บท
ตั้งค่า

EP 5 กระเป๋าเดียวกัน

ห้องชมรมของพวกคณะบริหาร กว้างขวางมากรวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน อย่างว่าแหละน่าหนึ่งในสมาชิก ณ ที่นี้ซึ่งนั่นก็คือพี่จิวเป็นถึงลูกชายของเจ้าของมหาลัยเชียวนะมันจะธรรมดาได้ยังไง ฉันที่ไม่มีสิทธิ์เลือกและไม่ได้เลือกเองด้วยความสมัครใจมานั่งแหมะกับเพื่อนหลังจากที่โดนนายขุนลากมาได้พักใหญ่แล้ว คนที่รู้จักในนี้มีแค่พี่จิว พี่เคนเท่านั้น ส่วนรุ่นพี่คนอื่นๆไม่รู้จักใครเลยสักคน ถูกมองไหมมันแน่นอนอยู่แล้วเพราะเราสามคนไม่ใช่เด็กในสังกัดของคณะนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรออกมาเลยนะ คงเป็นเพราะว่าฉันรู้จักสามหนุ่มนี่ด้วยเลยไม่มีใครกล้ายุ่งกล้าซัก วันนี้เขาให้เลือกก่อนคนที่ต้องการเข้ามาอยู่เลยยังไม่มีสิทธิ์ก้าวขาเข้ามาในนี้ยกเว้นฉัน มินนี่และพิ้งค์ที่ได้สิทธิพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆที่มีคนพาตัวมานั่งตากแอร์เย็นๆถึงที่

“ชมรมนี้มันชื่อชมรมอะไรอ่ะยังไม่รู้เลยหรือว่ามันไม่มีชื่อนอกเหนือจากนี้ ใช้ว่าชมรมคณะบริหารงี้เลยเหรอหมูแดง” ยัยมินนี่สะกิดถาม ฉันส่ายหน้าเพราะไม่รู้เหมือนกันว่ามันอะไรยังไง โดนพามาอย่างงงๆ ตอนระหว่างทางที่เดินมาก็ไม่ได้ถามนายขุนด้วย หมอนี่ก็นะแทนที่จะบอกกันล่วงหน้าไม่มีหรอก

“งั้นก็ถามพี่ขุนของแกสิจ๊ะเพื่อน” พิ้งค์พูดต่อ พลางทำหน้าตาล้อเลียน ตั้งแต่เข้ามาสองคนนี้ยังแซวไม่เลิกจนไม่อยากจะคุยด้วยแล้วเพราะมีแต่เรื่องเข้าตัวทั้งนั้น ดีหน่อยที่ตัวต้นเหตุไม่มาเกาะแกะอะไรมากมาย ไม่ใช่ว่ารักษาภาพพจน์นะ เพื่อนมาชวนคุยต่างหากล่ะถึงได้ยอมห่างจากร่างกายฉัน

“นั่นสิ พี่ขุนของแกอ่ะหมูแดงน่ารักเหมาะกับแกโคตรๆเลยรู้ไหมฟินตัวแตกแทนแกเลยฉัน ยิ่งฉันเห็นพี่เขามองแกด้วยสายตานิ่งๆเหมือนจะกลืนกินด้วยนะ เขินแทนเลย” มินนี่ได้ทีก็ขยี้ใหญ่ สองคนนี้เพื่อนฉันหรือเพื่อนนายขุนกันแน่นะ

“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะว่าโดนว่าจ้างมาเท่าไหร่ ถึงได้เชียร์นายขุนพลออกนอกหน้านอกตาตลอดเลย บอก!” ฉันแกล้งทำท่าทางขึงขังหน้าตาจริงจังเหมือนตำรวจกำลังสอบปากคำผู้ต้องหาอยู่ แต่อย่าคิดว่ายัยสองคนนี้จะสลดหรือกลัวได้นะแสร้งตีหน้าเศร้าได้สมบทบาทที่โยนให้เสียเหลือเกิน

“ก็ไม่ได้มากอะไรนักหรอก ฉันได้แค่ไอดีไลน์ของผู้ชายหน้าตาดีในคณะของพี่เขามาแค่นั้นเองแก เงินทองของมีค่าอะไรฉันไม่ได้สักแดงเดียว” ฟังคำตอบของยัยพิ้งค์แล้วฉันเลยดีดหน้าผากไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้

“เหมือนกันจ้ะเพื่อนรัก ไอดีไลน์ของหนุ่มๆทั้งหลายในคณะบริหาร หล่อระเบิดระเบ้อ หล่อเกินบรรยายงานดีทุกคนเลยแหละหมูแดง พี่ขุนเก่งมากที่เอามาให้เราสองคนได้” มินนี่ยิ้มหวานแล้วขยิบตายั่วเลยโดนเหมือนที่ฉันทำกับยัยพิ้งค์ จากนั้นก็บ่นกระปอดกระแปดไปตามเรื่องทั้งที่มันไม่ได้เจ็บอะไรเลย

“เอ่อ พี่เคนคะ คือพวกเรามีเรื่องสงสัยอยากจะถามพี่หน่อยน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าพอจะสละเวลาอันมีค่าของพี่เคนมาคุยกับเราสามคนสักครู่ได้ไหมอ่ะคะ” ฉันเลือกที่จะเรียกพี่เคนที่กำลังนั่งเล่นเกมส์อย่างเมามันส์แทนเพราะนายขุนกำลังคุยอยู่กับเพื่อนผู้ชายที่ฉันไม่รู้จักอยู่เลยไม่อยากรบกวน

“มีปัญหาอะไรข้องใจกับพี่เคนสุดหล่อคนนี้เป็นการส่วนตัวเหรอครับสาวๆ” พี่เคนเดินแซวพร้อมฉีกปากยิ้มร่าเข้ามาหาพวกเราอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ตัวเองกำลังนั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถืออย่างเมามันส์อยู่ พี่เขาเป็นคนอัธยาศัยดีใช้ได้เลยแหละ ถ้าไม่นับเรื่องวาจาห่ามๆของเขาที่พูดออกมาในแต่ล่ะครั้งอ่ะนะ

“แกสองคนอยากรู้อะไรถามพี่เคนเลย” ฉันบอก สามคนนี้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันเรียบร้อยแล้วจากการแนะนำของฉันเองเมื่อตอนที่เข้ามาแรกๆ

“ว่าไงครับน้องมินนี่ อยากจะรู้อะไรเหรอ” พี่เคนถามยัยมินนี่เสียงหวานเลย แถมยังเจาะจงเฉพาะคนด้วย ส่วนคนถูกถามกลับก็ยิ้มแหยก่อนจะพูดสิ่งที่สงสัยออกไป หลังๆนี่มีพี่จิวเข้ามาร่วมสบทบด้วย รายนี้ฉันว่าน่าจะสนใจยัยพิ้งค์นะ เราห้าคนคุยกันไปหัวเราะกันไปอย่างสนุกสนาน และได้ข้อสรุปแบบงงๆว่าคือยังไม่รู้เลยว่าจะให้คนที่เข้ามาในชมรมทำอะไรดี

“ถ้าเป็นแบบนี้พี่ไม่น่าต้องลำบากแต่งตั้งตัวเองเป็นประธานเลยนะคะพี่จิว ไม่รู้อะไรสักอย่าง” พิ้งค์ประชดกึ่งเหน็บ ซึ่งฉันก็คิดแบบเดียวกันกับเพื่อนนั่นแหละ

“พิ้งค์หลอกด่าพี่ใช่ไหมเนี่ย” พี่จิวเลิกคิ้วแต่สีหน้าไม่ได้มีความโกรธเคืองแต่อย่างใด

“ชมอยู่มั้งคะ”

“ฮ่าๆ” พี่เคนหัวเราะพลางตบไหล่เพื่อนแล้วยกนิ้วโป้งให้พิ้งค์

“หมูมานี่หน่อย” ขุนพลกวักมือเรียกฉันหน้านิ่งเหมือนกำลังไม่พอใจที่ฉันไม่ยอมสนใจเขา คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะเพราะเรื่องอื่นฉันก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจนิ

“เดินมาเองขุน” พอฉันพูดแบบนั้นเขาก็เดินถือกล่องข้าวกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดหน้าหงิกงอเข้ามาหา หิวข้าวมาตั้งนานเพิ่งจะได้กินสงสารดีไหมเนี่ย

“หิวข้าว” ขุนพลพูดสั้นๆเมื่อลากเก้าอี้มานั่งติดกับฉันเรียบร้อย คนหิวแต่ไม่ยอมเปิดกล่องหยิบช้อนแล้วตักเข้าปาก มาบอกฉันทำไมคงจะอิ่มได้หรอกนะ

“ก็กินเสียสิ พูดว่าหิวแต่ไม่ยอมกินสักทีมันจะอิ่มตอนไหนล่ะขุน” พอฉันบอกให้กินก็ขุนพลส่ายหน้า พลางผลักกล่องข้าวมาตรงหน้าฉัน อย่าบอกนะว่าจะให้ป้อนน่ะ

“หิวแต่ก็อยากให้หมูป้อน น้องหมูป้อนข้าวพี่ขุนหน่อยนะครับ นะ” ทำเสียงอ้อนแล้วซบหน้าลงมาคลอเคลียที่หัวไหล่ฉัน ส่งสายตาวิ้งๆให้อย่างน่าสงสาร คือมันใช่ไหมเนี่ยที่ฉันมองว่าขุนพลน่ารักมากจนปฏิเสธไม่ลง จะว่าฉันแพ้ลูกอ้อนก็ได้

“เอาอีกแล้วๆ ไอ้ขุนอ้อนเมียอีกแล้วโว้ย! น้องหมูแดงอย่าไปใจอ่อนยอมป้อนมันนะครับ ไม่ใช่อะไรพี่อิจฉาน่ะ” พี่จิวส่งเสียงแซวแทรกขึ้นมา ส่วนแม่เพื่อนรักของฉันนี่จ้องตาไม่กระพริบเลยค่ะ ดีที่รุ่นพี่คนอื่นไม่อยู่ในนี้แล้วไม่งั้นคงโดนจับตามองเพิ่มอีกแน่

“ป้อนสักทีเถอะหมูแดงสงสารพี่ขุนเขา สงสัยจะหิวจนไม่แรงหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวเข้าปากเอง” มินนี่เป็นแรงเชียร์ให้นายขุนที่ยังไม่เลิกออเซาะ ฉันรู้ทันหรอกมินนี่เพื่อนรักหรอก อยากจะฟินตามไง คงคิดว่าตัวเองกำลังอ่านนิยายหรือดูซีรีย์อยู่แน่ๆ

“เชียร์ให้น้องหมูแดงป้อนข้าวไอ้ขุนแล้วไม่ทราบว่าน้องมินนี่อยากจะป้อนข้าวป้อนน้ำพี่บ้างไหมครับ” พี่เคนถามเสียงหวาน แบบนี้เขาเรียกว่าหยอดแรงเลยแหละ

“ไม่อยากค่ะ เพราะมินนี่ไม่ใช่นางพยาบาลที่ต้องคอยดูแลคนป่วย พี่เคนไปถามป้ายหน้าดีกว่านะคะ” มินนี่ฉีกยิ้ม ฉัน พี่จิว ยัยพิ้งค์และนายขุนหลุดหัวเราะเลย

“คนสวยทำไมพูดกับพี่แบบนี้อ่ะ”

มินนี่พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ฟังไม่ถนัดเพราะยัยนั่นขมุบขมิบ ขุนพลกอบกุมแก้มของฉันไว้แล้วจับหันให้มองมาที่เขา มันเลยทำให้ฉันอดเขินไม่ได้เลยต้องเปิดกล่องข้าวแล้วตักแต่พอดีคำมาจ่อที่ปากคนเอาแต่ใจในที่สุด

“กินเยอะๆจะได้โตเร็วๆ สมองนะไม่ใช่ร่างกาย” ฉันย่นจมูกใส่และหยิกแก้มป่องๆที่กำลังเคี้ยวข้าวอย่างอร่อยเบาๆด้วยความหมั่นไส้เกินบรรยาย คนอะไรตอนกินยังดูดี มือข้างหนึ่งนี่ก็ต้องยึดของฉันไปวางไว้บนตักของตัวเอง

“เอาหมูๆ” พูดแล้วมองหน้าฉันแล้วยิ้มมีเลศนัยหมายความว่ายังไง แต่ฉันก็ตักหมูให้เขานะ

“อ้าม” ขุนพลอ้าปากกว้างเพื่อรับหมูที่ฉันป้อนแล้วเคี้ยว ตลอดเวลาสายตาเขาจ้องอยู่ที่หน้าของฉันไม่ละไปไหนเลย เป็นฉันเองอีกนั่นแหละที่เขิน

“มองอยู่นั่นแหละเดี๋ยวจิ้มตาเลย” ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเราแล้วเพราะสี่คนที่เหลือกำลังคุยกันอย่างออกรส มีขุนพลกับฉันที่ไม่ได้ร่วมสนทนาด้วย

“อยากมีผัวตาบอดเหรอหมู” กวนประสาทที่สุด

“ใช่ เพราะฉันจะได้มีกิ๊กอย่างสบายๆไงล่ะ” ฉันยิ้มและยักคิ้วส่วนนายขุนน่ะเหรอหน้างี้ตึงเชียว นี่จะโดนบีบคอตายก่อนไหมเนี่ยเริ่มกลัวแล้วสิ

“ไม่กงไม่กินมันแล้วข้าวผัดหมู จับเมียหมูกินคงจะอิ่มกว่ากันเยอะเลยว่าไหมครับน้องหมู” ฉันรีบวางช้อนลงเลยทีเดียว ไม่ได้เตรียมพร้อมให้โดนจับกินนะแต่เตรียมวิ่งหนีต่างหาก

“พูดเล่นเข้าใจไหมว่าเล่นน่ะ” ฉันอธิบายแต่ไอ้บ้าขุนไม่ฟังไงสุดท้ายแล้วฉันก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเสือร้ายตนนี้ทั้งที่ยังไม่ได้ก้าวขาไปไหน ไม่น่าไปกระตุ้นต่อมความบ้าของหมอนี่เลยฉัน และสายตาแปดคู่ต่างพุ่งตรงมายังเราสองคนเป็นตาเดียว

“ฉันไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น เธอทำให้ฉันโกรธและโกรธมากด้วย” น้ำเสียงของขุนพลมันราบเรียบ แต่ถึงอย่างนั้นก็กักกันฉันเอาไว้บนตักแน่น

“ไม่เข้าใจก็เข้าใจเสียสิ ยากตรงไหนกัน” ฉันดึงแก้มนุ่มของคนหน้าบูดเป็นตูดลิงเล่น สายตาขุ่นขวางเหล่มองหน้าฉันอย่างไม่พอใจที่กำลังเล่นสนุกกับแก้มของเขาแต่ไม่ได้ว่าอะไร “มันเขี้ยวจังเลย งือ แก้มจ๋านิ่มเหมือนผู้หญิงเลย” ฉันยิ้มและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ไม่น่าเชื่อว่าแก้มของผู้ชายจะเด้งดึ๋งเหมือนผู้หญิง

“หึ!”

“ขุนอ่า” ฉันนิ่วหน้าเมื่ออ้อมแขนเขารัดแน่นขึ้นและโดนหอมหนักๆที่แก้มด้วย ไม่รู้ว่าจะรุนแรงกับฉันไปไหนแก้มช้ำกันพอดี ยกมือขึ้นมาลูบตรงที่โดนหอมก็ถูกดึงออกไปอีก แล้วจากนั้นสัมผัสอุ่นๆก็แตะลงมาอีกครั้งอย่างอ่อนโยน ขุนพลจุ๊บแก้มฉันตรงที่เดิมและหยิกเบาๆก่อนจะซบหน้าลงที่ไหล่ฉัน ถามจริงนี่เขากำลังโกรธฉันอยู่เหรอ ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกถึงความโกรธของเขาเลยล่ะเนี่ย มันเหมือนฉันกำลังถูกอ้อนอยู่มากกว่าอีก

“ฟินตัวแทบแตกอีกแล้วค่า งุ้ยๆ น่ารักอ่า” ไม่ใช่เสียงใครเลยแบบนี้ ยัยมินนี่อีกตามเคย อย่าว่าแต่มินนี่เลยที่เขินตัวแทบแตกฉันเองก็เขินจะแย่อยู่แล้ว

“ลืมไปรึเปล่าว่ายังมีพวกเรานั่งอยู่ด้วยเนี่ย” เสียงพิ้งค์เอ่ยแซวฉันเลยหันไปย่นจมูกใส่ ไม่ได้ลืมแต่ไม่มีเวลาสนใจเพราะคนที่เอาแต่ใจกำลังงอนฉันอยู่

“มึงสองคนไม่พาสาวๆออกไปหาอะไรกินหน่อยเหรอวะเลยเวลาอาหารกลางวันนานๆเดี๋ยวจะปวดท้องโรคเอาได้นะเว้ย อีกอย่างมินนี่กับพิ้งค์คงจะหิวแล้วล่ะ” ขุนพลพูดกับเพื่อนของเขาเรียบๆเหมือนกับแฝงอะไรบางอย่างอยู่ในประโยค และฉันก็เห็นสีหน้าเอือมระอาของพี่ๆทั้งสองคนด้วยแหละ กลัวเพื่อนฉันจะปวดท้องเพราะไม่ได้กินข้าวกลางวันแล้วฉันล่ะไม่ห่วงบ้างเลยเหรอ

“ที่ถามนี่คือมึงอยากให้พวกกูออกไปใช่ไหมจะได้ไม่มีใครเป็น กขค คอยขัดจังหวะมึงกับน้องหมูแดงว่างั้น ร้ายกาจนักนะมึงไอ้ขุน” คำพูดของพี่จิวทำให้ฉันปั้นหน้าแทบไม่ถูก ไหนจะสายตายิ้มๆของเพื่อนที่มองมาอีก

“นายอยากกินอะไรเพิ่มเติมไหมขุนเดี๋ยวฉันเดินไปซื้อมาให้เองจะได้หาอะไรกินด้วยเลยทีเดียว” ฉันอาสาอย่างกระตือรือร้น แต่สายตาขวางๆบอกฉันเป็นนัยๆว่าอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ทันเธอนะหมูแดง เมื่อกี้ยังทำท่าจะดีอยู่เลยนี่มาดุอีกแล้ว

“อยากกินอะไรก็บอกมาเลยเดี๋ยวซื้อมาให้ ไม่ต้องไปเองหรอกอยู่เป็นเพื่อนพี่ขุนเขาเถอะย่ะแกน่ะ” มินนี่รีบอาสา เหมือนมันจะหวังดีกับฉันอ่ะนะ

“ไม่ต้องเผื่อพี่กับหมูหรอกครับมินนี่ตามสบายเลย ไว้หมูค่อยออกไปกินพร้อมกับพี่ทีเดียวเลย ไปกับไอ้สองตัวนี้กันเถอะ” ขุนพลเป็นคนตอบแทนโดยไม่ถามฉันสักคำ แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะทักท้วงอะไรนะเพราะยังไม่หิวเท่าไหร่

“ให้ไปแล้วมึงไม่คิดจะเลี้ยงเหรอวะขุน” พี่จิวถามพลางแบมือกระดิกขอเงิน เออดี พี่จิวพูดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะอยากจะรู้นักว่านายขุนรู้ยังว่ากระเป๋าตังค์หาย

“เออ”

“เออ แล้วมึงเปิดกระเป๋าน้องหมูแดงทำไมวะ กูจะเอาเงินมึงไม่ใช่ของเมียมึง” นั่นสิพี่จิว

“ก็เมียกูเป็นคนเก็บกระเป๋าตังค์ จบไหมครับจิว” เดี๋ยวนะเดี๋ยวสรุปหมอนี่รู้ตัวมาตลอดว่ากระเป๋าตัวเองอยู่ที่ฉันงั้นสิ และที่บอกว่าฉันเป็นคนเก็บนี่ไม่ใช่แล้วนะ

“กระเป๋าเดียวกัน” พี่เคนถามยิ้มๆ

“ก็ไม่มีอะไรจะเถียง ไปได้แล้วไป” ขุนพลเป็นคนตอบและยื่นแบงค์สีเทาให้ไปสี่ห้าใบ คือเยอะเกินไปไหมอ่า จะกินอะไรกันนักหนาแอบเสียดายเลยอ่ะที่ไม่ได้ไปด้วย

“อยากไปด้วย” ไม่มีใครฟังเสียงฉันเลย

“อย่ารุนแรงกับเมียนักล่ะ” พี่เคนทิ้งระเบิดความอายให้ฉันก่อนจะเดินนำออกไปเป็นคนแรก เพื่อนฉันนี่ฉีกยิ้มกันพร้อมกันเลยทีเดียวก่อนจะตามกันออกไปจนไม่เหลือใครสักคน

