ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
ขณะที่ปฐวีกำลังครุ่นคิดถึงหญิงสาวผู้มีฐานะร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีคนหนึ่ง คนที่ตนบังเอิญไปรู้จักเมื่อครั้งไปเที่ยวเชียงใหม่ หญิงสาวลูกผสมไทย-ฮ่องกงคนนั้นก็ทำให้เขาพอใจตั้งแต่เห็นหน้าและเขาก็จัดการรวบหัวรวบหางเป็นเจ้าของเธอ จากนั้นก็คบหากันต่อราวสองเดือนเศษ ก่อนที่เขาจะหนีหายไปเพราะเริ่มเบื่อหน่ายและรู้ว่าฝ่ายนั้นเกิดท้องขึ้นมา แต่หากรู้ว่าครอบครัวจะเกิดปัญหาเช่นนี้ เขาคงไม่ทิ้งหล่อนมาแน่ๆ เพราะอย่างน้อยบริษัทผ้าไหมของเธอ ก็พอจะทำให้ครอบครัวของเขาพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
‘เขาควรกลับไปหาเธอ แล้วก็ปั้นเรื่องหลอกเธอสักนิด แค่นี้ก็อยู่หมัด’ ปฐวีคลี่ยิ้มเล็กน้อยกับแผนการที่คิดอยู่ในใจ เพราะผู้หญิงอย่าง ฮุ่ยจื่อ เป็นคนใจอ่อนมาก แถมยังออกจะซื่อจนโง่ด้วยซ้ำไป
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมต้องรีบเดินทางไปเชียงใหม่” ปฐวีพูดขึ้นเมื่อภายในห้องโถงมีแต่ความเงียบและตึงเครียด
“เกิดเรื่องขนาดนี้ แกยังมีกะจิตกะใจออกไปเที่ยวอีกหรือไงเจ้าปัด” บิดาเอ่ยอย่างตำหนิ
“ผมไม่ได้ไปเที่ยวครับคุณพ่อ ผมจะไปหางานทำ พอดีผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่น” ปฐวีเอ่ยบอก ก่อนหลบสายตาจับผิดของบิดา เพราะปิดบังเรื่องไปทำผู้หญิงท้องที่เชียงใหม่เอาไว้
“งานอะไรของแก ตาปัด” คนเป็นแม่ถามด้วยความสงสัย ใจก็อดจะหวั่นๆ ไม่ได้เพราะกลัวบุตรชายจะไปก่อเรื่องเข้าให้อีก เพราะแค่เรื่องหนี้สินก็กลุ้มใจเกินจะทนอยู่แล้ว
“ก็คงทำงานตามที่เรียนมาครับ คุณแม่อย่าลืมสิครับว่าผมเรียนจบนะครับ ไม่ได้เหมือนยัยเปรมที่เข้าเรียนที่ไหนก็ไม่จบ ผมขอไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถงแต่ต้องหยุดชะงักปลายเท้าเอาไว้ พร้อมเสียงกรีดร้องอย่างขัดใจของปิ่นสุดาที่ถูกพี่ชายกระแนะกระแหนแต่เธอยังไม่ทันได้ต่อว่าพี่ชายแม้แต่คำเดียว บิดาก็ยกมือห้ามเสียก่อน
“ยัยปิ่นจะกลับมาอยู่แล้ว ทำไมแกไม่อยู่รอน้องก่อนล่ะ เจ้าปัด” คุณกิตติพูดขึ้นเมื่อหยุดเสียงของบุตรสาวคนโตได้ โดยมีปิ่นสุดาเบ้ปากออกอย่างนึกชังแฝดน้องที่ได้ไปร่ำเรียนถึงเมืองนอก
“ยัยปิ่นคงไม่อยากเจอผมนักหรอกครับ มีแค่คุณพ่อคุณแม่ แล้วก็ยัยเปรมไปรับที่สนามบิน ยัยปิ่นก็ยิ้มแก้มปริแล้วละครับ ส่วนผมขอตัวเพราะต้องรีบไปหางานทำ เผื่อจะได้ช่วยคุณพ่อได้บ้าง” ปฐวีพูดเสียงเรียบๆ หวนนึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องสาวฝาแฝดอีกคนที่มารดาสั่งให้เขาเกลียดเธอ
“ใครบอกว่าเปรมจะไปรับนังปิ่น เพราะน้ำหน้าอย่างมัน แค่ให้คนสวน คนขับรถไปรับก็พอแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นต้องไปยืนขาแข็งรอมันสักนิด ใช่ไหมคะคุณแม่ขา” ปิ่นสุดาโพล่งขึ้น พลางจ้องหน้าพี่ชายได้ แววตาขุ่นเคือง
“ใช่แล้วจ้ะลูกเปรม เพราะคุณแม่ก็ไม่ไปเหมือนกัน ส่วนคุณก็ไม่ต้องไปรับยัยปิ่นหรอก อยู่บ้านพักผ่อนสบายๆ ดีเสียกว่าไปยืนรอรับยัยปิ่นตาปัด แกจะรีบไปจัดกระเป๋าไม่ใช่หรือไง รีบไปได้แล้ว”
พูดจบคุณปภาดาก็ฉุดมือบุตรสาวให้ลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องรับแขกตามหลังลูกชายคนโต ทำให้ต้องยุติการถกเถียงเรื่องหนี้สินไปโดยปริยาย ภายในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงคุณกิตติที่ยังคงนั่งกลัดกลุ้มใจอยู่ ก่อนที่ป้าช้อยและสาวใช้สองคนจะเข้ามาดูแลประมุขของบ้านเมื่อคุณ ปภาดาและปิ่นสุดาขับรถออกไปจากบ้าน ประมุขของบ้านหันไปยิ้มบางๆ ให้กับคนรับใช้และแม่ครัวคนเก่าแก่ที่เลี้ยงดูปิ่นมุกมาตั้งแต่เด็กเล็กน้อย ก่อนที่ท่านจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อนด้วยสีหน้าทุกข์ระทม
