บทย่อ
"คนนึงจริงใจ" แต่ "อีกคนระแวง"
พั้นซ์(1)
กริ๊ง....
(ว่าไงพั้นซ์)
"น้าอุ่น...ยะ ยาย..ยาย"
(ยายเป็นอะไร)
"ยายเสียแล้ว ฮือ...ฮึก"
หลังจากที่ฉันพูดจบ..ก็มีเสียงตกของโทรศัพท์
"น้าอุ่น ๆ "
(น้าจะรีบกลับไป...)น้ำเสียงน้าอุ่นสั่นเทา ราวกับกำลังจะร้องไห้
"ค่ะ"
ฉัน พั้นซ์ หลานสาวของน้าอุ่น ลูกแม่เพลงที่ทิ้งฉันไปตั้งแต่เด็ก ฉันอยู่กับยายและมีน้าอุ่นนี้แหละที่ช่วยเหลือฉันส่งฉันเรียนจนตอนนี้ฉันกำลังอยู่ชั้นปีที่ 4
หลังจากน้าอุ่นได้เสียสามีไป เธอกับน้องไอก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งน้าอุ่นได้เป็นบริหารงานที่นั้นแทนสามีของเขา ที่เธอตัดสินใจไป ก็เพราะไม่อยากเห็นอะไรเดิม ๆ เพราะเธอยังรักและคิดถึง สามีของเธอที่จากไปอยู่ แต่ถึงน้าอุ่นจะไปอยู่ที่นั้น เธอไม่เคยทอดทิ้งฉันกับยายเลย น้าอุ่นส่งเงินมาให้เราสองคนใช้ตลอด จนฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนน้าสาวคนนี้ยังไงถึงจะหมด เธอดีกับฉันและยายมาก
แต่ตอนนี้ฉันต้องสูญเสียคนที่ฉันรักไปซะแล้ว ฉันรีบโทรทางไกลหาน้าอุ่นทันที ทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ พอคุยโทรศัพท์กับน้าอุ่นเสร็จ ฉันก็เดินเข้าไปยังห้องที่มีศพยายนอนอยู่บนเตียง ผ้าขาวคลุมร่างท่านไว้จนมิดหัว มือสั่น ๆ ค่อย ๆ เปิดผ้าออก ก็เห็นใบหน้ายายที่ขาวซีดนอนนิ่งอยู่บนเตียง
"ฮึก...ฮื้อ..ๆ ยาย"เข้าเดินไปที่ปลายเท้าแล้วยกมือขึ้นกราบที่เท้าของฉัน หยดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม
"ขอบคุณที่เลี้ยงพั้นซ์มา พั้นซ์ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของยายเลย ยายก็จากพั้นซ์ไปซะแล้ว"
"มาตอบแทนบุญคุณฉันนี้"
"คุณเป็นใคร?"ฉันหันไปที่เสียงนั้น เจ้าของเสียงเป็นผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวค่อนข้างดี เดินเข้ามาหยุดแล้วมองไปที่ศพยายก่อนที่จะเหลือบมาจ้องหน้าฉัน
"แกจำแม่แกไม่ได้เหรอ"
"แม่"
"ใช่...ฉันเป็นแม่ของแก เป็นคนที่ให้แกเกิดมา"ผู้หญิงที่ยืนตรงหน้าพูดใส่ฉันเสียงดัง
"...."เธอเป็นแม่ของฉันจริง ๆ เหรอ แม่ที่ทิ้งฉันไว้หน้าสถานสงเคราะห์ คนที่ไม่เคยเลี้ยงดูฉันเลย ไม่เคยสนใจใยดีลูกอย่างฉัน เธอกลับมาทำไม?
"ต่อไปนี้ แกจะต้องตอบแทนบุญคุณฉัน"
"ตอบแทนบุญคุณ?"
"ใช่!"ฉันปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างลวก ๆ
"แม่จะกลับมาอยู่กับพั้นซ์ใช่ไหม"
"แกนั้นแหละต้องไปอยู่กับฉัน"
"...."
"ฉันจะขายบ้านยาย"
"แม่จะขายบ้านยายทำไม"
"ขายเอามาใช้หนี้!"แม่ตวาดใส่ฉันอย่างไม่มีเหตุผล ขายใช้หนี้? หนี้ใคร หนี้แม่งั้นเหรอ
"แม่ทำแบบนั้นไม่ได้นะ บ้านหลังนั้น ยายรักมากแม่จะขายบ้านยายไม่ได้"
"ทำไมฉันจะขายไม่ได้..นั้นมันบ้านแม่ฉัน"
"แต่ยายยกให้น้าอุ่นไปแล้ว" ใช่ยายยกบ้านหลังนั้นให้น้าอุ่น เมื่อตอนฉันยังเล็ก แต่น้าอุ่นบอกกับฉันว่า เมื่อฉันโตขึ้น เธอจะโอนบ้านนั้นมาเป็นของฉันแทน
"อีอุ่นมันเกี่ยวอะไรด้วย มันเป็นแค่หลาน ฉันเป็นลูก"
"ทำไมแม่ถึงเรียกน้าอุ่นแบบนั้น"
"ก็ฉันเกลียดมัน"แม่พูดพร้อมกับขบกรามแน่น แววตาโกรธแค้น ฉันไม่เข้าใจว่าแม่เกลียดน้าอุ่นเรื่องอะไร
"เจ้าของบ้านหลังนั้นเป็นชื่อน้าอุ่น"ฉันบอกกับแม่ เพื่อเตือนสติว่าแม่ไม่มีสิทธิ์อะไรกับบ้านหลังนั้นเลย
"แกว่าไงนะ"
"ยายโอนบ้านให้น้าอุ่นแล้ว"
"อีอุ่น!"
ศพของยายได้ถูกนำไปไว้ที่วัดเรียบร้อย โดยมีฉันและแม่เป็นคนจัดการ ฉันไม่ได้คุยกับเธอเลยเพราะยุ่ง ๆ กับการจัดงาน เรื่องที่เธอหายไป แล้วตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ ความรู้สึกฉันตอนนี้ รู้สึกดีใจ แต่ก็แอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันกับการปรากฎตัวของแม่
"เสียใจด้วยนะแก"นั้นเป็นเสียงของเพื่อนสนิทฉันเอง ที่พอรู้ข่าวเธอก็รีบมาทันที พร้อมกับ แมน เป็นเพื่อนชายของฉันอีกคน
"ขอบใจมากนะหอม แมนด้วยที่มารดน้ำศพยาย"ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ก้มหน้าลงไม่อยากให้เพื่อนเห็นน้ำตาที่กำลังจะไหล แมนเดินเข้ามาตบที่บ่าฉันเบา ๆ
"ยายไปสบายแล้ว...อย่าเสียใจเลยนะ"
"แก ๆ ผู้หญิงคนนั้นใคร"ฉันเช็ดน้ำตาแล้วหันไปที่แม่ซึ่งเธอกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไกล ๆ
"แม่ฉันเอง"
"แม่?"ทั้งสองออกเสียงพร้อมกัน สายตายังคงมองไปที่แม่ของฉัน
"แกมีแม่ด้วยเหรอว่ะ"
"หอม ทำไมเธอพูดแบบนั้น"แมนเอ็ดหอมเบา ๆ เธอจึงรีบยกมือปิดปากตัวเอง
"ไม่เป็นไร"
ระหว่างนั้นพอแม่คุยโทรศัพท์เสร็จเธอก็เดินมาที่พวกเรา
"แม่นี้ หอมกับแมนเพื่อนพั้นซ์"ว่าจบเพื่อนทั้งสองก็ยกมือขึ้นไหว้แม่ฉันอย่างนอบน้อม
"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ"
"ขอบใจนะที่มา..เข้าไปในงานเถอะ"ขณะที่ฉันจะพาเพื่อนเดินเข้าไป แม่ก็ดึงแขนฉันไว้ก่อน
"พั้นซ์ เดี๋ยวแม่จะแนะนำคน ๆ นึงให้รู้จัก"
"ใครกัน"ฉันเอ่ยถาม แม่ก็จูงมือฉันไปที่ลานจอดรถ
"เดี๋ยวมาก็รู้เอง...นั้นไงมาแล้ว"แม่พูดพร้อมกับชี้ไปที่รถยนต์คันหรูที่กำลังจับเข้ามา พอรถจอดสนิท คนขับเปิดประตูแม่ก็พาฉันเดินไปหาเจ้าของรถ พอเขาออกมาจากรถ ฉันก็พบว่าเจ้าของรถเป็นผู้ชายค่อนข้างมีอายุแล้ว ราว ๆ รุ่นลุงได้ ฉันต้องเรียกเขาลุงน่าจะเหมาะ
"สวัสดีค่ะ เสี่ยเทพ"เจ้าของชื่อไม่ได้มองแม่ แต่เขากลับหันมามองฉันแล้วยกยิ้มมุมปากท่าทางของเขาไม่น่าไว้ใจเลย
"นี้นะเหรอลูกสาวเธอ"ชายสูงวัยเอ่ยถาม
"พั้นซ์ ไหว้เสี่ยเทพสิ"แม่ใช้มือสะกิดฉัน
"สวัสดีค่ะ"ฉันจึงทำตามที่แม่สั่ง ชายสูงวัยวิสาสะเอามือมากุมมือฉัน ทำให้ฉันตกใจสะบัดมือออก
"พั้นซ์!.อย่าเสียมารยาท"แม่เอ็ดฉันสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก ราวกับฉันทำผิดมหันต์ ฉันก้มหน้างุดเพราะรู้สึกแย่ที่โดนแม่ดุ
"พาเสี่ยเทพเข้าไปด้านใน"
"เดี๋ยวรอเพื่อนผมก่อน พอดีผมพาชวนเพื่อนมาด้วย"แม่หันไปยิ้มให้กับเสี่ยเทพ ซึ่งแตกต่างกับฉันที่เธอทำหน้าตึงใส่
"ใครเหรอคะ..."
"คุณปัญน่ะ"
"คุณปัญ เศรษฐีนี ที่เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์นะเหรอคะ"แม่เบิกตากว้างท่าทางดีอกดีใจ
"อืม"ชายสูงสัยเปล่งเสียงรับ แต่ทว่าสายตาก็ยังมองมาที่ฉัน
ไม่นานรถยนต์คันหรูราคาเหยียบหลายล้านก็ขับเข้ามา คนในรถเปิดประตูทั้งสองฝั่ง คนขับเป็นผู้ชายอายุราว ๆ สามสิบ นิด ๆ หน้าตาหล่อเหลา ดูสง่ามาก ส่วนอีกคนเป็นหญิงสูงวัยอายุพอ ๆ กับลุงที่จ้องฉันราวกับจะกลืนกินฉันไปทั้งตัว
"เอ้า ตาปุณมาด้วยเหรอ"เสี่ยแก่พูดขึ้นก่อนที่จะก้าวขาเดินไปหาทั้งสองพร้อมกับแม่ โดยมีฉันเดินตามไปติด ๆ
"เป็นเกียรติมากเลยที่คุณปัญมางานศพแม่ของดิฉัน"แม่เอ่ยพร้อมกับยิ้มกว้าง.
"สวัสดีค่ะ"ฉันยกมือไหว้แขกที่มาใหม่ทั้งสองโดยที่แม่ไม่ต้องบอก
"นี้ลูกสาวดิฉันเอง"
"น่าตาน่ารักจัง"สาวสูงวัยที่ยังดูดีพูดขึ้น ฉันส่งยิ้มหวานไปให้เธอพร้อมกับหันไปมองอีกคนที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาจ้องไปด้านในงาน ราวกับไม่ได้สนใจอะไนเลย
"คุ้มค่าจริง ๆ"จู่ ๆ เสี่ยแก่ก็เอ่ยขึ้น
"หมายความว่าอะไร"คุณปัญหันไปถามเขา
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ..เชิญด้านในดีกว่า"เป็นแม่ที่พูดขึ้น แล้วผายมือให้ทั้งหมดเดินเข้าไปด้านใน...สร้างความสงสัยกับคำพูดของเสี่ยแก่นั้นมาก แต่ฉันก็ไม่ได้ไต่ถามอะไรแม่
??????????

