2 ผู้ปกครองคนใหม่
เสียงใบพัดของเครื่องบินส่วนตัวตัดผ่านม่านฝนและหิมะหนาแน่นกลางราตรี เสียงฟ้าผ่าดังสะเทือนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาแอลป์ ขณะเครื่องบินของ Private Jet ลดระดับเข้าสู่สนามบินเจนีวา
แดเนียล วินเซอร์ นั่งนิ่งอยู่ในห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ดวงตาคมยังจับจ้องภาพเมืองที่กำลังถูกฝนซัดผ่านกระจกเล็ก ๆ ข้างตัว เสียงเครื่องยนต์ที่ดังก้องกลับไม่อาจกลบความคิดในหัวได้
ทุกภาพในอดีตเกี่ยวกับโธมัสย้อนกลับมา ชายผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยยื่นมือช่วยเขาออกจากตรอกสกปรกในลอนดอน
ชายที่เรียกเขาว่า ‘น้องชาย’ ได้อย่างเต็มปาก และสอนให้เขารู้ว่า ความไว้วางใจ... คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด และก็อันตรายที่สุดในโลกของมาเฟีย
‘ฉันไม่เคยขออะไรจากนาย แดเนียล… นอกจากให้ช่วยดูแลวิเวียน ตอนที่ฉันไม่อยู่’ เสียงนั้นยังชัดเจนในความทรงจำ เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วกว่าที่คาด
มาร์โก มือขวาคนสนิทที่นั่งฝั่งตรงข้าม มองเจ้านายเงียบ ๆ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ
“นายครับ… คนของเราตรวจสอบแล้ว รถของคุณโธมัสไม่มีร่องรอยเบรกชำรุด อุปกรณ์ทุกชิ้นยังอยู่ครบ แต่ระบบเบรก... ถูกปรับแต่งไว้ก่อนเกิดเหตุครับ”
แดเนียลเงยหน้าขึ้นช้า ๆ สายตาแข็งกร้าวจนอีกฝ่ายต้องหลบ
“ใครทำ?”
“ยังไม่แน่ชัดครับ แต่บริษัทคู่สัญญาที่คุณโธมัสเพิ่งเจรจาด้วยก่อนเกิดเหตุ คือกลุ่ม Vortex Defense”
“Vortex… เหรอ?” ชื่อบริษัทนั้นทำให้แดเนียลขมวดคิ้วทันที
เขารู้จักชื่อบริษัทนั้นดี มันคือเครือข่ายของคู่แข่งทางธุรกิจ และเป็นศัตรูเก่าที่เขาเคยทำข้อตกลงไว้ในอดีต... ว่าต่างคนต่างอยู่
สายฝนเริ่มเบาลงเมื่อเครื่องแตะพื้นสนามบิน เสียงล้อเสียดกับพื้นรันเวย์ดังแผ่วในความเงียบ
“สั่งคนของเรา... เตรียมรถให้พร้อม”
“เรียบร้อยแล้วครับนาย”
“ดี” เขาเอ่ยสั้น ๆ แล้วลุกขึ้น พลางหยิบเสื้อโค้ตสีดำมาสวม ก่อนก้าวออกไปโดยไม่เหลียวหลัง
สนามบินเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สายลมหนาวพัดแรงพอจะเฉือนผิวให้ชา แต่ชายผู้ก้าวลงจากเครื่องบินเจ็ตกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เกล็ดหิมะเกาะตามปลายเสื้อโค้ตสีเทาเข้ม ตัดกับแววตาคมใต้กรอบแว่นกันแดดสีดำ
“นายไปรอฉันที่โบสถ์ดีกว่ามาร์โก” เสียงทุ้มต่ำออกคำสั่งเรียบง่ายแต่เฉียบขาด
เขาก้าวขึ้นรถลีมูซีนสีดำที่จอดรออยู่ ล้อรถบดผ่านหิมะหนา เสียงเครื่องยนต์ดังเบา ๆ เคลื่อนออกจากสนามบิน มุ่งหน้าสู่เมืองโลซาน ปลายทางคือโรงเรียนประจำเก่าแก่สำหรับชนชั้นสูงและบุตรหลานของผู้มีอิทธิพลจากทั่วโลก รวมถึง... วิเวียน เวสโตรว์ ลูกสาวเพียงคนเดียวของโธมัส
ภายในอาคารเรียนเก่าแก่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสงบและความทรงจำ เมื่อประตูห้องพักครูถูกเปิดออก ทุกสายตาหันมาทางชายในชุดสูทเข้มที่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู
“ผมมาหาหลานสาว... วิเวียน เวสโตรว์” น้ำเสียงเยือกเย็นของเขากรีดผ่านบรรยากาศที่หนาวเหน็บ “คุณแดเนียล... ดิฉันต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ เรื่องคุณโธมัส” หญิงวัยกลางคนหลังโต๊ะเอกสารเงยหน้าขึ้นก่อนเอ่ยทัก
แววตาเขาไหวเพียงเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเผยออกมาชั่ววูบ ก่อนจะกลับไปนิ่งดังเดิม
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนครับ”
“ในห้องรับรองค่ะ เพื่อน ๆ พยายามช่วยกันปลอบอยู่ เธอร้องไห้มาทั้งคืนแล้ว...” แดเนียลพยักหน้าเบา ๆ
”เธอรู้เรื่องแล้วสินะ”
“ค่ะ แม่ของเธอมาที่นี่เมื่อเช้า”
“แล้วเธอไปไหน”
“กลับไปแล้วค่ะ เธออยู่ไม่นาน” แดเนียลนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามครูใหญ่ไปยังห้องรับรอง
สิ่งแรกที่เขาเห็น... ทำให้หัวใจที่เคยแข็งราวเหล็กกล้าอ่อนลงยวบ เด็กสาวร่างเล็กนั่งกอดเข่าบนโซฟามุมห้อง ร่างบางแทบจมหายไปในเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมสีเทาขนาดใหญ่ แขนเสื้อคลุมมือขาวซีดที่สั่นไหว
ผมสีดำขลับปรกแก้มแดงระเรื่ออย่างคนเพิ่งร้องไห้ รองเท้าผ้าใบสีขาวถูกถอดวางไว้ข้างตัวอย่างไม่ใส่ใจ เธอดูเหมือนเด็กหลงทางในโลกที่พังทลาย...
แต่สิ่งที่ทำให้แดเนียลต้องหยุดมองนานกว่าที่ตั้งใจ คือความละมุนอันแปลกตาในใบหน้าของเด็กสาว ผิวเนียนละเอียดไม่ขาวซีดแบบชาวยุโรปทั่วไป หากกลับแฝงความอบอุ่นของแสงแดดจากโลกตะวันออก แววตากลมโตสีน้ำผึ้งสะท้อนประกายเศร้าและไร้เดียงสา
เลือดไทยจากแม่ของเธอผสมกลมกลืนกับเชื้อสายเลือดสวิสของบิดาได้อย่างงดงามเกินบรรยาย เป็นความงามที่มีเอกลักษณ์ อ่อนโยนราวภาพสีน้ำที่พร้อมจะเลอะเลือนด้วยหยาดน้ำตาเพียงหยดเดียว
แดเนียลจำได้ดีว่าเธอคือลูกสาวของโธมัสกับหญิงชาวไทยชื่อ อัญญา เมื่อหลายปีที่แล้วอัญญาเคยทำงานกับเขา แต่ก็ได้ลาออกหลังจากย้ายไปอยู่ที่สวิสกับโธมัส ก่อนที่ทั้งคู่จะเลิกรากัน
ทั้งสองหย่าร้างกับโธมัสเมื่อสองปีก่อนเขาลืมไปเสียสนิทเลย เพราะเอาแต่บ้างานโดยไม่ได้สนโลกภายนอก อัญญาทิ้งให้โธมัสเลี้ยงลูกสาวเพียงลำพัง และอัญญาก็ไม่ได้กลับเมืองไทย แต่ว่าแต่งงานใหม่กับชายชาวสวิสที่รู้ข่าวนี้ก็เพราะมาร์โก
เขาเคยเห็นน้ำตาของคนมากมายในชีวิต แต่ไม่เคยมีน้ำตาของใคร... ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง และเจ็บปวดได้เท่านี้
“วิเวียน!!!...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชื่อเธออย่างแผ่วเบา
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงช้ำเบิกกว้างเมื่อเห็นชายในสูทสีเข้ม เธอกระพริบตาถี่ ๆ เหมือนกำลังพยายามแน่ใจว่าไม่ใช่ภาพลวง
“คุณ... เป็นใครคะ?” เสียงเธอสั่น กลืนไม่ลงกับเสียงสะอื้น เขาก้าวเข้าไปใกล้ ก่อนถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาคมเข้มสบตาเธออย่างตรงไปตรงมา
“ฉัน!!... แดเนียลไง อาของเธอเอง จำได้ไหม?” ริมฝีปากเล็กสั่นระริก
”อาแดน!!!...” น้ำเสียงที่ตื่นเต้นเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจปนเศร้า น้ำตาเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง แดเนียลยิ้มให้เธอเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่ได้มอบให้ใครมานานแสนนาน
“ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน เธอยังเด็กมาก... สิบขวบใช่ไหม” วิเวียนพยักหน้าเบา ๆ มือเล็กรีบเช็ดน้ำตาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“ตอนนี้เธอโตขึ้นมากเลยนะ...” เขาบอกเธออย่างอ่อนโยน สายตาไม่ละจากใบหน้าหวานที่ยังคงเปื้อนคราบน้ำตา
“ฉันแทบจำเธอแทบไม่ได้เลย...รู้มั้ย วิเวียน!!”
ความเงียบระหว่างคนทั้งสองขยายออก เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบา และเสียงหิมะที่ตกกระทบกระจก
“แล้ว!!!... หนูต้องไปอยู่ที่ไหนเหรอคะ...อาแดน” เสียงของเธอแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ
แดเนียลทรุดนั่งตรงข้าม ดวงตาคมเข้มสบตาเธอด้วยความแน่วแน่และอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
“ลอนดอน...” เขาตอบสั้น ๆ
“และต่อไปนี้... ฉันจะเป็นผู้ปกครองของเธอ”