บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 หวังดีประสงค์ร้าย

ในช่วงค่ำชยันต์เดินไปเคาะประตูเพื่อเรียกลูกสาวลงไปกินข้าวด้วยกัน มื้อนี้ทั้งสี่คนอยู่กันพร้อมหน้า ช่อผกานั่งอยู่ข้างสามีของเธอ ส่วนยิปโซก็นั่งฝั่งเดียวกับน้ำค้าง อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายเมนูที่ภรรยาของเขาตั้งใจเตรียมเอาไว้อย่างสุดฝีมือ

“น้าช่อตั้งใจทำของโปรดให้ลูกเลยนะ ลองชิมดู”

ชยันต์ใช้ช้อนตักแกงเผ็ดไก่ให้ลูกสาว เขาจำได้ว่าน้ำค้างชอบให้แม่ทำเมนูนี้ให้กินอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเขาแต่งงานใหม่แล้วรับช่อผกากับยิปโซเข้ามาอยู่ในบ้าน น้ำค้างก็ไม่เคยเรียกร้องให้ทำเมนูนี้อีกเลย

“ขอบคุณค่ะ”

น้ำค้างจำใจตักเข้าปากเพื่อให้พ่อสบายใจ จะว่าไปรสชาติก็อร่อยดี แต่เห็นหน้าคนทำแล้วทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว แต่ก็ต้องฝืนใจเพื่อไม่ให้พ่อลำบากใจที่เห็นคนในบ้านไม่ลงรอยกัน

“เรื่องเรียนถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหนูขอให้พี่น้ำค้างช่วยได้นะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” ชยันต์เอ่ยกับลูกติดภรรยาใหม่

“พอดีหนูมีคนช่วยติวแล้วค่ะคุณลุง”

ยิปโซมักจะตั้งแง่กับน้ำค้างตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ของเธอมักจะพูดกรอกหูเป็นประจำว่าต้องทำตัวน่ารัก เชื่อฟัง ตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งในโรงแรมที่สูงกว่าลูกสาวในไส้ของเขา

แม้ว่ายิปโซจะไม่เคยคิดอยากเข้าไปดูแลโรงแรมที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ด้วยความรักแม่ เธอจึงไม่ขัดใจและทำตามอย่างเชื่อฟัง

“สองคนนี้อยู่มหาลัยไม่ค่อยได้เจอกันเหรอ นี่ก็ผ่านมาปีกว่าแล้วยังไม่สนิทกันอีก” ชยันต์เอ่ยถาม

แม้ว่ายิปโซจะเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย แต่ถ้านับรวมตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็หนึ่งปีสี่เดือนแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่ค่อยพูดคุยกัน

“ปีหนึ่งกับปีสองลงเรียนต่างกันค่ะ ไหนจะฝึกงานแยกส่วนกันอีก เลยไม่ค่อยได้เจอกัน” น้ำค้างเอ่ยตอบ

“ไม่คาดคั้นเด็ก ๆ นะคะคุณ เรามากินข้าวกันดีกว่าค่ะ”

ช่อผกาเอ่ยกับสามีด้วยน้ำเสียงละมุน ชยันต์ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ เขาคงจะหัวโบราณเกินไป เด็กสมัยนี้มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง ไปคาดหวังอะไรมากก็ไม่ได้ แต่เขาก็แอบหวังว่าความสัมพันธ์ของทุกคนในบ้านจะดีขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากกินมื้อค่ำไปได้สักชั่วโมง น้ำค้างก็รู้สึกคันตามร่างกายจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ แต่ยิ่งอาบก็เหมือนว่าความคันเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอรีบล้างคราบสบู่ออกจนหมด แล้วออกมาทาครีมบำรุงก็พบว่าเริ่มมีผื่นแดงเห่อขึ้นตามตัวราวกับแพ้อะไรบางอย่าง

หญิงสาวเร่งสวมใส่ชุดนอนกระโปรงผ้าคอตตอนสีชมพู แล้วคว้าเสื้อคลุมมาใส่ทับอีกชั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ก๊อก ก๊อก

“มีอะไรเหรอจ้ะหนูน้ำค้าง”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ช่อผกาลุกออกจากโซฟาปลายเตียงมาเปิดประตู ก็เห็นลูกสาวของสามียืนทำหน้าจริงจังเกาแขนทั้งสองข้างยิก ๆ

“น้าใส่อะไรให้ฉันกิน”

“คุณชยันต์ให้น้าทำแกงเผ็ดไก่ของโปรดของหนูน้ำค้าง น้าก็ทำตามที่พ่อหนูบอกไงจ๊ะ”

“อย่ามาเฉไฉ”

“เอ๊ะ หนูน้ำค้างนี่ยังไง อย่ามาหาเรื่องน้านะจ๊ะ คุณพ่อหนูกำลังไม่สบายอยู่ น้าไม่อยากให้มีเรื่องรบกวนใจ”

“มีอะไรรึเปล่าคุณช่อ”

ชยันต์ใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงของทั้งสองคนโต้เถียงกัน จึงเดินมาหาที่ประตู เอ่ยถามภรรยาก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่แสดงสีหน้าไม่สู้ดี

“มีอะไรเหรอน้ำค้าง”

“พ่อดูนี่สิคะ”

น้ำค้างเลิกเสื้อคลุมยื่นแขนที่มีผื่นเม็ดเล็กสีแดงให้ผู้เป็นพ่อดู ไม่ได้มีแค่นั้นในร่มผ้าก็คันไปทั้งตัวเช่นกัน แค่เปิดให้ดูไม่ได้

“คุณได้ใส่ถั่วเหลืองในกับข้าวเย็นนี้หรือเปล่า” ชยันต์หันไปถามภรรยาที่บีบมือเข้าหากันแน่น

“เอ่อ คุณคะ ฉันใส่นมถั่วเหลืองในแกงเผ็ดไก่”

คราแรกช่อผกากะจะไม่ยอมรับ แต่นึกขึ้นได้ว่าทิ้งกล่องนมถั่วเหลืองไว้ในถังขยะห้องครัว หากสามีสั่งให้คนไปตรวจสอบหาหลักฐาน เธอคงไม่พ้นผิดอย่างแน่นอน สู้ยอมรับออกไปเสียตอนนี้เลยดีกว่า

“ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าน้ำค้างแพ้ถั่วเหลือง”

“ก็ฉันไม่ค่อยได้เข้าครัวนี่คะเลยจำไม่ได้ แล้วอีกอย่างเด็กสาวสมัยนี้ก็ชอบกินอาหารคลีน ฉันก็เลยใส่ลงไปแทนกะทิ ฉันก็แค่หวังดีนะคะ แต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้ลูกสาวของคุณแพ้ขนาดนี้”

ช่อผกาแสดงสีหน้าหวั่นวิตกที่ถูกสามีต่อว่า รีบหาข้ออ้างมาหักล้างความผิด ก่อนจะปรายตามองไปยังลูกสาวของเขา

“ขอโทษนะหนูน้ำค้าง น้าว่ารีบไปหาหมอเถอะจ้ะ”

เห็นว่าช่อผกาเพียงแค่หวังดีเลยไม่คิดว่าผลที่ตามมาจะทำให้ลูกสาวของมีอาการแพ้ ชยันต์จึงไม่ได้ต่อว่าอะไร

“รอพ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพ่อไปส่ง”

ชยันต์กะจะเข้าไปใส่เสื้อผ้าเพื่อเดินทางไปส่งลูกสาว น้ำค้างแพ้ถั่วเหลืองค่อนข้างหนัก ตอนนี้ผื่นเริ่มหนาขึ้น อีกไม่นานก็คงจะแน่นหน้าอก พ่ออย่างเขาไม่วางใจที่จะปล่อยให้ลูกไปโรงพยาบาลตามลำพัง แต่ก็ถูกภรรยาใหม่เอ่ยรั้ง

“คุณกำลังไม่สบายอยู่ รออยู่ที่บ้านนะคะ ฉันเป็นห่วง เดี๋ยวหนูน้ำค้างฉันจะพาเธอไปหาหมอเองค่ะ”

ช่อผกาเอ่ยพลางเลื่อนไปจับมือของสามี ช้อนสายตาที่รู้สึกผิดขึ้นมอง

“หนูลงไปรอข้างล่างนะคะ”

หญิงสาวคร้านจะเห็นคนตีหน้าซื่อแสร้งทำเป็นคนดี อีกทั้งพ่อของเธอก็ไม่ได้กล่าวโทษหรือตักเตือนอะไรทั้งนั้น เห็นแล้วก็พลันรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ทำได้แค่เดินหนีกลับเข้าห้องไปเอากระเป๋าและโทรศัพท์ ก่อนจะไปนั่งรอบนรถที่คนขับรถนำมาจอดรอ

น้ำค้างนั่งเงียบมาตลอดทางเนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอกเพิ่มขึ้น แม้ว่าภรรยาใหม่พ่อจะมาด้วยแต่ก็ไม่ได้สนใจถามไถ่อาการ เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือไม่รู้ว่าดูอะไรหนักหนา ดีที่ว่าโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลบ้านมาก เดินทางเพียงแค่สิบนาทีก็ถึง

“เนื่องจากคนไข้มีอาการแพ้รุนแรง คืนนี้หมอจะให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนนะครับ”

“ค่ะคุณหมอ”

หญิงสาวตอบกลับแพทย์เวรดึกในห้องฉุกเฉิน แล้วเธอก็ได้ถูกพยาบาลเจาะสายน้ำเกลือคาไว้ที่หลังมือ ฉีดยาอิพิเนฟรินที่กล้ามเนื้อต้นขา รวมทั้งรับยาแก้แพ้มากินตามที่หมอสั่ง ก่อนจะถูกเคลื่อนย้ายมานอนพักดูอาการที่ห้องพิเศษ

พยาบาลออกไปกันแล้ว ภรรยาใหม่ของพ่อเธอก็เพิ่งจะเอ่ยถาม

“หนูน้ำค้างอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมจ๊ะ”

ปริปากพูดได้สักที นึกว่าเป็นไบ้

น้ำค้างลอบถอนหายใจหันมองคนถามพลางต่อว่าในใจ

“กลับบ้านไปพักเถอะค่ะ แล้วฝากบอกคุณพ่อด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง”

“จ้ะ”

ช่อผกาเอ่ยรับคำด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยก็เดินออกจากห้องไป คืนนี้น้ำค้างก็ต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาลคนเดียวราวกับคนไม่มีญาติเลยสักคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel