บท
ตั้งค่า

1

ชนจันทร์ วารีนาถหญิงสาวรูปร่างอวบอัด เธออ่านข้อความสั้นๆ ที่ได้รับ เสร็จแล้วก็วางมือถือลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ …อีกเพียงอาทิตย์เดียวคุณฟาริดาจะกลับจากเมืองนอก ชนจันทร์กุมขมับ รู้สึกปวดหัวครุ่นคิดต่อเรื่องที่กำลังแก้ไม่ตก

บ้านวารีนาถของสามีไม่สมควรมาตกอับในตอนนี้เลย ชนจันทร์คิดโทษตนเอง ตนนั้นคือตัวซวย เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เริ่มเป็นสาว ทุกคนในบ้านสุขสบายดี แต่พอเวลาผ่านไป ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิม สาวใช้ในบ้านเริ่มหายไป กิจการของที่บ้านเริ่มทรุดตัว เธอไม่มีปัญญาดูแลกิจการของครอบครัวสามี ขณะนั้นมีเสียงรถมาจอดหน้าบ้านเรือนไทย เธอรู้เป็นลูกชายคนเล็กซึ่งกลับจากโรงเรียนจึงกลั้นน้ำในตาไว้เดินออกไปรับ

เด็กชายฐานันดร วัย7 ปี หน้าตาเหมือนแม่ สีผมไม่ดำขลับดูแตกต่าง สองมือน้อยไหว้ทำความเคารพเมื่อลงจากรถก่อนเดินเข้ามากอด ชนจันทร์หรือที่ลูกชายเรียกว่า แม่อ้อย ใช้สองแขนกอดลูกชายแน่น “เหนื่อย หิว เปล่าครับลูก” เธอถาม

“ผมโตแล้วครับแม่” ลูกชายบอกแบบนี้มาหลายเดือนแต่คนเป็นแม่ที่ยังไม่ชิน ขยี้ผมลูกพร้อมยิ้ม “จ๋า หนุ่มน้อย”

“แม่ครับ ผมอายเพื่อน แม่ทำเหมือนผมยังเป็นเด็กใส่เสื้อกันเปื้อน”

ชนจันทร์มองลูก พยักหน้าพูดบอกลูกว่าจะไม่ทำบ่อยๆและเดินพาลูกชายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่เด็กชายบอกแม่ให้ลงไปก่อน คุณแม่จำต้องตามใจลูก

ที่ผ่านมาเธอตามใจลูกชายมาตลอด อยากได้อะไรก็หามาให้ เธอยอมทำทุกอย่างให้ลูกมีวันนี้ ชนจันทร์เดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนถึงห้องอาหาร พยายามสลัดเรื่องกวนใจมากมายเพื่ออุ่นอาหารให้ลูกชาย เด็กรับใช้ช่วยงานอยู่ห่างๆ กระทั่งอาหารพร้อม เธอจึงนั่งรอลูกชายที่โต๊ะอาหาร กับข้าวบนโต๊ะหลายอย่างทำให้คุณแม่ใบหน้าเศร้า เศร้าเพราะคิดถึงวันข้างหน้า ตอนนี้เธอมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี กลัวต่อไปชีวิตจะเปลี่ยน… ลูกเดินเข้ามาคงจะเห็นจึงซักถาม “แม่ไม่สบายหรือครับ หน้าตาซีดจัง”

ชนจันทร์ส่ายหน้าบอกลูกชายไม่ต้องเป็นห่วง บอกให้ลงมือทานก่อนอาหารจะเย็นเสียหมด ฐานันดรไม่ดื้อเรื่องอาหารการกินมาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กเลี้ยงง่าย กินง่าย ชนจันทร์นั่งมองลูกด้วยสายตารัก ห่วงใย ครั้นมองหน้าลูกนานๆ พาลให้คิดถึงความหลัง

คิดครั้งใดก็เกลียดตนเองที่ครั้งหนึ่งเคยคิดอะไรสั้นๆจนเกือบทำลายก้อนเลือดก้อนนี้ แต่ต้องขอบใจสามี คนที่เธอไม่เคยมองเขา หนุ่มใหญ่เข้ามาเตือนสติทำให้เธอได้มีกำลังใจที่จะก้าวเดินสู่หนทางข้างหน้าต่อไป

คราแรกเลือกจะให้ก้อนเนื้อก้อนหนึ่งหายไป แต่สุดท้ายกลับเปลี่ยนใจเลือกให้ผู้ชายคนนั้นหายไปจากชีวิตเธอ เนิ่นนานที่ผ่านมาเขาหายสาบสูญจริงๆ สมหวังดั่งใจเขาอยากได้ ทว่าเธอก็ไม่อยากหลอกตนเอง การเลือกทางเดินด้วยความจำใจในวันนั้นทำให้เธอเจ็บไม่รู้ลืมแม้สักวันเดียว

เจ็ดปีก่อน

ชนจันทร์คือสาวน้อยเพิ่งเรียนจบมัธยมหก เป็นสาวน้อยที่ร่าเริงสดใส ในหมู่บ้านและหนุ่มละแวกเดียวกันต่างหมายปองมากมาย ชนจันทร์อาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่อายุค่อนข้างมาก เธอเป็นลูกที่พ่อแม่รักมาก ชนจันทร์ตั้งใจเรียนหนังสือแม้จะเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง เนื่องจากแม่บอกว่าเรียนสูงๆ จะไม่ลำบากเหมือนพ่อและแม่ เธอจึงเชื่อฟัง

บ้านทำนา ทำสวน ใช่ว่าพ่อแม่จะน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่เคยสอนให้เธอเกลียดอาชีพที่บรรพบุรุษทำมาเนิ่นนาน เธอเองก็เชื่อทุกอย่างแต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอพลั้งเผลอ ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจและอับอาย

ตราบาปในวันนั้น ทำให้ชีวิตเธอหักเหเซซังไม่เป็นท่า กว่าจะลุกขึ้นยืนได้ก็แทบปางตาย…

ลูกชายอาจจะไม่มีวันนี้ ถ้าวันนั้นเธอไม่ลุกขึ้นสู้ ไม่ยอมรับข้อเสนอจากผู้ชายแสนใจดีอย่างฐากูร วารีนาถ แม้เขาจะเป็นผู้ชายที่อายุมากถึง49 ปี แต่เขาคือผู้ชายที่โอบอุ้มเธอขึ้น พยุงจนเธอเดินได้ดีเช่นเดิม

“เขาเอ็นดูลูกนะ อย่าไม่ฟังคำคนอื่นที่ว่า เขาเฒ่าหัวงูเลย แก่แล้วแต่ยังดูดีนะลูก ที่สำคัญเขายอมรับในสิ่งที่ลูกเคยพลาด”

น้ำตาเธอไหลอาบแก้ม แม่กอดปลอบโยน แต่เธอไม่ได้ดีขึ้นเลย หัวใจในวันนั้น พร่ำเรียกหาแต่ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูก

คุณอยู่ไหน กลับมาหาหนูได้ไหม กลับมาเถอะนะ

ในความเป็นจริงหรือในฝัน เธอก็เอ่ยแต่ประโยคนี้…แต่ไม่นานเธอเลิกเพ้อพกทุกอย่างเมื่อได้อ่านข่าวสำคัญว่า คนบางคนกำลงเดินทางไปต่างประเทศเพื่อดูแลกิจการของครอบครัวอาจจะไม่มีวันกลับเมืองไทย…

คุณลม เธอรู้จักเขาแค่นั้น ช่างน่าสมเพชเด็กสาวอย่างเธอในวันนั้น เธอไม่ได้รู้ว่าผู้ชายที่มอบกายถวายหัวใจให้ที่แท้เขาคือลูกชายมหาเศรษฐีเจ้าของห้างดังในเมืองไทย นาม สายลม

“แม่ ผมทำการบ้านแล้วขอไปตกปลาที่บ่อหลังสวนนะครับ”

ลูกชายเข้ามาทำลายความคิดถึง แม่คนสวยพยักหน้ามองตามลูกชายสุดสายตา ไม่ลืมกำชับว่าอย่าออกไปไกลจากบริเวณบ้าน

พูดถึงบ้าน เธอก็คิดครุ่นเรื่องที่กังวล ห้องนอนที่แสนสบาย สิ่งแวดล้อมที่ลูกพึงพอใจ เธอกลัวมากเพราะใกล้วันเวลาที่ตกลงกับธนาคารแล้ว…ถ้าไม่มีเงินไปจ่าย เธออาจกลายเป็นบุคคลล้มละลาย แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับทุกอย่างของคุณฐากูรต้องสูญหายไป

“ขอโทษนะคุณกูร ที่หนูดูแลสมบัติคุณไม่ได้ หนูมันไม่ได้เรื่องจริงๆ” คุณแม่ยังสาวหน้าดำคร่ำเครียดเดินเข้าห้องพระเพื่อสงบสติอารมณ์ เมื่ออารมณ์อย่างคนเป็นโรคซึมเศร้าเข้ามาแทรกความเป็นตัวตน

ในห้องพระเธอมองรูปถ่ายพ่อแม่ที่จากไปพร้อมกับลูกเขยด้วยน้ำตานองหน้า คราแรกเธอโทษคนทั้งสามที่ทิ้งเธอไว้กับลูก ให้เธอต้องเผชิญกับอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่คิดอีกทีคนทั้งสามก็สอนให้เธอเข้มแข็ง แม้เจอเรื่องร้ายๆ ก็คิดหาทางแก้ปัญหา จากเด็กสาวที่ควรอยู่ในมหาลัย เธอกลายเป็นคุณแม่ที่แกร่งคนหนึ่งในยุคแห่งการขันแข่ง ใครเก่งสามารถไปต่อได้ และวันนี้ก็พิสูจน์แล้ว เธอยังอ่อนหัดมาก

“คุณคะ” เด็กรับใช้เคาะประตูเข้ามาพร้อมบอกว่าทางธนาคารเข้ามา คุณแม่คนสวยตกใจเลิกเศร้า รีบเดินลงไปด้านล่าง

เรื่องที่หวาดกลัว ภาวนาให้เวลาเดินช้าๆ จะได้ไม่เจอแต่รู้สึกเหมือนคำภาวนาจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามเสมอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel