ตอนที่ 4 เธอยอมพี่เอง
ฉลามกระตุกยิ้มจ้องมองหญิงสาวที่หลบสายตาเขาอยู่ตลอด ยกมือวนเวียนข้างพวงแก้มสีเลือดฝาด ทั้งสองยืนอยู่ใกล้กันมากจนได้กลิ่นของลมหายใจผสมกับกลิ่นเหล้า
“ทำไมถึงไม่คุยกันเลยล่ะ ทำอย่างกับไม่รู้จัก”
“ก็ไม่ได้อยากรู้จัก แล้วก็ช่วยขยับออกไปด้วย” น้ำค้างเอ่ยเสียงแผ่ว หลุบตามองต่ำ
“แต่เราดันรู้จักกันแล้วนี่สิ ทำไงดี”
หนุ่มหล่อยกยิ้มยียวน ส่งมือหนาเชยปลายคางสาวสวยเชิดขึ้นจ้องสบตากัน จากนั้นก็ส่งมืออีกข้างรั้งท้ายทอยของเธอเข้ามาใกล้
“อื้อ”
น้ำค้างส่งเสียงต่อต้านในลำคอพร้อมกับมือพยายามผลักไส เพียงชั่วครู่ก็เหมือนว่าเธอจะเผลอตัวคล้อยตามความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ได้รับ เผยอปากเปิดรับเอาลิ้นร้ายเข้าไปในโพลงปากหวาน
ฉลามตวัดลิ้นสากต้อนลิ้นของสาวสวยแสนเย่อหยิ่งจนจนมุม ดูดดื่มเอาน้ำหวานที่คละเคล้ากับรสเหล้าลงคอ และดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยู่ เผลอตวัดลิ้นหยอกล้อเขาอย่างไม่ประสาส่งผลให้ชายหนุ่มลมหายใจติดขัด ตัดสินใจผละริมฝีปากออกก่อนที่จะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ กระตุกยิ้มจ้องมองคนที่หายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงและหลุบตามองต่ำ
“หึ”
เสียงแค่นหัวเราะของคนตรงหน้าทำให้น้ำค้างได้สติ ช้อนดวงตาที่ไหววูบขึ้นมองคนฉวยโอกาสกับเธอเป็นครั้งที่สอง ผลักแผงอกของเขาให้ขยับห่างออกไปด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด ก่อนจะง้างฝ่ามือขึ้นหมายจะตบเรียกสติคนเมา แต่ก็ถูกเขาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ น้ำค้างจึงสะบัดแขนออก เอ่ยต่อว่าเขาแทน
“พี่มันบ้า ฉันบอกแล้วไงว่ามีแฟนแล้ว ไม่เข้าใจหรือไง”
“แล้วไง เธอยอมพี่เอง”
น้ำค้างเบิกตากว้าง ยืนชะงักไปชั่วครู่กับประโยคที่ดังเข้าหูและท่าทางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระของเขา ยอมรับว่าเธอขาดการยับยั้งชั่งใจเอง แต่ก็ไม่คิดว่าจะพลาดยอมให้เขาจูบอยู่นานสองนาน แล้วเธอก็เผลอจูบตอบเขาไปอีก
เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
“อย่ามาทำแบบนี้กับฉันอีก ฉันไม่ชอบ”
“บอกตัวเองดีกว่าไหมว่าอย่าใจง่ายกับพี่อีก ไม่งั้นครั้งหน้ามันอาจจะไม่ใช่แค่จูบ”
คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปม จ้องมองคนตรงหน้าดวงตาแข็งกร้าว นอกจากรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแล้ว อย่างอื่นก็คงไม่มีอะไรดีแม้กระทั่งปาก เธอยกสองมือผลักแผงอกของเขาอีกครั้งด้วยความโมโห สะบัดหน้าบึ้งตึงเดินหนีกลับไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
ฉลามกระตุกยิ้มชอบใจไหวไหล่ใส่แผ่นหลังของเธอ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่กับไอรินสองต่อสอง
ใบหน้าสวยร้อนผ่าวกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เมื่อน้ำค้างเข้าไปถึงโต๊ะก็เห็นนายน์กำลังจูบกับไอริน เธอรู้ว่าเพื่อนเป็นคนรักอิสระไม่คบใครจริงจัง แต่ก็ไม่คิดว่าจะประเจิดประเจ้อกันแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอเห็นไอรินจูบกับผู้ชายทั้งที่ไม่ได้อยู่ในที่ลับตาคน
ฉลามตามหลังมาก็เข้าไปนั่งข้างเพื่อนของเขาอย่างไม่ใส่ใจราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วพยักเพยิดใบหน้าหล่อคล้ายกับบอกให้เธอนั่งลง
และดูเหมือนคนทั้งสองจะรู้ตัวว่ามีคนเข้ามานั่งด้วยจึงผละริมฝีปากออกจากกัน แล้วหันมาดื่มเหล้ากันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่อกข้างซ้ายของน้ำค้างกลับเต้นไม่เป็นส่ำอย่างแปลกประหลาด พลันทำให้เธอนึกถึงภาพจูบกับฉลามไม่กี่นาทีก่อนหน้า มือเล็กรีบคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มดับความร้อนบนใบหน้าและลบภาพที่วนเวียนอยู่ในหัว
“ไปไหนมาวะ” นายน์เอ่ยกับฉลาม
“ห้องน้ำ”
“ไปนานนะมึง หรือแอบไปหาสาว” นายน์กระตุกยิ้มอย่างรู้ทัน
ฉลามแค่นหัวเราะในลำคอ ส่งสายตาคู่คมจ้องสาวสวยตรงหน้าที่ทำสายตาเลิ่กลั่กอย่างคนเสียอาการ ยกแก้วเหล้าที่เพิ่งชงใหม่กระดกลงคอก่อนจะส่งเสียงสำลัก
แค่ก แค่ก
“เบา ๆ ก็ได้ แกจะรีบเมาไปไหน”
ไอรินเอ่ยพลางลูบหลังให้เพื่อนรัก พร้อมกับส่งสายตาจับผิดโดยไม่ได้ถามอะไร คืนนี้น้ำค้างมีท่าทีแปลกผิดปกติ แต่เธอมั่นใจมากว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับน้ำค้างแน่ ๆ หรือว่าที่หายออกไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ แล้วเพื่อนของนายน์ก็ยังเดินตามหลังกันออกไปด้วย ทั้งสองจะมีเรื่องกันอีก
“อีชะนี ฉันกลับมาแล้วจ้า”
เสียงเฟญ่าดังมาแต่ไกล สาวสองเดินโซเซเข้ามานั่งข้างน้ำค้างด้วยความเหนื่อยหอบ ก็เล่นผลัดไปเต้นกับคนนั้นที คนนี้ที เพิ่งจะได้กลับมานั่งก็ปาไปเกือบชั่วโมง
“หายไปเลยนะอีเฟรม นึกว่าลืมว่าโต๊ะที่แกนั่งอยู่ตรงนี้”
“ว้าย อีดอก กูบอกว่าอย่าเรียกชื่อจริง แกก็ปล่อยให้ฉันไปหาหนุ่ม ๆ บ้างสิยะอีน้ำค้าง ไม่เห็นเหรอ คืนนี้มีแต่ผู้หล่อ ๆ น่ากินกันทั้งนั้น”
เฟญ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะดีดสะดิ้ง กวาดสายตามองหนุ่มหล่อโต๊ะรอบข้าง ออกมาเที่ยวทั้งทีก็ต้องปล่อยจอยกันหน่อย จะให้มานั่งอยู่กับโต๊ะก็คงน่าเบื่อ
สองสาวต่างหลุดขำชอบใจกับประโยคของเพื่อน พอได้แซวเฟญ่าเล่นก็ทำให้น้ำค้างคลายความอึดอัดที่เกิดขึ้นไปได้บ้าง จากนั้นทุกคนก็นั่งดื่มกันต่อจนเกือบตีหนึ่ง แล้วแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเอง
*****
ช่วงบ่ายของวันเสาร์
“คุณคะ วันนี้หนูน้ำค้างกลับมานอนที่บ้าน ฉันเข้าครัวทำอาหารเองดีไหมคะ”
เสียงของช่อผกาภรรยาคนใหม่ของชยันต์ ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังใจกลางตัวเมือง เอ่ยขึ้นขณะกำลังยืนนวดไหล่ให้สามีในห้องทำงานของบ้านหลังใหญ่
หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดูดีด้วยเสื้อผ้าแบนด์หรู และดูแลผิวพรรณด้วยกันเข้าคลินิกเสริมความงามอยู่เป็นประจำ ทำให้มีหน้าตาราวกับอายุสามสิบต้น ๆ ได้เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้พร้อมกับลูกสาววัยสิบเก้าปี หลังจากได้แต่งงานกับชยันต์เมื่อปีก่อน ซึ่งตอนนี้ยิปโซลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอที่สามีเก่าทิ้งไว้ให้เลี้ยงดูตามลำพังก็เรียนอยู่คณะเดียวกันกับน้ำค้าง แต่อยู่ปีหนึ่ง หวังว่าเรียนจบมาจะได้รับความไว้วางใจจากสามีใหม่ให้ลูกสาวของเธอได้บริหารงานโรงแรมที่ชยันต์เป็นผู้ก่อตั้งร่วมกับภรรยาเก่าของเขา
น้ำค้างมานอนค้างที่บ้านวันนี้ ช่อผกาก็หวังจะเอาใจสามีซึ่งกำลังป่วยเป็นหวัดด้วยการโชว์ฝีมือการทำอาหาร ซึ่งน้อยครั้งที่เธอจะลงมือเข้าครัวเอง ส่วนใหญ่จะเป็นแม่บ้านของที่นี่เป็นคนจัดเตรียมเอาไว้รอทุกมื้อ
“อื้ม ก็ดีเหมือนกัน น้ำค้างชอบกินแกงเผ็ดไก่ฝีมือ…” ชยันต์หมายจะเอ่ยถึงภรรยาเก่า แต่ก็ต้องเก็บถ้อยคำนี้เอาไว้
“ผมรบกวนคุณทำเมนูนี้ด้วยนะ อ้อ แล้วก็อย่าลืมของโปรดของหนูยิปโซล่ะ ผมไม่อยากให้ลูกทั้งสองคนน้อยใจ”
“ได้ค่ะ ฉันจะทำให้สุดฝีมือ”
น้ำค้างมาถึงบ้านประมาณสามโมงเย็นก็รีบขึ้นไปหาผู้เป็นพ่อบนห้องทำงานที่อยู่ชั้นสอง ชายวัยกลางคนเผยรอยยิ้มต้อนรับลูกสาวสุดที่รัก เธอเดินเข้ามาย่อตัวลงนั่งข้างเก้าอี้แล้วสวมกอดที่แขนของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“สวัสดีค่ะพ่อ หนูคิดถึงพ่อจัง”
“คิดถึงทำไมไม่กลับมาหาพ่อบ่อย ๆ”
“พ่อมีคนอยู่เป็นเพื่อนแล้วนี่คะ อีกอย่างอยู่คอนโดหนูก็เดินทางไปเรียนสะดวกกว่า”
เธอไม่อยากทำให้พ่อคิดมาก เลยไม่ได้พูดถึงเหตุผลแท้จริงว่าเป็นเพราะภรรยาใหม่ของท่านนั่นแหละที่ทำให้เธอลำบากใจจนไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนี้
“ลูกน่าจะกลับมาเมื่อวานจะได้นอนค้างสักสองคืน”
ชยันต์ลูบเรือนผมของลูกสาวอย่างทะนุถนอม แต่ก็เข้าใจว่าน้ำค้างโตขึ้นมากแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง คงอยากมีเวลาส่วนตัว แล้วตอนนี้บ้านของเขาก็ไม่เหมือนเดิม มีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่เพิ่มอีกสองคน
“...” หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับอะไร เพียงแต่คลี่ยิ้มให้ผู้เป็นพ่อเท่านั้น ในใจก็หวังว่ากลับมาครั้งนี้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธออีก
