บท
ตั้งค่า

เริ่มต้นใช้ชีวิตคู่อีกครั้ง 2

การย้ายบ้านของหยวนอันอันและสามีเป็นไปอย่างราบรื่น โดยมีย่าหยวนช่วยทั้งสองคนเอาของที่ไม่หนักเข้าบ้าน นางดีใจมากที่ต่อจากนี้ไม่ต้องอยู่เพียงลำพังอย่างที่คิดไว้แล้ว

หลังจากย้ายของเรียบร้อยแล้ว หยวนอันอันจึงเปิดปากบอกสามีเรื่องไปทวงเงินกับคนที่เคยมายืมเงินของย่าในอดีต โดยไม่ลืมยื่นรายละเอียดและสัญญาเงินกู้ให้เขาดู

“มันอันตรายเกินไปไหม ผมคิดว่าคนพวกนั้นไม่น่าจะคืนเงินที่ยืมไปแล้วล่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวผมทำงานหนักขึ้นไม่กี่ปีคงเก็บเงินได้ตามจำนวนที่เสียไป” ที่พูดออกมาแบบนี้ไม่ใช่เพราะกลัว หรือไม่อยากทวงเงิน แต่เพราะชายหนุ่มไม่อยากให้เธอเป็นอันตราย การไปทวงเงินคนเหล่านั้นเท่ากับสร้างศัตรูให้ตัวเอง

“ไม่หรอกค่ะ ที่ฉันบอกเรื่องนี้กับพี่เพราะกลัวว่าเมื่อทวงเงินแล้ว คนพวกนั้นคงปล่อยข่าวให้ฉันเสียหาย อย่าลืมว่าชื่อเสียงของฉันไม่ดีอยู่แล้ว หากมีใครพูดอะไรออกมารับรองเลยว่าคนในหมู่บ้านย่อมต้องเชื่อฝ่ายนั้น ต่อให้ฉันอธิบายก็คงไม่มีใครเชื่อ”

หญิงสาวบอกถึงเหตุผล เรื่องทวงเงินเธอย่อมต้องทำ เพราะเธอจะไถ่กำไลคืนให้กับย่าอย่างไรล่ะ แม้ว่าหลังจากนี้เธอจะหาเงินได้ แต่คนพวกนั้นก็ยังต้องคืนเงินอยู่ดี

“ฉันขอแค่พี่กับย่าเข้าใจฉันก็พอ คนอื่นฉันไม่สนใจนักหรอก อย่างไรชื่อเสียงของฉันไม่ดีอยู่แล้ว จะทวงเงินหรือด่ากับใครเพิ่มมันก็เหมือนเดิม”

เรื่องชื่อเสียงเหมือนกัน หยวนอันอันไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ใครจะคิดไปอย่างไรก็ช่างพวกเขา ขอแค่สามีกับย่าไม่เชื่อคนพวกนั้นก็พอแล้ว

“ย่าเชื่ออันอัน ย่าเข้าใจ” หญิงชราพูดขึ้นมาคนแรก ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลานสาวจะมีชื่อเสียงย่ำแย่แค่ไหนหรือเม่ว่าหลานสาวจะป็นอย่างไร แต่นางก็เชื่อเธอเสมอ

“ผมเหมือนกัน เอาอย่างนี้ไหมถ้าจะไปทวงเงินผมจะไปด้วย” ชายหนุ่มย่อมต้องเชื่อภรรยาอยู่แล้วไม่ต่างกับย่าหยวน

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ชื่อในสัญญามีแต่ผู้หญิงและคนแก่ พี่อย่าเข้ามายุ่งดีกว่า ฉันไม่อยากให้ใครมาว่าพี่ได้ อีกอย่างฉันคือหลานสาวของบ้านหยวนย่อมต้องทำเรื่องนี้เอง เหมาะสมที่สุดแล้ว”

ต้วนหยางเฟยแม้จะไม่อยากให้ภรรยาไปทวงเงินคนพวกนั้นเพียงลำพัง แต่เมื่อได้ยินเหตุผลที่เธอบอกจึงพยักหน้าให้อย่างยินยอม ก่อนจะกำชับว่า “แต่สัญญาได้ไหมว่า ถ้าเรื่องราวบานปลายหรือคิดว่าจะเกิดอันตรายให้รีบวิ่งมาบอกผม แล้วผมจะจัดการให้”

หญิงสาวยิ้มแก้มปริ เธอไม่รู้หรอกว่าที่เขาพูดมานั้นเพราะห่วงเธอหรือทำตามหน้าที่ของสามี แต่หยวนอันอันรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

“ค่ะ หากรู้ตัวว่าเรื่องบานปลายหรือจะเกิดอันตราย ฉันจะรีบวิ่งไปหาแล้วให้พี่จัดการให้เรื่องทั้งหมด” เธอพยักหน้าและตอบรับอย่างว่าง่าย

‘ไม่คิดเลยว่าการที่ถูกปกป้องมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง’

ย่าหยวนมองท่าทีของหลานสาวและหลานเขยก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี เพราะดูเหมือนว่าทั้งสองต่างก็ห่วงใยซึ่งกันและกัน นี่จึงทำให้หญิงชราหวังว่าสักวันทั้งหลานเขยจะรักหลานสาวของนางจริง ๆ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับให้แต่งงาน

“นี่ก็เที่ยงแล้ว ฉันไปทำอาหารก่อนนะ” หยวนอันอันยังคงเขินกับสาตาขอสามีจึงหาเรื่องที่จะเดินออกจากตรนี้ และนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เธอคิดว่าควรจะไปทำอาหารให้ย่าและเขาได้กิน

“คุณตั้งเตาหุงข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวผมขึ้นเขาไปดูกับดักสักหน่อย เผื่อว่ามีสัตว์ป่าติดกับดัก หากไม่มีจะไปจับปลาที่ลำธาร แล้วจะรีบกลับมา” ชายหนุ่มรีบบอก เพราะเมื่อเช้ามืดเขาได้เอากับดักไปวางไว้ ตอนนี้น่าจะมีสัตว์ติดอยู่บ้าง หากไม่มีคงต้องไปหาปลามาทำอาหารกินไปก่อน

“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับละยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น

‘นี่คือการเริ่มต้นใหม่ของการแต่งงานอีกครั้ง ชาตินี้ฉันจะไม่ทำผิดเหมือนชาติก่อน แต่ก็ไม่ลืมคนที่ทำร้ายฉันเหมือนกัน’

เมื่อคิดถึงคนที่ชั่วร้ายชาติที่แล้ว ความโกรธความเกลียดก็พุ่งเข้าจิตใจของหยวนอันอัน ชาตินี้ใครดีมาเธอดีกลับ แต่ใครร้ายกับเธอ เธอจะร้ายกลับเป็นสิบเท่าร้อยเท่า ไม่เชื่อก็คอยดู!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel