ตอนที่5.นั่น คนไข้ของนาย!
“แต่สำหรับนักธุรกิจหญิงดีเด่นอย่างแม่ฉัน เงินต้องมาเป็นที่หนึ่งรวมทั้งผลประโยชน์ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต”
คราวนี้พัลลภเป็นฝ่ายถอนหายใจเสียเอง เห็นใจเพื่อน เมื่อนึกไปถึงความต้องการของมารดาจิณณ์
เขารู้จักจงกลนีดี มารดาของเพื่อนถือความต้องการของตัวเป็นใหญ่
พัลลภเคยเห็นมารดาจิณณ์อาละวาดมาครั้งหนึ่ง เมื่อคราวมาตามจุณกลับกรุงเทพฯ โชคดีจิณณ์เข้ามาแก้สถานการณ์ได้ทัน
จนถึงทุกวันนี้ จงกลนีก็ยังติดเคืองๆลูกชายคนเล็กที่แหกกรอบมาใช้ชีวิตที่ตัวเองเลือก
หากจิณณ์นั่นล่ะที่แก้ไขให้ทุกอย่างดีขึ้น
โชคดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างจุณกับพัลลภยังเป็นความลับ ไม่อย่างนั้นเขายังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า จงกลนีจะเป็นเช่นไร
ถ้าได้ล่วงรู้
“แล้วเอ่อ...”
พัลลภเอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียงนัก “ทางหนีทีไล่ที่นายบอก”
นายแพทย์หนุ่มยังนึกกระดากใจ เพราะลึกๆยอมรับว่า กลัวจุณต้องเป็นฝ่ายทำตามความต้องการของมารดาเสียเอง
หากจิณณ์ไม่ยินยอม
“นั่น คนไข้ของนาย!” เสียงเปรยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของจิณณ์ทำให้พัลลภหันมองตาม
“อ๋อ คุณปราง”
หญิงสาวที่จิณณ์เดินสวนเมื่อตอนที่เข้าไปหาพัลลภที่โรงพยาบาล อีกฝ่ายพาลูกสาวมาพบหมอพัลลภตามเวลานัด
นายแพทย์หนุ่มนึกเอะใจ ขมวดคิ้วเหลือบมองเพื่อนรักที่ยังจ้องผ่านกระจกร้านไม่วางตายิ่งกว่ามองเด็กสาวที่ทำหน้าที่ชงกาแฟเสียอีก
เมื่อสายตาของจิณณ์แฝงรอยประหลาดล้ำที่บ่งบอกถึงความสนใจหญิงสาวที่เดินอยู่ริมถนนอีกฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟ
นวลปรางกำลังจูงมือเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่ใช้มือกลมป้อมเลือกหยิบหนังสือนิทานจากแผงเล็กๆหน้าร้านของชำ
หล่อนไม่ทันหันมามองจึงไม่รู้ว่า สายตาของใครบางคนเฝ้าดูอยู่
จิณณ์เห็นร่างโปร่งบางในเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวที่ถักริมด้วยโครเชต์ระบายคล้ายลูกไม้ตามแขนเสื้อและชายกระโปรงต่อจากตัวเสื้อยาวกรอมเท้าเรียวที่ถูกรัดรึงด้วยหนังสานเปลือย
ช่างเป็นรองเท้าที่ดูเก๋จนไม่น่าเชื่อว่า จะได้เห็นสาวบ้านป่าสวมใส่ไม่ใช่สาวเมืองที่ล้ำแฟชั่นกว่า
หล่อนสะพายกระเป๋าผ้าใบโตไว้ที่ไหล่
ข้อมือสวมกำไลเงินวงเล็กๆหลายวงไม่มีลวดลายรวมทั้งแหวนเงินวงเล็กที่นิ้ว
จิณณ์ว่า เขาสะดุดตาผมหยิกยาวเคลียเอวคอดของหล่อน
ทั้งยังล้อมกรอบดวงหน้าที่เข้มด้วยนัยน์ตากลมโตกับจมูกโด่งรั้นเหนือริมฝีปากบางที่เชิดนิดๆอย่างเย่อหยิ่ง
“เด็กนั่นเป็นลูกสาวเธองั้นหรือ”
จิณณ์ถามอย่างต้องการความแน่ใจ
อีกครั้ง...ที่เขาหวังให้เด็กหญิงตัวเล็กน่ารักที่อยู่ในอ้อมแขนหล่อนผลักให้เขาออกห่างจากหล่อนโดยพลัน
“หืม” พัลลภรับ “น่าสงสาร เป็นกำพร้าตั้งแต่แบเบาะ”
“อะไรนะ!” จิณณ์หันขวับ
“ก็เด็กนั่น” พัลลภบุ้ยใบ้ “ถ้านายหมายถึงลูกสาวคุณปราง หนูแป้งร่ำ”
“สามีของผู้หญิงคนนั้น”
“ตายไปได้สี่ห้าปีแล้วหวะ เท่าอายุเด็ก”
“แล้ว แล้ว...” จิณณ์ตัดสินใจถาม “ไม่มี..เอ่อ..คนใหม่”
พัลลภส่ายหน้า พลางหัวเราะขบขัน เพราะรู้ทันเพื่อน
“ขอบอกไว้ก่อน ถ้าจะตามจีบรายนี้คงยาก เปลี่ยนใจเถอะ”
“ทำไมว่ะ นายไม่อยากได้เพื่อนสะใภ้เป็นคนที่นี่หรือ เผื่อฉันอาจย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน” จิณณ์แกล้งว่า
“เห็นทีจะยาก” พัลลภยืนกราน “ไม่ต้องถึงมือแม่นายหรอกที่ไม่มีทางยอมให้นายมีเมียที่เป็นหม้ายลูกติด”
นายแพทย์หนุ่มหันมองนวลปราง
เขานึกขอโทษหล่อนอยู่ในใจที่กำลังจะเอาชีวิตส่วนตัวของหล่อนมาเปิดเผย ก็แค่ต้องการให้จิณณ์เปลี่ยนใจ
จิณณ์หันมองเด็กหญิงตัวน้อยอีกครั้ง “ท่าทางเด็กนั่นไม่เหมือนคนป่วยสักนิด”
เขามองเห็นความร่าเริงของเด็กหญิงแป้งร่ำที่กำลังพูดคุยหัวเราะกับผู้เป็นมารดา
“ก็คงเหมือนแม่แก คุณปรางเข้มแข็งเป็นคนเก่ง ตั้งแต่สามีเธอตายก็ทำงานเลี้ยงลูกตามลำพัง ไม่เห็นยุ่งเกี่ยวกับใคร”
“ท่าทางนายสนิทสนมกับเธอดี”
พัลลภพยักหน้า
