ตอนที่ 1 ค้าขายกับข้าท่านมีแต่กำไร
ตอนที่ 1
ค้าขายกับข้าท่านมีแต่กำไร
ขอบตาร้อนผ่าวหัวใจเต้นรัวฝีเท้าคล้ายจะยืนได้อย่างไม่ค่อยจะมั่นคงนัก ภายในใจบังเกิดความรู้สึกยินดีเปี่ยมสุขแทบเอ่อล้นออกมาจากทางดวงตาเมื่อนางได้พบกับท่านพ่อและท่านแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่อีกครั้ง
หญิงสาวหยุดยืนทอดมองพวกท่านทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเรียกพวกท่านเสียงดังพร้อมกับวิ่งตรงเข้าไปหา
“ท่านพ่อ ท่านแม่” ไม่เพียงเอ่ยเรียกท่านทั้งสองเท่านั้น นางยังโผเข้าไปกอดพวกท่านทั้งคู่สลับกันไปมาอยู่หลายครั้ง จนหลี่ฮูหยินผู้เป็นมารดาต้องเอ่ยปรามบุตรสาวของนาง
“อาเล่อ เจ้ายังร้องตะโกนเป็นเด็ก ๆ อยู่อีก ที่นี่หน้าประตูจวนสกุลหลี่เชียวนะประเดี๋ยวผู้อื่นเห็นเข้าคงได้พากันนำไปพูดว่าคุณหนูสามสกุลหลี่ไม่รู้จักสำรวม”
“ผู้ใดจะนำไปพูดอย่างไรก็ช่างเถอะเจ้าค่ะ ก็ข้าดีใจที่ได้พบท่าน พ่อท่านแม่นี่เจ้าคะ จะให้เก็บอาการดีใจเอาไว้ได้อย่างไรจริงหรือไม่เจ้า คะท่านพ่อ”
“อาเล่อบอกว่าดี พ่อย่อมเห็นด้วยกับเจ้า ฮูหยินเจ้าเองก็อย่าดุ นางนักเลย ลูกสาวคนเล็กจะซุกซนหน่อยจะเป็นอะไรไป”
ท่านพ่อของนางยังคงชอบเข้าข้างและปกป้องนางเหมือนเมื่อเดิมไม่ผิดเพี้ยน
“ท่านพี่ให้ท้ายนางตลอดเช่นนี้ ข้ายังจะพูดสิ่งใดได้อีก” ฮูหยินหลี่อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาไม่พอใจนักให้สามีของตน “อาเล่อเจ้าก็อย่ามัวแต่ติดเล่นนัก เมื่อครู่ก็พูดจาอะไรของเจ้า ดีใจที่ได้เจอแม่กับพ่อเจ้าทั้ง ๆ ที่พวกเราอยู่จวนเดียวกันเจอหน้ากันอยู่ทุกวันเช้าเย็นน่ะหรือ ลูกสาวข้าผู้นี้ช่างไม่เข้าทีเสียจริง” เอ่ยตำหนิบุตรสาวอีกหลายคำนางก็หันหลังไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ในทันที ทิ้งให้บุตรสาวคนสุดท้องและผู้เป็นสามีที่รักรั้งอยู่ที่เดิม
จะให้นางบอกออกไปได้อย่างไรว่าดีใจที่ได้เห็นพวกท่านที่ยังมีลมหายใจอีกครั้ง
“ท่านพ่อ ข้าทำท่านแม่โกรธอีกแล้ว” นางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มมีความสุข ยินดีนักที่ได้เห็นท่าทีแสนงอนขี้โมโหง่ายแต่หายเร็วของมารดาตนเช่นในอดีต
“เจ้าขึ้นไปพูดคำหวานเอาใจนางไม่กี่คำก็เป็นอันใช้ได้แล้วมิใช่หรือ มาเถอะรีบขึ้นรถม้าเร็วเข้าพวกเราจะได้ออกเดินทางกันเสียที” ท่านพ่อเอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
หญิงสาวขานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใส
หลังจากกลับจากขึ้นเขาไปสักการะองค์เทพพร้อมหน้ากับท่านพ่อท่านแม่ หลี่เยว่เล่อก็ขออนุญาตท่านทั้งสองแวะเดินเที่ยวตลาดใน เมืองกับอาหวนสาวใช้คนสนิทของตน
“คุณหนูท่านมีสิ่งใดที่อยากซื้อหาเป็นพิเศษหรือเจ้าคะ” อาหวน เอ่ยถามผู้เป็นนายของตน เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางไม่ได้แวะดูข้าวของ ที่ตั้งขายอยู่ที่แผงข้างทางหรือร้านขายสิ่งของใหญ่ ๆ เหมือนปกติ
“ใช่แล้วล่ะ” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยตอบกลับไป ทว่าสายตา ยังคงมองหาในสิ่งที่ตนต้องการต่อไปเช่นเดียวกับฝีเท้าเล็กที่ก้าวเดินไป ด้วยความไม่เร่งรีบนักแต่ก็ไม่ได้หยุดอยู่นิ่งแม้สักครู่หนึ่ง
“เป็นสิ่งใดหรือเจ้าคะ ไม่สู้คุณหนูบอกบ่าวมา บ่าวจะได้ช่วย ท่านหา”
“ข้ากำลังมองหาร้านยาอยู่ เคยได้ยินมาว่าเดินไปสุดตลาดใน ตรอกเล็ก ๆ จะมีร้านยาใช่หรือไม่”
“คุณหนูรู้สึกไม่สบายหรือเจ้าค่ะ จึงถามหาร้านยา เมื่อครู่พวกเราเพิ่งผ่านร้านยาใหญ่มา ข้าว่าพวกเราเร่งย้อนกลับไปให้ท่านหมอที่นั่นดูอาการคุณหนูจะดีกว่านะเจ้าคะ” อาหวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียและท่าที เป็นห่วง
“อาหวน ข้าไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหน เจ้าไม่ต้องตื่นตระหนกไป ใหญ่เช่นนี้หรอก ข้าเพียงแค่อยากซื้อยาบางอย่างเท่านั้น”
“ซื้อยาใดกันเจ้าคะ มิใช่ว่าซื้อยาจากร้านใหญ่จะมีคุณภาพ ดีกว่าร้านเล็ก ๆ ที่คุณหนูเอ่ยถึงหรือเจ้าคะ”
“สิ่งที่ข้าสนใจหาใช่ชื่อเสียงของร้านหรือการรับรองคุณภาพยา ที่ข้าต้องการคือการซื้อขายยาอย่างเงียบ ๆ ไม่มีผู้ใดนอกจากข้าและเจ้าที่ ล่วงรู้การซื้อขายที่เกิดขึ้นต่างหากเล่า”
ว่ากันว่าสถานที่ที่ถือเป็นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ที่มีใจซื่อมือสะอาด จะต้องไม่เป็นสถานที่อึมครึมควรโล่งเปิดกว้างรับแสงแดดจึงจะเป็นที่ที่เหล่าอารยชนควรข้องแวะ
ร้านขายยาไม่มีชื่อแห่งนี้ก็จะกล่าวว่าอย่างไรดี เรียกว่าเป็น สถานที่ที่เหล่าอารยชนไม่ข้องแวะจะดีกว่ากระมังยิ่งคุณหนูสามแห่งจวนขุนนางเช่นคุณหนูของนางนั้นยิ่งไม่ควรข้องแวะเลยถึงจะถูก
“คุณหนูท่านจะเข้าไปแน่หรือเจ้าคะ บ่าวว่าสถานที่เช่นที่แห่งนี้ดูจะไม่ควรเฉียดมาใกล้อยู่มากทีเดียว”
“ร้านยาอย่างไรเล่า เป็นสถานที่มิควรตรงไหน หากเจ้าไม่อยากเข้าไปก็รออยู่ตรงนี้ได้ ข้าไม่ฝืนใจเจ้า” หญิงสาวกล่าวกับสาวใช้คนสนิทตน อีกทั้งเมื่อกล่าวจบก็เดินไปทางร้านยาที่อยู่อีกไม่ใกล้ทันที
“รอด้วยเจ้าค่ะ” อาหวนหรือจะกล้าปล่อยคุณหนูของนางให้ เข้าไปในสถานที่เช่นนั้นคนเดียวได้ นางเร่งฝีเท้าตามคุณหนูของตนไปอย่างไม่ห่าง แม้ภายในใจจะหวาดหวั่นอยู่มากแต่เมื่อเทียบกับความห่วงใยที่นางมีต่อคุณหนูของนางแล้วนั้นยังถือว่าน้อยกว่ามาก
มองจากด้านนอกแล้วร้านยาไม่มีชื่อแห่งนี้ไม่น่าเข้าเพียงใด ด้านในร้านเองก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก มิหนำซ้ำทุกมุมบนผนังและเพดานยังเต็มไปด้วยใยแมงมุม เรื่องฝุ่นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเพราะไม่ว่าจะกวาดสายตาไปทางทิศทางใดก็สามารถมองเห็นกองฝุ่นหนาได้อย่างง่ายดาย คล้ายเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งภายในของร้านยาแห่งนี้ก็มิปาน ครั้นเมื่อครู่การที่หลี่เยว่เล่อจามออกมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
บรรยากาศภายในก็ช่างน่าวังเวงยิ่งนัก หากไม่มีป้ายหน้าร้านว่าร้านยาไม่มีชื่อแล้วนั้นหากผู้คนจะคิดว่าเป็นสถานที่ร้างก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
“คุณหนูเหมือนที่นี่จะไม่มีคนนะเจ้าคะ” เป็นอาหวนที่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับส่งผ้าเช็ดหน้าผืนงามให้คุณหนูเอาไปใช้ปิดจมูกป้องกันฝุ่นมากมายที่นี่
ส่วนตัวนางก็นำผ้าเช็ดหน้าอีกผืนขึ้นมาปิดจมูกของตนเอาไว้เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางใช้ผ้าปิดจมูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ประตูร้านเปิดกว้างเอาไว้ บนโต๊ะทุกอย่างแม้จะมีฝุ่นจับแต่ก็มีข้าวของหลายอย่างวางเอาไว้จะไม่มีคนเฝ้าได้อย่างไร อาหวนเจ้าลองเรียกคนดูเถิด”
อาหวนเมื่อได้ยินคำสั่งนางก็ขานรับคำสั่งก่อนจะตะโกนเรียกหาคนขึ้น
“ผู้ดูแลร้าน ท่านหมอแห่งร้านยาไม่มีชื่อ มีผู้ใดอยู่หรือไม่” ผู้เป็นสาวใช้ร้องเรียกอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังเดินไปมองสอดส่องใกล้ ๆ โต๊ะตัวยาวที่มีขนาดสูงกว่าเอวของนาง ซึ่งหน้าจะเป็นสถานที่ที่ผู้ดูแลน่าจะต้องคอยประจำอยู่ที่จุดนี้เพื่อต้อนรับลูกค้า
“มีผู้ใดอยู่หรือไม่…”
“หนวกหูเสียงจริง ผู้ใดกันมารบกวนเวลาข้านอนกลางวัน”
เสียงบุรุษวัยชราดังขึ้นจากด้านล่างพื้นบริเวณหลังโต๊ะตัวยาว อาหวนหยุดส่งเสียงและหันไปมองที่คุณหนูของนางเป็นเชิงถามด้วยสายตาว่าต้องการให้นางทำเช่นใดต่อ คุณหนูพยักหน้าให้นางครั้งหนึ่งเป็นเชิงเรียกให้กลับไปหานาง อาหวนเห็นเช่นนั้นก็เร่งฝีเท้าก้าวกลับไปหาผู้เป็นนายในทันที
“ข้าต้องขออภัยด้วยที่รบกวนท่านลุง เพียงแต่ต้องการซื้อของจากร้านท่านไม่เรียกหาท่านคงไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้” หลี่เยว่เล่อ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าฟัง
“แม่นางท่านนี้ ดูจากสภาพเจ้าสองคนนายบ่าวกับสภาพร้าน ของข้าแล้วจะมีสิ่งใดที่พวกเจ้าต้องการได้อีก พวกเจ้ากลับออกไปหาซื้อที่ ร้านใหญ่ ๆ ที่ย่านตลาดจะดีกว่า ที่นี่หาใช่ที่ที่คุณหนูสกุลใหญ่เหมาะที่จะมาเดินเล่น” ชายชรากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังหลังจากพิจารณาสตรีทั้งสองที่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดีแม้แต่หมวกคลุมหน้าก็ทำจากผ้าไหมชั้นเยี่ยมที่มีราคาไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
“ยังไม่ทันได้พูดคุยกันให้ชัดเจนเลย เหตุใดผู้ดูแลร้านจึงรีบร้อนไล่ข้าเสียแล้วล่ะ”
“จะทำการค้าหรือไม่ย่อมต้องแล้วแต่ข้าอยู่แล้วมิใช่หรือ สตรีสองคนยุ่งยากจนเกินไป ช่วงนี้ข้าค่อนข้างเกียจคร้าน เพราะฉะนั้นข้าจึงไม่ทำการค้ากับพวกเจ้าหรอก”
หลี่เยว่เล่อมองผู้ดูแลเฒ่าที่ยกมือขึ้นปิดปากหาวออกมา มือก็ยกขึ้นโบกไล่พวกนางออกไป
“ท่านลุง ค้าขายกับข้าท่านมีแต่กำไร ไม่มีขาดทุนแน่” นางเอ่ยจบก็วางถุงเงินลงบนโต๊ะเบื้องหน้าชายชรา
แน่นอนว่าเมื่อเห็นถุงเงินวางอยู่เบื้องหน้าชายชราที่ชมชอบเงินเป็นชีวิตจิตใจเช่นเขามีหรือจะห้ามใจตนเองได้ เขาพุ่งเข้าไปคว้าถุงเงินนั้นขึ้นมาเปิดดูในทันที
ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้มพอใจขึ้นมา ใบหน้าแปลเปลี่ยนเป็นมิตรและท่าทางนอบน้อมลงในทันที
“แม่นางเจ้าต้องการยาอะไรก็สามารถบอกออกมาได้เลย”
“ข้าต้องการยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด ไร้สีไร้กลิ่นแพงเท่าไหร่ข้าก็พร้อมจ่ายให้เจ้าไม่อั้น”