Kunpon Talk

“ไง พร้อมจะรับโทษจากฉันแล้วรึยัง” ผมเปิดปากถามเมื่อไม่มีใครมารบกวนเราสองคนแล้ว ยัยหมูตัวเล็กที่นั่งให้ผมกอดใช้นิ้วเขี่ยๆที่แก้มผมเล่นอย่างไม่รู้สึกรู้สาแถมยังหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานเสียเต็มปะดา มันน่าจับพาดตักแล้วฟาดมือหนักๆลงบนก้นงอนๆที่กำลังนั่งทับที่หน้าขานัก ไอ้คำพูดของเธอก่อนหน้านี้น่ะไม่ได้โกรธจริงจังอะไรนักหรอกแค่น้อยใจหมูเท่านั้นเอง รอให้หมูง้อจนจะหมดความอดทนเต็มทีหมูก็ไม่ยอมจะง้อ เอาแต่ชื่นชมกับแก้มผมเนี่ย

“จะให้รับโทษอะไรกันเล่า” ยังจะกล้าถามและทำหน้าตาน่ารักน่าใคร่ใส่ผมอีก ไม่รู้รึไงว่ามันทำเอาคนมองแทบบ้า ปากเล็กขมุบขมิบเหมือนกำลังด่าแต่มันไม่มีเสียงออกมาไงเลยไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร แต่ช่างเถอะด่าได้ด่าไป

“เธอทำให้ฉันเสียใจอยู่ยังไม่ยอมสำนึกอีกนะยัยหมูปีศาจตัวร้าย” ผมดุและยึดมือน้อยไว้แล้วยกขึ้นจูบใจกลางฝ่ามือนุ่มนิ่มแรงๆอย่างมันเขี้ยว หมูแดงแอบเบ้ปากน้อยๆผมเลยจุ๊บเข้าเต็มๆที่เรียวปากสวย ครั้งเดียวมันไม่พอเลยซ้ำอีกหลายรอบ

จุ๊บ

จุ๊บ

จุ๊บ

จุ๊บ

จุ๊บ

“โกรธอยู่ไม่ใช่เหรอ มาทำแบบนี้ได้ไงอ่ะ ลืมตัวหรือว่าไงคะ” ยอกย้อนผมอีก

“โกรธอยู่ก็จูบเธอได้ ทำไมมีปัญหารึไงหมู” นั่งบนเก้าอี้แบบนี้นานๆเริ่มจะเมื่อยผมเลยช้อนที่ข้อพับหมูแล้วอุ้มมานั่งที่โซฟาสีเบจติดผนังตรงมุมห้องแทน แรกๆก็ดิ้นอยู่หรอกแต่พอรู้ว่าพามาที่ไหนค่อยสงบลงหน่อย

“ฉันไม่อยากจะมีปัญหากับคนพาลนักหรอก หึ” พูดแบบเชิดๆชวนให้โดนขย้ำมากอ่ะ

“แล้วฉันพาลเพราะใครล่ะถ้าไม่ใช่คนแถวนี้ ทำแล้วยังไม่คิดยอมรับผิดอีกใช้ได้ที่ไหนกันคนแบบนี้” ผมย้อนถามแล้วก้มลงงับที่ซอกคอขาวผ่องน่ากินเต็มแรงจนร่างเล็กบนตักสะดุ้งโหยงแล้วทุบไหล่ผมทันที รอยฟันปรากฎขึ้นมาเด่นชัดผมเลยยิ้มอย่างพอใจพลางจูบเบาๆเป็นการขอโทษ

“มันเจ็บนะขุนกัดมาได้ไงแรงขนาดเนี้ย เป็นลูกหมาเหรอห๊ะ!” ใบหน้าใสหงิกงอพลางลูบตรงรอยแดงสีเข้มป้อยๆ อยากจะบอกว่ากัดมาหลายครั้งแล้วจะบ่นทำไมแต่ก็เงียบไว้ดีกว่า

“เธอก็กัดฉันคืนสิหมูไม่เห็นยากตรงไหนเลย จะกี่รอยก็ได้ตามสบายเลย อยากมีรอยกับเขาดูบ้าง อ่ะเต็มที่เลยน้องหมูของพี่ขุน” ผมเอียงคอให้เต็มที่และคิดว่าหมูไม่กล้าทำจริงหรอก เพราะหมูน้อยของผมค่อนข้างขี้อาย

“แน่ใจนะขุนว่ากี่รอยก็ได้น่ะ” รอยยิ้มเล็กๆตรงมุมปากของหมูทำเอาผมใจสั่นตาพร่าไปชั่วขณะเลยและคิดว่าตัวเองคิดผิดอย่างมหันที่มองพลาดไป

“ซี๊ดดด” ผมครางเลยเมื่อเขี้ยวเล็กๆงับที่ข้างลำคอแบบไม่ออมแรง มันเต็มแรงมากกว่าที่ผมทำกับเธออีกนะ และดูเหมือนกับว่าหมูกำลังสนุกสนานที่ได้เอาคืนผมอยู่นะเล่นงับไม่ยอมปล่อยเลย หมูปีศาจชัดๆเลยแต่ก็ชอบนะ

“เรียบร้อย” หมูยิ้มร่าอย่างมีความสุขเมื่อได้สร้างความสะใจไว้บนร่างกายของผมเลยพลอยทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้ คงไม่รู้สินะว่าผมรู้สึกดีแทบลอยตัวได้อยู่แล้ว ใสซื่อชะมัดหมูน้อยของผม ถ้าไอ้สองตัวนั้นเห็นมันต้องแซวแน่

“ทำรอยรักเพื่อกันไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้พี่ขุนใช่ไหมหมูจ๋าร้ายนักนะเมียหมูของพี่ขุน” ผมถามชิดแก้มแดงๆอย่างเป็นธรรมชาติแล้วจูบหนักๆอยู่หลายที ไม่อยากจะห่างไปไหนเลยว่ะอยากผูกติดไว้กับตัวเองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย

“แล้วนายคิดว่ามันจะใช้ได้ผลไหมล่ะไอ้รอยแดงๆที่ฉันทำเนี่ย” หมูย้อนถามผมกลับด้วยสายตานิ่งๆเสียงเข้มๆด้วยมาดนางพญาที่เพร้อมจะแผ่รังสีอำมหิตใส่

“ได้ผลสิครับ เพราะต่อไปพี่ขุนจะเล่นกับน้องหมูแค่คนเดียวเท่านั้น คนเดียวจริงๆนะ” ผมจับมือบางทั้งสองข้างขึ้นมาจูบที่ปากนิ่งแค่นี้ก็ทำเอาหมูลนลาน

“ละ...เล่นเล่นบออะไรเล่า พูดบ้าๆอะไรของนายเนี่ย นิสัยไม่ดีมากๆเลยรู้ตัวไหมขุน” ผมจ้องกลับยิ้มๆ หมดกันมาดนางพญาหมูตัวน้อยของผม เสียงตะกุกตะกักและหน้าตาแตกตื่นเชียว

“แล้วเธอคิดว่าฉันจะเล่นอะไรล่ะหมู วิ่งไล่จับ ซ่อนแอบหรือว่าเล่นผีผ้าห่มกับเธอ หืม” ผมไล้ปลายจมูกที่ข้างขมับหอมแล้วแกล้งระบายลมหายใจอุ่นๆใส่

“ฉันไม่รู้ไม่อยากเดาอะไรทั้งนั้นแหละ เงียบไปเลยนะ” หมูทำเสียงสะบัดใส่ผมซะงั้น เออใช่สิผมกำลังงอนหมูแดงอยู่นี่หว่า กลายเป็นว่าหายเองเฉยเลย เหอะๆ หมูไม่ต้องทำอะไรมากผมก็แปรสภาพเองเรียบร้อยให้มันได้อย่างงี้สิวะไอ้ขุน

“หื้ม หมูไม่อยากรู้หน่อยเหรอคะว่าพี่ขุนจะพาน้องหมูขึ้นเขียง ไม่ใช่สิขึ้นเตียงตอนไหน” ผมแกล้งกระซิบเสียงแปร่งๆข้างใบหูขาวสะอาดและเม้มติ่งหูนิ่มเล่น ฝ่ามือก็ลูบไล้ที่ขาขาวๆที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาอย่างเพลินๆ กระโปรง! “วันนี้กระโปรงสั้นนะหมู” ผมก้มมองขาขาวๆแล้วแทบจะแยกเขี้ยว

“อะไรของนายเนี่ย ใส่มาตั้งนานเพิ่งจะมองเห็นเหรอ แล้วมันก็ไม่ได้สั้นมากด้วย อย่าเยอะให้มากนักนะขุน” ยังจะมาทำหน้าหงุดหงิดใส่อีก ยัยตัวเล็กนี่ยังไงวะ

“ไม่รู้แหละ เดี๋ยวออกไปซื้อใหม่เลย”

Kunpon End

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel