครือของหวังลู่ฉีเอ่ยเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจ

แม่หนูน้อยไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้น นางทำได้เพียงยกมือเล็กๆ ขึ้นมาสัมผัสแก้มของมารดา ทว่ามือนั้นช่างหนักอึ้งเกินกว่าที่นางจะยกค้างไว้ได้ มันจึงร่วงหล่นลงอย่างแผ่วเบา ไร้เรี่ยวแรงราวกับกลีบไม้แห้งที่ปลิดปลิวจากกิ่งก้าน